"....จําเลยที่ 1 ต้องการเงิน 30,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยปรับคะแนนผลงานทางวิชาการให้ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยนัดหมายนําเงินมามอบให้จําเลยที่ 2 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ที่ชั้น 2 ศูนย์คอมเพล็กซ์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อถึงวันนัดดังกล่าว จําเลยที่ 2 ได้ยื่นแบบสรุปผลการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะสําหรับกรรมการประเมินคณะที่ 2 (วฐ.6) ที่มีลายมือชื่อของจําเลยที่ 1 เป็นผู้ประเมิน ให้ผ่านเกณฑ์แล้ว..."
...............................
รองศาสตราจารย์ วชิระ อินทร์อุดม จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุก 5 ปี
นางทิพย์สุดา ธนุการณ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 9,000 บาท
คำให้การของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 2 เดือน 20 วัน และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 2 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
คือ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ในคดีกล่าวหา รองศาสตราจารย์ วชิระ อินทร์อุดม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับพวก คือ นางทิพย์สุดา ธนุการณ์ เรียกรับเงินจากครูชำนาญการแลกกับการช่วยปรับคะแนนผลงานทางวิชาการให้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 , 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : ยืนโทษคุก 5 ปี ! 'รศ.' อดีตอาจารย์ ม.ขอนแก่น เรียกรับเงินช่วยปรับคะแนนผลงานวิชาการ)
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดคำพิพากษาของ ศาลอุทธรณ์ในคดีนี้
@ พฤติการณ์คดี
ขณะเกิดเหตุ รองศาสตราจารย์ วชิระ อินทร์อุดม จําเลยที่ 1 เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตําแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษาสังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่และผลงานทางวิชาการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะชํานาญการพิเศษ
นางทิพย์สุดา ธนุการณ์ จําเลยที่ 2 รับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งครูชํานาญการโรงเรียนบ้านสุขเจริญ ตําบลนาขาม อําเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
สืบเนื่องจากจําเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งจากอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2 ให้ร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่และผลงานทางวิชาการของข้าราชการครูและบุคลากรทางศึกษาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะชํานาญการพิเศษของผู้รับการประเมิน รวมถึงราย นาย ป. (ชื่อตัวย่อ) ตำแหน่งครูชํานาญการ โรงเรียนบ้านเขวา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2 ที่มีผลการประเมินปรากฏว่า กรรมการสองคนประเมินให้ผ่านเกณฑ์ ส่วนจําเลยที่ 1 ประเมินให้ไม่ผ่านเกณฑ์
คณะกรรมการ จึงมีมติให้นาย ป. ปรับปรุงผลงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมการแล้วเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาใหม่ นาย ป. จึงนำผลงานที่แก้ไขปรับปรุงแล้วเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552
ต่อมา เมื่อระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จําเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยร่วมกับจําเลยที่ 2 เรียกรับเงินจากนาย ป. เป็นเงิน 30,000 บาท เพื่อตอบแทนในการที่จําเลยที่ 1 จะประเมินผลงานของนาย ป. ให้มีคะแนน โดยเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่และผลงานทาง วิชาการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นครูชํานาญการพิเศษ อันเป็นการกระทําโดยหน้าที่ของจําเลยที่ 1 โดยจําเลยทั้งสองแบ่งหน้าที่กันทํา
กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เวลากลางวัน จําเลยที่ 2 ได้ โทรศัพท์ไปหานาย ป. แจ้งว่า จําเลยที่ 1 ผู้ตรวจผลงานต้องการพบ เนื่องจากผลงานของนาย ป. ไม่ผ่านเกณฑ์ โดยนัดหมายให้ไปพบในวันเดียวกันเวลา 14 .30 นาฬิกา ที่ชั้น 2 ศูนย์คอมเพล็กซ์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น
นาย ป. จึงได้ไปพบตามที่นัดหมาย จําเลยที่ 2 ได้แจ้งแก่นาย ป. ว่าได้คะแนนประเมิน เพียง 56 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่กําหนด
จําเลยที่ 1 ต้องการเงิน 30,000 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยปรับคะแนนผลงานทางวิชาการให้ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยนัดหมายนําเงินมามอบให้จําเลยที่ 2 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ที่ชั้น 2 ศูนย์คอมเพล็กซ์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น
เมื่อถึงวันนัดดังกล่าว จําเลยที่ 2 ได้ยื่นแบบสรุปผลการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะสําหรับกรรมการประเมินคณะที่ 2 (วฐ.6) ที่มีลายมือชื่อของจําเลยที่ 1 เป็นผู้ประเมิน ให้ผ่านเกณฑ์แล้ว
นาย ป. จึงได้จ่ายเงินให้แก่จําเลยทั้งสองเพียงบางส่วนจํานวน 20,000 บาท โดยจําเลยที่ 2 เป็นผู้รับมอบเงิน
โดยเจ้าพนักงานตํารวจซึ่งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ได้คุมตัวจําเลยที่ 2 ไว้ พร้อมยึดเงินสดเป็นธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท จํานวน 20,000 บาท แบบการประเมิน (วฐ.6) จํานวน 2 แผ่น พร้อมซองสีน้ำตาล 1 ซอง โทรศัพท์เคลื่อนที่ จํานวน 2 เครื่อง สมุดฝากเงินธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) สาขาย่อย ศูนย์คอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อบัญชี รองศาสตราจารย์วชิระ อินทร์อุดม และนางทิพย์สุดา ธนุการณ์ จํานวน 1 เล่ม
จากนั้นนาย ป. ได้ร้องทุกข์ ดําเนินคดีแก่จําเลยทั้งสอง
ในการกระทํา ความผิดของจําเลยที่ 1 ดังกล่าวมีจําเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือโดยกระทําการเรียกรับเงินร่วมกับจําเลยที่ 1 และเป็นผู้รับเงินแทนจําเลยที่ 1
จําเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จําเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 ให้ลงโทษจําคุกจําเลยที่ 1 มีกําหนด 5 ปี จําคุกจําเลยที่ 2 มีกําหนด 3 ปี 4 เดือน และปรับ 9,000 บาท
คําให้การในชั้นสอบสวนของจําเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จําเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 78 คงจําคุกจําเลยที่ 2 มีกําหนด 2 ปี 6 เดือน 20 วัน และปรับ 5,000 บาทโทษจําคุก
สําหรับจําเลยที่ 2 ให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 2 ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจําเลยที่ 2 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จําเลยที่ 1 อุทธรณ์
@ ข้อวินิจฉัยตามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจําเลยที่ 1 ว่า จําเลยที่ 1 กระทําความผิดตามคําพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่
โดยจําเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทําความผิดของจําเลยที่ 2 นั้น ทางไต่สวนได้ความจากคําเบิกความเป็นพยานของนาย ส. (ชื่อย่อ) ยืนยันการให้ปากคําไว้ต่อ ป.ป.ช. ว่า ขณะเกิดเหตุพยานดํารงตําแหน่งประธานอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2 ทําหน้าที่เป็นประธานการประชุมในการบริหารงานบุคคล รวมถึงการพิจารณาแต่งตั้งผู้ที่จะประเมินผลงานวิทยฐานะของครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2 ตาม
วันเวลาเกิดเหตุขณะที่พยานเห็นนาย ป. ส่งมอบเงินให้จําเลยที่ 2 พยานได้เข้าไปแสดงตัว เมื่อสอบถามแล้วจําเลยที่ 2 บอกว่าเป็นตัวแทนมารับเงินให้แก่ จําเลยที่ 1 พยานเปิดซองสีน้ำตาลในที่เกิดเหตุ พบว่ามีเอกสารที่จําเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อประเมินผลงานทางวิชาการของนาย ป. ให้ผ่านคือ 65 คะแนน ค้นกระเป๋าของจําเลยที่ 2 พบโทรศัพท์เคลื่อนที่ บัตรข้าราชการ และสมุดบัญชี เงินฝากซึ่งมีชื่อของจําเลยที่ 2 เป็นเจ้าของบัญชีร่วมกับจําเลยที่ 1
ขณะอยู่ที่ สถานีตํารวจมีบุคคลที่แสดงตัวว่าชื่อ ว. โทรศัพท์พูดคุยกับพยาน ขอให้คดีจบที่สถานีตํารวจ พยานตอบไปว่าเรื่องอยู่ในขั้นตอนของเจ้าพนักงาน ตํารวจแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการให้ปากคําของนาย ป. ต่อพนักงานไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่า ภายหลังจําเลยที่ 2 โทรศัพท์แจ้งให้พยานทราบว่า ผลงานการประเมินเพื่อเลื่อนระดับวิทยฐานะครูของพยานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กําหนด แต่จําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ตรวจผลงานสามารถที่จะช่วยเหลือได้โดยต้องจ่ายเงิน 30,000 บาท ให้แก่จําเลยที่ 1 โดยจําเลยที่ 2 จะมารับเงินด้วยตนเองและภายหลังจําเลยที่ 2 ถูกจับกุม
พยานเห็นจําเลยที่ 1 ตามไปขอ ประกันตัวจําเลยที่ 2 ที่สถานีตํารวจด้วย แต่พนักงานสอบสวนทักท้วงว่า จําเลยที่ 1 เป็นผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งไม่สามารถประกันตัวผู้ต้องหาในคดีเดียวกันได้ ซึ่งในส่วนการอ้างถึงจําเลยที่ 1 ของจําเลยที่ 2 ยังปรากฏจากการให้ปากคําของนางสาว ร. สอดคล้องกันว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 ขณะที่พยานกับนาย ป. เดินทางไปพบจําเลยที่ 2 ที่บริเวณชั้น 2 ศูนย์คอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เมื่อพบกันแล้ว จําเลยที่ 2 ได้แจ้งให้ทราบว่าเป็นผู้ประสานงานของจําเลยที่ 1 และผลงานที่นาย ป. ยื่นขอรับการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ แต่หากนาย ป. นําเงินมามอบให้ 30,000 บาท ก็ไม่จําเป็นต้องแก้ไขผลงานเพราะจําเลยที่ 1 สามารถช่วยให้ผ่านเกณฑ์ได้ ซึ่ง จําเลยที่ 2 ก็ได้เบิกความรับถึงการได้พูดบอกนาย ป. ว่าเป็นผู้ประสานงาน ให้กับจําเลยที่ 1 ดังกล่าวจริง
กอปรกับหลังเกิดเหตุ ไม่ปรากฏว่าจําเลยที่ 1 ได้แจ้งความเอาผิดแก่จําเลยที่ 2 แต่กลับมีพฤติการณ์ปกป้องช่วยเหลือจําเลยที่ 2 เพื่อให้จําเลยที่ 2 พ้นผิดมาตั้งแต่ต้น จึงยิ่งสนับสนุนให้น่าเชื่อว่าจําเลยที่ 1 เกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทําของจําเลยที่ 2 ด้วย
เมื่อพิจารณาประกอบที่มาของ หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับนาย ป. ดังกล่าว มีนางสาว ป. เบิกความเป็นพยานยืนยันบันทึกปากคําที่ให้ไว้ต่อพนักงานไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่า ก่อนที่จะมีข่าวจับกุมผู้รับเงินจากนาย ป. ประมาณ 1 ถึง 2 วัน มีจําเลยที่ 1 ซึ่งร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินรายนาย ป. จําเลยที่ 1 โทรศัพท์ติดต่อกับพยานเพื่อขอหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. ซึ่งในหลักเกณฑ์ กรรมการดังกล่าวนอกจากจะประเมินจากเอกสารทางวิชาการแล้ว อาจให้ผู้นําเสนอผลงานตอบข้อซักถามด้วยก็ได้ พยานจึงได้ช่วยดําเนินการให้ โดยได้ขอหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. หลังได้รับหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. พยานได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. ให้จําเลยที่ 1 ทราบ
ขณะที่จําเลยที่ 1 ก็ได้เบิกความยอมรับว่าเป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อกับนางสาว ป. เพื่อขอหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. ตามวันดังกล่าวจริง
โดยอ้างว่าเนื่องจากใน ผลงานที่นาย ป. ปรับปรุงยังมีส่วนสงสัยที่ต้องสอบถาม ซึ่งขัดแย้งกับคําให้การและคำเบิกความยืนยันของจําเลยที่ 1 ว่า จําเลยที่ 1 ได้ประเมินให้คะแนน ผลงานของนาย ป. ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2552 เหลือ เพียงการนําเข้าเสนอต่อที่ประชุม จึงทําให้ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวของจําเลยที่ 1 ขาดเหตุผลให้รับฟัง
เพราะกรณีเมื่อจําเลยที่ 1 ให้คะแนนประเมินเสร็จสิ้นแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะขอหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ป. เพื่อติดต่อ สอบถามเกี่ยวกับผลงานที่ปรับปรุงอีก อีกทั้งการขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อนาย ป. พบว่ามีช่วงวันเวลาเชื่อมโยงเป็นลักดับกับวันเวลาที่จําเลยที่ 2 ได้โทรศัพท์ติดต่อหานาย ป. บ่งชี้ให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นว่าจําเลยที่ 1 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องรู้เห็นกับการกระทําของจําเลยที่ 2
พฤติการณ์ของจําเลยที่ 1 เมื่อรับฟังประกอบกันแล้วมีความสอดคล้องเชื่อมโยงให้มีน้ำหนักเชื่อได้ว่า จําเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทําความผิดเรียกรับเงินเป็นการตอบแทนเพื่อประเมินให้คะแนนผลงานทางวิชาการของนาย ป. ผ่านเกณฑ์ที่จะได้รับการเลื่อนวิทยฐานะเป็นครูชํานาญการพิเศษ ในลักษณะของการแบ่ง หน้าที่กันทําจริงตามฟ้อง
ข้ออ้างของจําเลยที่ 1 ที่ว่า มิได้ร่วมกับจําเลยที่ 2 หรือ มิได้มอบหมายสั่งการให้จําเลยที่ 2 เรียก รับ หรือยอมที่จะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อที่จะกระทําการหรือไม่ กระทําการอย่างใดในตําแหน่งตามที่ได้รับมอบหมายล้วนขันต่อเหตุผลไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
การกระทําของจําเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
สําหรับอุทธรณ์ข้ออื่น ของจําเลยที่ 1 นอกจากนี้ล้วนไม่มีผลทําให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จําต้อง วินิจฉัย
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจําเลยที่ 1 มานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจําเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
อ่านประกอบ :
คุก 3 ปี 4 ด.! อดีตอัยการประจวบฯ ให้จำเลยเลี้ยงอาหาร-เรียกรับพระเครื่องแลกไม่อุทธรณ์คดี
คุก18 ด. รอลงโทษ! อดีต ผอ.รร.ค่ายประจักษ์ฯ รับรองงานวิชาการเท็จ-ตั้งตัวเอง ปธ.ช่วย
คดีอนุญาตสร้าง รร.สินเกียรติธานี! ศาลจำคุก 2 จนท.- 'พิบูลย์-พวก 4 ราย' แยกฟ้องใหม่
คุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา! อดีตนายกฯ บ้านใหม่ โคราช สั่งการขุดลอกลำตะคองมิชอบ
คุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา! อดีตที่ปรึกษา กสม.ทุจริตแก้สัญญาเพิ่มเงินเดือนช่วยงานไทยพีบีเอส
คุก 6 ปี! อดีตนอภ.หัวไทร นครศรีฯ เรียกรับผลประโยชน์โครงการตำบลละห้าล้าน
ผิดกม.7กรรม! เผยคำพิพากษาคุก 2 ปี! 'ไพร พัฒโน' คดีหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระ 27ล.
คุก 2 ปี 6 ด. ไม่รอลงอาญา! อดีตนายก อบต.ส้มผ่อ ถอนเงินบัญชีโครงการศก.ชุมชนมิชอบ
ยืนโทษ! คุก 27 ปี 6 ด. อดีตจนท.พัสดุ แขวงการทางเชียงใหม่ เรียกเงินผู้รับเหมา
คุก 3 ปี 6 ด. แต่รอลงโทษ! อดีตนายก อบต.ในควน ตรัง เอื้อปย.ผู้รับเหมา
ยืนโทษคุก 3 ปี 4 ด.! อดีตปลัดนาจะหลวย อุบลฯ ปกปิดประกาศสอบราคา 7 โครงการ
วิบากกรรม! 'บัวทิพย์ สุขจั่น' คุก 4 คดีรวด 10 ปี, 3 ปี 9 ด., 3 ปี 9 ด. และ 3 ปี 9 ด.
เบื้องลึก! ป.ป.ช.ค้าน-อสส.ไม่ฎีกาคดีทุจริตแจกแว่นตา ศาลฯ ยกฟ้อง 'อดีตปลัดเวียงกาหลง'
คุก 97 ปี โดนจริง 50! อดีตปลัดหนองบัววง โคราช ปลอมบัญชี-เรียกเงินสอบบรรจุ พนง.
ป.ป.ช.ขอสู้ชั้นฎีกา! ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้องอดีต ผอ.รพ.บางสะพาน คดีส่งตรวจตัวอย่างผู้ป่วย
ผอ.คนอื่นๆ ก็ทำ! ไขคำพิพากษายกฟ้อง อดีต ผอ.รพ.บางสะพาน คดีส่งตรวจตัวอย่างผู้ป่วย
ยืนโทษคุก 6 ด.ไม่รอลงอาญา! อดีตปลัด อบต.หนองเม็ก เรียกเงินหลอกช่วยบรรจุงาน
คุก 2 ปี 6 ด. รอลงอาญา! อดีตปลัดอบต.บางเกลือ ทุจริตจ้างเหมาทำอาหาร
คุก 68 ปี 210 ด.แต่โดนจริง 50! อดีตธุรการฯ เขตหลักสี่ กทม. ทุจริตเงินค่าเก็บขยะ
คุก 6 เดือน! อดีตนายกอบต.พานทอง ยัดไส้ชื่อชาวบ้านรับเงินช่วยน้ำท่วม
พิพากษากลับให้จำคุก 5 ปี! อดีตนายก อบต.ท่าชัก นครศรีฯ ทุจริตซื้อที่ดินสร้างตึก
คุก 2 ปี 6 ด. ไม่รอลงอาญา! อดีตนายก ทต.แพด จัดซื้อผ้าห่มแพงกว่าท้องตลาด
ศาลทหาร สั่งจำคุก'พันเอก' 6 ปี 18 ด.-คืนเงิน 3.3 ล.! เบียดบังค่าเช่าเวลาสถานีวิทยุฯ
คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา! อดีตนายก อบต.ตั้งใจ สุรินทร์ ลดวงเงินทำถนนกีดกันแข่งราคา
คดีที่สอง! อดีตนายก อบต.คอนกาม ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ จำคุก 3 ปี 4 ด.
คุก 4 ปี 12 ด.ไม่รอลงอาญา! อดีตนายกฯ กำแพงแสน ทุจริตซื้อเครื่องแต่งกาย พนง.ดับเพลิง
คุกคนละ 2 ปี 6 ด. ไม่รอลงอาญา! อดีตโยธาฯ ยะลา-พวก ทุจริตก่อสร้างถนนไทยเข้มแข็งปี 55
คุก 6 ด. รอลงอาญา 2ปี! อดีตนายก อบต.บุ่งไหม อุบลฯ ทุจริตก่อสร้าง 3 โครงการ
คุกคนละ 3 ปี ไม่รอลงอาญา! 13 พนง.รถไฟหาดใหญ่ ประท้วงหยุดงานทำ รฟท.เสียหาย
คุกคนละ 5 ปี! 'อดีตนายกฯ-รอง-ปลัด' อบต.นาหว้า ทุจริตโครงการขยายท่อส่งน้ำเพื่อการเกษตร
คดีที่สอง! คุก 5 ปี อดีตนอภ.หัวไทร นครศรีฯ เรียกรับปย.ขุดลอกเหมือง-นับโทษต่อรวม 11 ปี
ยืนโทษคุก 5 ปี ! 'รศ.' อดีตอาจารย์ ม.ขอนแก่น เรียกรับเงินช่วยปรับคะแนนผลงานวิชาการ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage