“...ผมไม่เคยเบิกค่าน้ำมันในการเดินทางมาจากเชียงรายเลย โดยมากการประเมินผลงานวิชาการเราใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาเป็นที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิฯ ซึ่งเราอยู่ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรก็จะเดินทางมาจากพิษณุโลก และไม่เคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตามที่ระบุในเอกสาร ตัวหนังสือที่เขียนก็ไม่ใช่ลายมือผม ลายเซ็นยิ่งมั่วไปใหญ่ ผมมั่นใจมากว่ามันเป็นเอกสารปลอม ศ.ดร.บรรพต กล่าว..."
-------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายมือชื่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงานทางวิชาการและจริยธรรม และจรรยาบรรณทางวิชาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำไปเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าอ่านงานวิชาการ ค่าน้ำมันในการเดินทาง และได้รับการยืนยันจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ว่า เรื่องทั้งหมดมีมูลความจริง และพบว่ามีมูลทุจริต จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในเรื่องนี้
(อ่านประกอบ: พบขบวนการปลอมลายเซ็นตั้งกก.ประเมินงานวิชาการ ม.ดังอีสาน!ผู้บริหารฯรับมีทุจริตสั่งสอบแล้ว)
ทั้งนี้ จากเอกสารที่สำนักข่าวอิศราได้รับจากการร้องเรียน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ ที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงานทางวิชาการและจริยธรรม และจรรยาบรรณทางวิชา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
หนึ่งในชุดเอกสารที่สำนักข่าวอิศราได้รับจากผู้ร้องเรียนเป็นหนังสือการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ เพื่อประเมินผลงานของผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รายหนึ่ง เพื่อขึ้นเป็นรองศาสตราจารย์ (รศ.) โดยสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า คำสั่งแต่งตั้งฉบับนี้ถูกลงนามโดยอดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว และมีคณะกรรมการอย่างน้อย 2 ใน 4 คน ถูกแต่งตั้งโดยที่ตัวเองไม่ทราบเรื่อง และถูกปลอมลายมือชื่อ เพื่อใช้ในการเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือ ศ.ดร.บรรพต สุวรรณประเสริฐ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งปัจจุบันได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว
ศ.ดร.บรรพต ปรากฎชื่อตามเอกสารว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว ถูกนำชื่อไปใช้ในการเบิกเงินค่าน้ำมันรถยนต์ หมายเลขทะเบียน วร 4198 พิษณุโลก ที่เป็นการเดินทางไปกลับระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มาที่โรงแรมสวนสุนันทา กรุงเทพมหานคร รวมเป็นเงิน 5,600 บาท นอกจากนั้นยังพบเอกสารเบิกจ่ายค่าอ่านงานวิชาการอีก 2,000 บาท รวม 2 รายการ เป็นเงิน 7,600 บาท โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับปรากฎชื่อของ ศ.ดร.บรรพต เป็นผู้รับเงินและลงลายมือชื่อ
ศ.ดร.บรรพต ถูกปลอมลายมือชื่อจริงหรือไม่ ?
ต่อข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศราติดต่อสัมภาษณ์ ศ.ดร.บรรพต เพื่อให้ชี้แจงประเด็นดังกล่าว และได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงว่า ตนเองไม่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการร่วมกันกับบุคคลอื่นตามที่ปรากฎในเอกสาร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้เห็นเอกสารแต่งตั้งคณะกรรมการอีกหลายชุดที่มีรายชื่อของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
(เอกสารการเบิกค่าน้ำมันและค่าอ่านงานวิชาการในชื่อ ศ.ดร.บรรพต)
ส่วนเอกสารการเบิกเงินค่าน้ำมันรถยนต์ หมายเลขทะเบียน วร 4198 พิษณุโลก ที่เป็นการเดินทางไปกลับระหว่างมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มาที่โรงแรมสวนสุนันทา กรุงเทพมหานคร รวม 5,600 บาท
ศ.ดร.บรรพต ชี้แจงว่า ไม่เคยมีทะเบียนรถยนต์ดังกล่าว อีกทั้งยังไม่เคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตามที่ระบุไว้ในเอกสาร รวมถึงลายมือชื่อในการเบิกเงิน ก็ไม่ใช่ลายมือชื่อของตนอีกด้วย
“ผมไม่เคยเบิกค่าน้ำมันในการเดินทางมาจากเชียงรายเลย โดยมากการประเมินผลงานวิชาการเราใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาเป็นที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิฯ ซึ่งเราอยู่ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรก็จะเดินทางมาจากพิษณุโลก และไม่เคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตามที่ระบุในเอกสาร ตัวหนังสือที่เขียนก็ไม่ใช่ลายมือผม ลายเซ็นยิ่งมั่วไปใหญ่ ผมมั่นใจมากว่ามันเป็นเอกสารปลอม” ศ.ดร.บรรพต กล่าว
จากเอกสาร 2 ฉบับ ทั้งเอกสารเบิกเงินค่าน้ำมันรถยนต์ และ ใบสำคัญรับเงินในการเบิกจ่ายค่าอ่านผลงานวิชาการ ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ยังพบว่า การลงลายมือชื่อของ ศ.ดร.บรรพต นั้นมีความแตกต่างกันออกไป สำนักข่าวอิศรา จึงได้ขอให้ ศ.ดร.บรรพต ลงลายมือชื่อ ส่งกลับมาให้เพื่อเปรียบเทียบลายมือชื่อจากเอกสารทั้งหมด
(เปรียบเทียบลายเซ็น ศ.ดร.บรรพต จากเอกสาร 3 ฉบับ)
ศ.ดร.บรรพต กล่าวด้วยว่า แม้ว่าในช่วงระหว่างปี 2554-2558 จะเคยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ดูจากเอกสารที่พบคาดว่าจะมีการแอบอ้างชื่อตนเข้าไปเป็นกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการอีกหลายชุด และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องของการเบิกค่าใช้จ่าย แต่รวมถึงการพิจารณาตำแหน่งวิชาการที่อาจจะมีความผิดปกติไปด้วย ทั้งนี้ถ้าพบว่ามีความผิดก็ต้องมีการลงโทษ และยึดคืนตำแหน่งวิชาการด้วย
“ตอนที่พบเอกสารการแต่งตั้งพิจารณาตำแหน่งวิชาการ เราก็คิดว่าไม่เคยร่วมงานกับคนที่ปรากฏในเอกสาร ทำให้คิดได้ว่าเอกสารตั้งกล่าวถูกปลอมขึ้นมา ในเบื้องต้นได้เห็นเอกสารแต่งตั้งที่มีชื่อเราอยู่อีกหลายชุด ทำให้มั่นใจว่าจะมีการทุจริต ในส่วนนี้ถ้าพบว่ากระทำผิด ต้องยืดตำแหน่งคืน ลงโทษทางกฎหมาย และตรวจสอบผู้มีส่วนร่วมด้วย” ศ.ดร.บรรพต กล่าว
ขณะที่ ศาสตรเมธี ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามผู้ทรงคุณวุฒิ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศราด้วยว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา สภามหาวิทยาลัยได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการแล้ว โดยเลือกตนเป็นประธานคณะทำงานชุดดังกล่าว เบื้องต้นพบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนที่ได้รับการแต่งตั้ง ไม่เคยได้อ่านงานวิชาการจริง แต่กลับปรากฎชื่อในเอกสารหลายฉบับ ทำให้ต้องมีการตรวจสอบการได้มาซึ่งตำแหน่งวิชาการ โดยยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะตรวจสอบย้อนหลังไปอีกกี่ปี เนื่องจากต้องรอมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยในครั้งถัดไปก่อน
“ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยได้รับข้อมูลจากมหาวิทยาลัยถึงข้อพิรุธเอกสารดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นน่าเชื่อว่าจะมีการทุจริต ทำให้สภาฯแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ และผลการตรวจสอบคณะกรรมการชุดนี้จะนำเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยต่อไป” ศาสตรเมธี ดร.สุทธิพงศ์ กล่าว
อ่านประกอบ :
พบขบวนการปลอมลายเซ็นตั้งกก.ประเมินงานวิชาการ ม.ดังอีสาน!ผู้บริหารฯรับมีทุจริตสั่งสอบแล้ว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage