“…เพิ่มมาตรการยึด และอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดไว้ชั่วคราว เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการประกอบธุรกิจโดยการตั้งตัวแทนอำพราง หรือการหลบหนีการบังคับคดีของศาล-กรณีคนต่างด้าวที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดตามกฎหมายจึงไม่สมควรได้รับเงินคืนจากการจำหน่ายที่ดิน ตามมาตรา 94 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและสมควรที่จะริบที่ดินตกเป็นของแผ่นดิน…”
สืบเนื่องจากกรณีสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือพร้อมรายงานคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะ ถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน สภาทนายความ กรณีการถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าว (นอมินี) ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ระยอง ตราด จันทบุรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ : ‘ผู้ตรวจการแผ่นดิน’ ชง แก้กฎหมาย สกัด ‘นอมินี’ ถือครองที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอนำรายละเอียดของข้อเสนอแนะของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในส่วนของปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว เพื่อปรับปรุงและแก้ไขกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดช่องว่างของกฎหมาย ดังต่อไปนี้
การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
1.มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยาม “คนต่างด้าว”
- ให้ครอบคลุมถึงการที่คนต่างด้าวมีอำนาจบริหารหรือครอบงำกิจการของนิติบุคคลที่คนต่างด้าวตั้งขึ้นมาโดยใช้คนไทยเป็นผู้อำพรางการทำธุรกรรม
- ให้ชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘การถือหุ้นทางตรง’ ที่ให้คนต่างด้าวถือหุ้นได้ร้อยละ 49 หรือ ‘การถือหุ้นทางอ้อม’ ที่คนต่างด้าวสามารถถือหุ้นผ่านตัวแทน
“กฎหมายควรมีความชัดเจนว่า ต้องการให้คนต่างด้าวถือหุ้นหรือไม่ หากไม่ต้องการให้ถือหุ้นทางอ้อมควรบัญญัติคุณสมบัติของผู้ถือหุ้นอีกร้อยละ 41 ให้ชัดเจน”
2.มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยาม กำหนดนิยามคำว่า “ตัวแทนอำพราง” และ “ธุรกรรมอำพราง” เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับบุคคลและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำนิติธรรมสัญญา หรือ การดำเนินการใด ๆ กับผู้อื่นทางการเงินทางธุรกิจหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินใดๆ หรือสิทธิในทรัพย์สินนั้นแทนคนต่างด้าว โดยปกปิดชื่อเจ้าของที่แท้จริงซึ่งเป็นคนต่างด้าวหรือกระทำการภายใต้การบริหารงาน การควบคุม หรือครอบงำของคนต่างด้าว ให้ถือว่าเป็นการทำธุรกรรมอำพราง
- กำหนดการกระทำที่เข้าข่ายลักษณะ ‘การกระทำความผิดฐานตัวแทนอำพราง’ เช่น การซื้อขาย เช่า ให้เช่า โอน รับโอน หรือ ครอบครองทรัพย์สินโดยเจตนาเป็นตัวแทนอำพราง หรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางสิทธิที่แท้จริงจากการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ แทนคนต่างด้าว รวมทั้งการให้การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าวโดยเป็นตัวแทนอำพรางต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
- กำหนดหุ้นบุริมสิทธิที่ให้สิทธิเกี่ยวกับหุ้นคนต่างด้าวมากกว่าผู้ถือหุ้นคนไทยทำให้คนต่างด้าวเป็นผู้มีอำนาจบริหารจัดการหรือครอบงำนิติบุคคล ให้ถือว่าเป็นนิติบุคคลต่างด้าว
3.มาตรา 4 (3) (ก) และ (4) แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้ในส่วน ‘สิทธิในการออกเสียงลงคะแนน’ อำนาจในการบริหารจัดการการดำเนินการของนิติบุคคลนั้นด้วย เพื่อที่จะป้องกันการหลบเลี่ยงกฎหมายในกรณีคนต่างด้าวเข้าประกอบธุรกิจซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในประเทศไทย มีคนต่างด้าวถือหุ้นน้อยกว่าคนไทย แต่คนต่างด้าวกลับมีอำนาจควบคุมกิจการ หรือมีอำนาจจัดการมากกว่าผู้ถือหุ้นไทย
4.มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มเติม (5) “นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยหากพิสูจน์ได้ว่า บุคคลไทยหรือนิติบุคคลไทยถือหุ้นแทนบุคคลตาม (1) หรือ (2)” เพื่อเป็นการลดช่องว่างในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
5.มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า ทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด กฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องทุนเรือนหุ้น และการแสดงทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด ‘กฎหมายมิได้กำหนดบังคับให้ผู้ขอจดทะเบียนต้องแสดงหลักฐานว่าได้มีการเรียกและชำระเงินค่าหุ้นของบริษัทจำกัดนั้นจริงตามที่ได้แสดงไว้ในคำขอจดทะเบียน’ โดยมีหนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของธนาคารที่รับฝากเงินค่าหุ้นของบริษัทจำกัดนั้น ๆ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าบริษัทมีเงินทุนที่แท้จริงเท่ากับเงินทุนที่ได้จดไว้ต่อนายทะเบียนคงกำหนดเพียงให้ผู้ขอจดทะเบียนแสดงหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น เช่น ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้นเท่านั้น เช่นนี้ กฎหมายจึงยังมีข้อบกพร่องหรือช่องโหว่โดยมิได้กำหนดหลักเกณฑ์เหล่านี้ไว้ให้เหมาะสม รัดกุม และชัดเจนแต่อย่างใด
6.มาตรา 36 มาตรา 37 แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษและค่าปรับให้สูงขึ้น
7.ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 นำไปสู่การยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
8.เพิ่มมาตรการยึด และอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดไว้ชั่วคราว เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการประกอบธุรกิจโดยการตั้งตัวแทนอำพราง หรือการหลบหนีการบังคับคดีของศาล
9.มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามการตั้งตัวแทนอำพราง และเพิ่มอำนาจให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้มีอำนาจตรวจสอบและจับกุม เมื่อพบการกระทำความผิดตั้งตัวแทนอำพราง
10.เปลี่ยนภาระการพิสูจน์การดำเนินคดีกับนิติบุคคลที่มีลักษณะเป็นนอมินี ภาระการพิสูจน์ในชั้นศาลต้องเป็นของนิติบุคคล
11.เพิ่มมาตรการกรณีผิดเงื่อนไขตามที่กำหมายกำหนดให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการกระทำผิดฐานนอมินี เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เด็ดขาดตามหลักความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน
1.เพิ่มโทษจำคุกและโทษปรับแก่คนต่างด้าวที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
2.กรณีคนต่างด้าวที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดตามกฎหมายจึงไม่สมควรได้รับเงินคืนจากการจำหน่ายที่ดิน ตามมาตรา 94 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและสมควรที่จะริบที่ดินตกเป็นของแผ่นดิน
หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบและบังคับใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่ใช้ตัวแทนคนไทย ในการทำกิจการ-ธุรกรรมจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายปัจจุบันที่มีช่องโหว่อย่างไร ซึ่งมีผลกระทบทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม
ท่ามกลางข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคนไทยและคนต่างชาติ ในข้อหากระทำความผิด นอมินี - บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กิจการร่วมค้าก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา