
“...ศบท. ไม่ใช่ศูนย์ที่ตั้งขึ้นใหม่ มีการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายกับหน่วยงานต่างๆ สื่อสารและประสานงานกันตลอด 24 ชั่วโมง กับเหล่าทัพและตำรวจ แต่ครั้งนี้มีการมอบอำนาจ เพื่อเน้นย้ำให้ทราบว่า ตอนนี้อำนาจเต็มอยู่ที่ ผบ.ทสส. โดย ผบ.เหล่าทัพที่รับผิดชอบในพื้นที่จะเป็นฝ่ายสั่งการในการใช้กำลัง-ตอนนี้กองทัพเล่นบทเต็มแล้วนะ ถ้ามีเกิดมีเหตุการณ์อะไร โดยเฉพาะมีการปะทะ...”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประชุม ศบ.ทก. มอบอำนาจให้ ศูนย์บัญชาการทางทหาร (ศบท.) ที่มีพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บัญชาการ ศบท. ปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศตามแนวชายแดนไทยกับกับพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
@ ผ่าโครงสร้าง ‘ศูนย์บัญชาการทางทหาร’
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. ด้านความมั่นคง สนทนากับสำนักข่าวอิศรา ว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 ได้ระบุไว้ว่า ผบ.ทสส. เป็นผู้บัญชาการ ศบท. มีหน้าที่บังคับบัญชา ติดตาม และสั่งการ แก้ไขสถานการณ์ โดยมีโครงสร้างอยู่ภายใต้ ศบท. ที่มี ผบ.ทสส. เป็นผู้บัญชาการ
ศูนย์ปฏิบัติการของเหล่าทัพ (บก เรือ อากาศ และตำรวจ) เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับ ศบท. ทำหน้าที่รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ โดยมี ‘คณะผู้บัญชาการทหาร’ ซึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทสส. มอบหมายให้เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์) ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

@ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย-โฆษก ศบ.ทก. ด้านความมั่นคง @ ที่มาภาพ เว็บไซต์ รัฐบาลไทย
“ผบ.สูงสุด มีอำนาจในการเรียกคณะผู้บัญชาการทหารทั้งหมดประชุม เพื่อระดมความคิดแนวทางการแก้ปัญหา การตอบโต้ การใช้กำลัง สามารถออกประกาศและคำสั่งในนามของ ผบ.ศบท.ได้เลย สั่งการปฏิบัติการทางทหารได้ทันที แล้วค่อยมารายงานให้พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทนรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก.ในภายหลังได้ รวมถึงสามารถของบอนุมัติงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มเติมผ่านมาทำศบ.ทก.ก็ได้”
@ ส่งสัญญาณ-นัยยะ ศบท.มีอำนาจเต็ม
ศบท.มีอยู่แล้ว ตั้งมาพร้อมกับ พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 และในสถานการณ์ปกติก็มีการปฏิบัติงานเป็นปกติ มีการจัดชุดนายทหารเวรเข้ามอนิเตอร์สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว ยาเสพติด ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีการฝึกและมีการซ้อมปฏิบัติตลอดเวลา
“ศบท. ไม่ใช่ศูนย์ที่ตั้งขึ้นใหม่ มีการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายกับหน่วยงานต่างๆ สื่อสารและประสานงานกันตลอด 24 ชั่วโมง กับเหล่าทัพและตำรวจ แต่ครั้งนี้มีการมอบอำนาจ เพื่อเน้นย้ำให้ทราบว่า ตอนนี้อำนาจเต็มอยู่ที่ ผบ.ทสส. โดย ผบ.เหล่าทัพที่รับผิดชอบในพื้นที่จะเป็นฝ่ายสั่งการในการใช้กำลัง”
ดังนั้น นัยสำคัญของการ ‘มอบอำนาจ’ ในครั้งนี้ แม้จะมีอำนาจอยู่แล้วภายใต้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ก็เพื่อต้องการจะบอกให้ชัดว่า “ตอนนี้กองทัพเล่นบทเต็มแล้วนะ ถ้ามีเกิดมีเหตุการณ์อะไร โดยเฉพาะมีการปะทะ”
“การปฏิบัติภารกิจที่ผ่านมา เช่น อุทกภัยขนาดเล็ก สามารถจัดการได้โดยกองทัพ หรือ กองบัญชาการกองทัพไทยได้เอง สามารถจัดสรรงบประมาณภายในกองทัพเองได้ แต่การที่ปัญหาขยายวงกว้าง เช่น เหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ต้องมีเหล่าทัพหรือหน่วยงานอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงจำเป็นต้องยกระดับ รวมถึงงบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ”
@ ศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ - ภารกิจ ‘บีไฮน์ เดอะซีน’ ด้านความมั่นคง
แม้แต่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็ใช้ ศบท. ดำเนินการ แต่บทบาทที่เด่นในขณะนั้น คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค. แต่ ศบค.ก็สั่งผ่าน ศบท.ให้ดำเนินการ โดยศบท.จะจัดชุดแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลสนาม แก้ไขสถานการณ์
“ศบท. ก็คือกองทัพในสนาม ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ในสถานการณ์ปกติจะมีกองทัพในออฟฟิศนั่งทำงานบริหารจัดการทั่วๆไป ผบ.ทสส.จะมีสองหมวก เป็นผบ.สูงสุดนั่งที่ออฟฟิศ กับ ผบ.สูงสุดในภาคสนาม ก็คือ ศบท. แต่ในความเป็นจริง ผบ.ทสส.ทำงานสองหมวกตลอด เพียงแต่หมวกของภาคสนามจะไม่ค่อยโชว์ เพราะยังไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรใหญ่โต แต่ขณะนี้บทบาทภาคสนามของ ผบ.ทสส.ก็จะโดดเด่นขึ้น”
สำหรับ ‘ศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ’ หน่วนขึ้นตรงของ ศบท. ประกอบด้วย กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ในยามปกติจะมีเจ้าหน้าที่นั่งเวรทำงาน 24 ชั่วโมง คอยมอนิเตอร์สถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับความมั่นคง ภารกิจหลักที่ปฏิบัติการในภาวะปกติ เช่น ยาเสพติด การลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ
@ ศบ.ทก. จากสวมบทเกลี่ยไกล่ สู่ บทบาทสนับสนุน
‘โฆษก ศบ.ทก.’ บอกว่า แม้ ศบท. จะมีบทบาทนำ แต่ ศบ.ทก.ยังมีอยู่ แต่ลดบทบาทลง เปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนในการออกมาตรการที่ ศบท.ต้องการ ซึ่งต้องเข้าใจความเป็นมาของ ศบ.ทก.ก่อน ศบ.ทบ.มาจากเกิดประเด็นข้อพิพาทอธิปไตยตามแนวชายแดน ดังนั้น บทบาทของศบ.ทก.จึงตั้งขึ้นมาเพื่อไกล่เกลี่ย หาแนวทางในการเจรจา เพื่อกลับไปสู่สภาวะเดิมให้ได้
“แต่ขณะนั้นสถานการณ์เป็นเพียงแค่เชิงวาจา แต่ตอนนี้สถานการณ์ยกระดับไปสู่การปฏิบัติ การใช้กำลัง บทบาทจึงไปอยู่ที่กองทัพ ดำเนินการโดยผบ.ทสส. ดังนั้น ศบ.ทก. จึงได้เปลี่ยนบทบาทจากเกลี่ยไกล่ข้อพิพาท เป็นบทบาทสนับสนุน ศบท. กองทัพต้องการให้ ศบ.ทก.ออกมาตรการสนับสนุนอะไร เพื่อประโยชน์ของกองทัพให้ทำงานได้ง่ายขึ้น เช่น ยกระดับปิดด่านทั้งหมดตลอดแนวชายแดน เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน เพราะต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ หรือแม้กระทั่งประสานกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะศบ.ทก.มีอำนาจ เในการบูรณาการกับกระทรวงต่างๆ มีบทบาทในการสนับสนุนกองทัพเพื่อจัดการปัญหาตรงนี้ให้ได้”
หลังจากนี้บทบาทของ ‘โฆษกกองทัพไทย-โฆษกกองทัพบก (ทบ.)’ จะเริ่มเด่นขึ้น มีการให้ข่าวมากขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ความคืบหน้าของการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้น
“การแถลงของ ศบ.ทก.วันนี้ เป็นเพียงแค่ยอดภูเขาเล็ก ๆ เพราะขณะนี้สถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โรงพยาบาลถูกทำลาย ถูกโจมตี ทางโฆษกกองทัพไทย โฆษกทบ. จะมีบทบาทมากขึ้น แต่ ศบ.ทก.ยังมีประชุมทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เหมือนเดิน แต่จะเป็นภาพของการสนับสนุนมากกว่า”โฆษก ศบ.ทก.ทิ้งท้าย
ที่มาภาพปก : FB Wassana Nanuam ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา