"...จากการลงพื้นที่ตรวจสอบมัสยิดกลางจ.ตรัง พบความผิดปกแรก คือ ลักษณะของการตั้งงบประมาณ เป็นลักษณะทยอยตั้งงบ ตรงนี้เป็นข้อพิรุธอย่างหนึ่ง ทำไมอบจ.ซึ่งโดยหลักการแล้วตั้งงบแบบครั้งเดียวจบได้ ทำไมจึงไม่ตั้ง ทำไมต้องทยอยตั้งจนกระทั่งใช้เวลาถึง 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ล่าสุดที่ตั้งงบมาเกือบ 10 ล้านบาท โดยผู้ประมูลได้งานดังกล่าวมาที่ 8 ล้านกว่าบาท มาทำบันได ชานชลา สระบัว งานภูมิทัศน์ เท่ากับมาแก้ปัญหาบางส่วนด้วย เพราะเท่าที่ดูมันมีซากของการปรับปรุงภูมิทัศน์ เช่น ต้นอินทผลัมมีการย้ายที่ปลูก จนกระทั่งต้นเหี่ยวเฉาตามที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งแต่เดิมน่าจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์มาแล้วส่วนหนึ่ง..."
..................................
ประเด็นตรวจสอบกรณีมีสมาชิกกลุ่มใช้ชื่อว่า “ชมรมตรังต้านโกง” เข้าร้องเรียนต่อสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดตรัง(สตง.ตรัง) กรณีมัสยิดกลางจังหวัดตรัง ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง(อบจ.ตรัง)ดำเนินการก่อสร้างยาวนานกว่า 10 ปีแต่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จนปัจจุบันมีสภาพพังเสียหาย และมีการตั้งงบประมาณจัดทำเป็นโรงการเข้าไปซ่อมซ่อม ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดตรัง (สตง.ตรัง) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดตรัง (ป.ป.ช.ตรัง) ขณะที่ นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง ยอมรับว่าโครงการนี้ดำเนินงานก่อสร้างมาแล้วกว่า 10 ปี ใช้งบประมาณในการดำเนินการไปร่วม 100 ล้านบาทแล้ว แต่งานยังไม่แล้วเสร็จเนื่องการก่อสร้างมัสยิดมีรายละเอียดค่อนข้างมากและสำคัญทุกขั้นตอน ส่วนการดำเนินงานไม่ได้ปัญหามากมายตามที่มีการร้องเรียนนั้น
(อ่านประกอบ : ร้อง 'สตง.' สอบมัสยิด อบจ.ตรัง 32 ล. ก่อสร้างตั้งแต่ปี 52 ยังไม่เสร็จ-ชำรุดหลายจุด, ทุกขั้นตอนสำคัญ-มีรายละเอียดมาก! 'กิจ หลีกภัย' แจงใช้งบ 100 ล.สร้างมัสยิด 10ปี ไม่เสร็จ)
ล่าสุด มีความคืบหน้าเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สตง. ในนามผู้ตรวจสอบเงินแผ่นดินภาคประชาชน ได้นำทีมงานเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จของมัสยิดกลางจังหวัดตรัง ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง และท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.สำนักงานตรัง และสมาชิกชมรมตรังต้านโกง รวมทั้งได้เข้าพบ นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรัง ที่ห้องทำงาน พร้อมกับ นายสุธินทร์ แนมไสย ผอ.สตง.ตรัง ด้วย
นายสุธินทร์ แนมไสย ผอ.สตง.ตรัง เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า นายพิศิษฐ์ ในฐานะผู้ตรวจสอบเงินแผ่นดินภาคประชาชน พร้อมด้วย สตง.ตรังและชมรมตรังต้านโกง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างมัสยิดกลางจ.ตรัง
โดยพบว่างานปัจจุบัน คือ งานปรับปรุงภูมิทัศน์ งบประมาณ 8 ล้านกว่าบาท ซึ่งตนเคยแนะนำไปยังอบจ.ตรังให้ซ่อมหลังคา ซึ่งเป็นหลังคาคอนกรีตที่มีรอยรั่ว และแนะนำให้ปรึกษากับโยธาธิการจ.ตรังก่อน สำหรับเอกสารที่เคยต้องไปรอถึง 2 วันแล้วยังไม่ได้มานั้น ขณะนี้ได้จากอบจ.ตรังมาแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม และได้ส่งเอกสารที่ได้มาให้ลูกน้องตรวจว่าครบถ้วนหรือไม่
“นายพิศิษฐ์ ได้ไปพบกับนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรังคนปัจจุบัน และได้ฝากข้อเสนอแก่นายกอบจ.ตรัง เกี่ยวกับโครงการต่างๆที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น โครงการท่าเรือต่างๆ โดยให้ร่วมผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์ เสียดายนะครับ ที่รู้ๆกันอยู่ว่ามีหลายที่”นายสุธินทร์ระบุ
ขณะที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าสตง. กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบมัสยิดกลางจ.ตรัง พบความผิดปกแรก คือ ลักษณะของการตั้งงบประมาณ เป็นลักษณะทยอยตั้งงบ ตรงนี้เป็นข้อพิรุธอย่างหนึ่ง ทำไมอบจ.ซึ่งโดยหลักการแล้วตั้งงบแบบครั้งเดียวจบได้ ทำไมจึงไม่ตั้ง ทำไมต้องทยอยตั้งจนกระทั่งใช้เวลาถึง 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ล่าสุดที่ตั้งงบมาเกือบ 10 ล้านบาท โดยผู้ประมูลได้งานดังกล่าวมาที่ 8 ล้านกว่าบาท มาทำบันได ชานชลา สระบัว งานภูมิทัศน์ เท่ากับมาแก้ปัญหาบางส่วนด้วย เพราะเท่าที่ดูมันมีซากของการปรับปรุงภูมิทัศน์ เช่น ต้นอินทผลัมมีการย้ายที่ปลูก จนกระทั่งต้นเหี่ยวเฉาตามที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งแต่เดิมน่าจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์มาแล้วส่วนหนึ่ง
“ฉะนั้นลักษณะเป็นงบประมาณแบบทยอยลงไป ผิดวิสัย เพราะโดยปกติทั่วไปเขาจะไม่ตั้งงบทยอยแบบนี้ เพราะมันไม่มีวันจบ ไม่มีวันกำหนดว่าจะใช้ประโยชน์ได้เมื่อไหร่ ส่วนที่กล่าวอ้างว่ามีการใช้ประโยชน์บ้างตามรูปถ่าย แต่เป็นที่สังเกตเห็นว่า บางห้วงเวลาตัวอาคารด้านในยังใช้ไม่ได้ ต้องใช้การกางเต้นท์ด้านนอกแทน บางครั้งการใช้พื้นที่ด้านในก็ใช้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น เป็นการใช้งานที่ไม่เป็นกิจจะลักษณะ แต่เป็นแบบใช้ประโยชน์ชั่วครั้งชั่วคราว ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ บนโดมยังไม่มีการติดสัญลักษณ์ดาว-พระจันทร์เสี้ยวอย่างเป็นทางการ ทำให้ไม่สามารถส่งมอบให้กับผู้นำศาสนาในจ.ตรังเพื่อใช้สอย ครอบครอง หรือเป็นศาสนสถานอย่างเป็นทางการได้”นายพิศิษฐ์กล่าว
นายพิศิษฐ์กล่าวอีกว่า วันที่คณะไปตรวจสอบ อบจ.ตรังไม่สามารถแสดงหลักฐานตัวเลขงบประมาณทั้งหมดได้ ทั้งที่ก่อนตนเดินทางไป ก็มีข่าวว่าทางสตง.ตรัง และ ป.ป.ช.ตรังได้เข้าไปขอข้อมูลมาก่อนแล้ว รวมทั้งที่ตนไป ก็ยังไม่มีใครได้ตัวเลข โดยทางอบจ.ตรังอ้างว่าต้องใช้เวลารวบรวม เนื่องจากเอกสารยาวนานมานับ 10 ปี
“ผมได้เตือนไปว่าหากเอกสารหายในทางการเงิน ถือว่าเงินหาย ต้องชดใช้เงินคืนหากพิสูจน์ได้ว่าจ่ายไปเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพราะการไม่มีหลักฐานตัวเลขให้ตรวจสอบได้ มันเป็นความไม่โปร่งใส ส่วนนายบุ่นแล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรังคนใหม่ ได้อ้างว่าเพิ่งมารับตำแหน่งได้เพียง 5 วัน แต่ นางสุภมาส ศรมณี ปลัดอบจ.ตรัง ที่อยู่มายาวนาน ได้บอกว่าต้องใช้เวลาสำรวจตัวเลข จนถึงวันที่คณะเดินทางกลับ ก็ยังไม่ได้รับรายงานสรุปมาว่าจริงๆแล้วใช้เงินงบประมาณไปเท่าไหร่ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีข่าวว่า ผอ.สตง.ตรัง ไปรอเอกสาร 2 วันไม่ได้เอกสาร อันนี้ก็สะท้อนถึงความไม่ชอบมาพากล โครงการใด จะยาวนานแค่ไหน ถ้าตราบใดยังไม่ปิดโครงการ หลักฐานทุกอย่างต้องอยู่ครบเพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบได้ ผมไปขอข้อมูลจากอบจ.ตรังไม่ได้อะไรเลย แม้แต่พูดคุยยังไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ แม้นายช่างอบจ.ตรังก็บอกว่าเอกสารอยู่กับคนอื่น เป็นลักษณะของการบ่ายเบี่ยง”นายพิศิษฐ์ระบุ
นายพิศิษฐ์กล่าวย้ำด้วยว่า เท่าที่ทราบมีการยอมรับว่าใช้งบประมาณรวมเป็น 100 ล้านบาท เริ่มจากครั้งแรก คือ ถมที่ดิน 10 ล้านบาท อาคาร 20 ล้านบาท และงานตกแต่งภายใน แต่จากสภาพภายในที่พบเห็น คือ ฝ้าเพดาน ดาดฟ้า แตกร้าวเนื่องจากก่อสร้างเสร็จมานานแล้ว และได้มีการซ่อมไปแล้วด้วย ด้วยการปูยาง ยาแนวรอยร้าว แต่สุดท้ายก็ยังร้าวอยู่ และสังเกตได้ว่ามีน้ำซึม เพดานทะลุ แสดงให้เห็นว่าการสร้างในระยะเวลายาวนานแบบนี้ กว่าจะได้ส่งมอบงาน ก็ได้ซ่อมแล้วซ่อมอีกอยู่แบบนี้ ซึ่งเพดานและฝ้าเพดาน คงต้องตั้งงบไปซ่อมแซมอีก น่าจะไม่จบทีเดียว แม้จะบอกว่างบ 8 ล้านบาทมาซ่อม แต่สุดท้ายที่กำลังทำอยู่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว และยังดูท่าทางมีปัญหาในส่วนผังบริเวณโดยรอบเพราะที่เห็นเป็นเพียงการก่อสร้างลานด้านหน้า สระบัว และปรับปรุงภูมิทัศน์บางส่วน เช่น ปูอิฐตัวหนอน ประเด็นก็คือ 8 ล้านบาท ในความเห็นของตน คิดว่าเป็นราคาที่สูง เรื่องนี้สตง.ตรังซึ่งกำลังขอเอกสารไปตรวจสอบ ขอให้ดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังไปว่า แต่เดิมเคยปรับปรุงอะไรไปบ้าง และเป็นการปรับปรุงซ้ำซ้อนหรือไม่ และยังมีต้นอินผลัมที่เป็นซากตายอยู่อีก รวมทั้งราคาค่าก่อสร้างต่างๆ ทั้งนี้ สตง.มีวิศวกรในการประมินความเหมาะสมของงบประมาณกับเนื้องานและการดำเนินการ แต่หากตนประเมินจากประสบการณ์ เบื้องต้นถือว่าแพง
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพโดยทั่วไปพบว่าอาคารไม่มีการใช้งานมาช้านาน เพราะพบมีหยากไย่บริเวณบันไดทางขึ้นเต็มไปหมด ขาดการบำรุงรักษา มีฝุ่นเกาะ แม้ทางอบจ.ตรัง จะอ้างว่าเกิดจากฝุ่นที่มาจากการตัดหินปูลานหน้าประตู แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากฝุ่นที่ว่านี้ ฟุ้งขึ้นไปยังชั้น 2 ของมัสยิด และมีในส่วนของพัดลมไอน้ำ สภาพก็ยังอยู่ในกล่อง เก้าอี้ มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด
ทั้งหมดนี่ คือความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับการตรวจสอบงานก่อสร้างมัสยิดกลางตรัง วงเงิน 100 ล้านบาท ที่ใช้เวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จเรียบร้อย
อ่านประกอบ :
ร้อง 'สตง.' สอบมัสยิด อบจ.ตรัง 32 ล. ก่อสร้างตั้งแต่ปี 52 ยังไม่เสร็จ-ชำรุดหลายจุด
ทุกขั้นตอนสำคัญ-มีรายละเอียดมาก! 'กิจ หลีกภัย' แจงใช้งบ 100 ล.สร้างมัสยิด 10ปี ไม่เสร็จ
'อิศรา' ตามไปดูมัสยิดกลางตรัง ใช้งบ 100 ล. (ทำไม?) สร้าง 10 ปี ไม่เสร็จ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/