“…สมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ขาดความรู้ความสามารถให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เพียงเพื่อให้มาเป็นนั่งร้านช่วยแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนและกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย นำผลประโยชน์ของชาติไปแลกเปลี่ยนกับประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง…”
พรรคฝ่ายค้าน ที่นำโดย พรรคประชาชน ปักหมุด ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ดีเดย์ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เบื้องต้น ปรากฏชื่อ 10 รัฐมนตรี ประกอบด้วย 1 นายกรัฐมนตรี 4 รองนายกรัฐมนตรี กับอีก 5 รัฐมนตรี ที่ถูกจองกฐิน-ซักฟอก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอนำ ‘ร่างเบื้องต้น’ ที่เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ทั้งนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้อีกครั้ง
@ 10 รัฐมนตรี โดนซักฟอก
เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ข้าพเจ้า ...
โดยอาศัยอำนาจแห่งมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พวกข้าพเจ้าผู้มีรายนามท้ายญัตตินี้ ขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน ดังต่อไปนี้
1.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
5.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
6.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
7.พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
8.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
9.นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
10.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
โดยพวกข้าพเจ้าเห็นว่า รัฐมนตรีทั้งสิบเป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จำแนกเป็นรายบุคคลได้ ดังนี้
@ สมัครใจ-ยินยอม ให้ทักษิณ ชี้นำ-ชักใย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ และขาดความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน จนไม่สามารถส่งมอบนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ขาดความรู้ความสามารถให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เพียงเพื่อให้มาเป็นนั่งร้านช่วยแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนและกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย นำผลประโยชน์ของชาติไปแลกเปลี่ยนกับประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ดำเนินนโยบายประชานิยมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่สนใจผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ส่งผลให้เศรษฐกิจโตรั้งท้ายในภูมิภาค ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตามที่ให้คำมั่นไว้ต่อสภาและพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังขาดคุณธรรมและจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำการทุจริตเชิงนโยบาย มีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่’
@ ปฏิรูปกองทัพถอยหลังลงคลอง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ขาดภาวะผู้นำในการบังคับบัญชากองทัพ ไร้เจตจำนงในการปฏิรูปกองทัพ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตน โดยปล่อยปละละเลยให้กองทัพใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายจนกลายเป็นกองทัพที่มีอำนาจเหนือพลเรือน การทุจริตภายในกองทัพเพื่อนำผลประโยชน์มาแบ่งปันกันในหมู่นายทหาร ทำให้การปฏิรูปกองทัพ ถอยหลังลงคลอง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนที่เป็นพวกพ้องของตนเองจนทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียประโยชน์อย่างร้ายแรง
@ ใช้อำนาจรัฐ-กลไกมหาดไทยโดยมิชอบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ไม่มีความซื่อสัตย์สจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจใช้อำนาจรัฐและกลไกของหน่วยงานกระทรวงมหาดไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง ไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ เพื่อให้ตนเองและพวกพ้องได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาต รองนายกรัฐมนตรีและรัฐนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ไม่แก้ไขปัญหาราคาไฟฟ้าและน้ำมันแพงตามที่ได้สัญญาไว้ต่อประชาชน แต่ใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเพียงเพื่อเอื้อผลประโยชน์ของชาติให้กับกลุ่มทุนพลังงานซึ่งให้การสนับสนุนตนเองและพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัด
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาดต่อสถานการณ์ในเมียนมาล้มเหลว ตั้งแต่การสร้างสันติภาพในเมียนมา มาจนถึงปัญหาผู้ลี้ภัย การปราบปรามอาชญากรรมคอลเซนเตอร์ และการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยอย่างร้ายแรง
@ ปล่อยปละละเลยทุจริตกระทรวงศึกษาฯ
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ไร้ความสามารถในการบริหารการศึกษา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ใช้อำนาจและหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยทุจริตปล่อยปละละเลยและมีส่วนร่วมในการทุจริตภายในกระทรวงศึกษาธิการ เอื้อประโยชน์ให้เอกชนแสวงหาประโยชน์จากรัฐจนทำให้หน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ยอมให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปล่อยให้เอกชนประกอบกิจการผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยจะปฏิบัติหน้าที่ติดตามตรวจสอบและริเริ่มแก้ไขปัญหาเฉพาะเมื่อเรื่องผิดกฎหมายที่ซุกซ่อนไว้ถูกเปิดโปงจนเป็นที่สนใจของสาธารณชนเท่านั้น
@ ช่วยเหลือ ทักษิณ ไม่ต้องถูกจำคุก
นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
มีพฤติการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สมัครใจใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกให้ไม่ต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล
อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชนบางรายเป็นการเฉพาะ แม้จะทราบพฤติการณ์ที่ผิดกฎหมายนั้นแล้ว แต่ก็มิได้ระงับยับยั้งหรือใช้อำนาจของตนเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงมาเป็นเวลาช้านาน กระทำการอันเป็นการขัดกันของประโยชน์ โดยอาศัยความเป็นรัฐมนตรีของตน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว และพวกพ้อง จนทำให้หน่วยงานของรัฐเสียหายอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่ไม่ได้มีความสามารถเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากการออกใบอนุญาตของรัฐ มีพฤติกรรมตั้งตนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อให้พวกพ้องและคนต่างด้าวในเครือข่ายของตนประกอบธุรกิจผิดหมายที่บ่อนทำลายความผาสุกของประชาชน
ผลจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ขาดความรู้ความสามารถ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นรวม 10 คน ดังที่พวกข้าพเจ้าได้กล่าวมาข้างต้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง หากปล่อยให้บุคคลทั้งสิบยังคงบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่ยากจะแก่ไขเยียวยาได้
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดบรรจุญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยด่วน ส่วนเหตุผลและรายละเอียดต่าง ๆ จะได้แถลงและชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ที่มาภาพปกและภาพประกอบเนื้อหา มาจาก เว็ปไซต์ https://www.thaigov.go.th/