
“...เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศสหภาพพม่าที่เมืองท่าขี้เหล็กในอัตราเดียวกันกับที่จำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศ กล่าวคือ ในขณะนี้การใช้ไฟฟ้าที่เมืองท่าขี้เหล็กเข้าข่ายลักษณะการใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง ก็ให้ใช้อัตราค่าไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง และในอนาคตหากความต้องการไฟฟ้าที่เมืองท่าขี้เหล็กเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับประเภทกิจการขนาดใหญ่ ก็ให้ปรับเป็นอัตราค่าไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดใหญ่ต่อไป ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นราคามิตรภาพ...”
ปฏิบัติการตัดน้ำ-น้ำมัน-อินเทอร์เน็ต 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมา ปิดกิจการสแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ของไทยที่กรุงเทพฯ เสียงปรบมือดังไปถึงรัฐบาลปักกิ่ง
หลังจากโยนกันไป-โยนกันมา ทว่าทันทีที่หนังสือมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประทับตรา ‘ลับมาก’ ถึง กรรมการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ทั้งองคาพยพจึงเริ่มขยับ-เขยื้อน
“2.3.2 เห็นชอบให้มีการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ 5 จุดซื้อขายไฟฟ้า รวมถึงระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง และสัญญาณโทรคมนาคมไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติทั้ง 5 จุด โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป
2.3.3 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อ 2.3.2 โดยให้เป็นไปตามหน้าที่อำนาจตามกฎหมายโดยเร็ว ดังนี้
(1) ให้ กระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค งดการจ่ายกระแสไฟฟ้า โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. เป็นตันไป
(2) ให้ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกช่องทางไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญกกรรมข้ามชาติทั้ง 5 จุด
(3) ให้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ระงับสัญญาณโทรคมนาคมไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติทั้ง 5 จุด”

ทวนความจำจุดระงับการจ่ายไฟฟ้าจำนวน 5 จุด จากทั้งหมด 8 จุด ประกอบด้วย
- จุดที่ 1 บ้านเจดีย์สามองค์ - เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- จุดที่ 2 บ้านเหมืองแดง - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- จุดที่ 3 สะพานมิตรภาพไทย – พม่า - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- จุดที่ 4 สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- จุดที่ 5 บ้านห้วยม่วง - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
นอกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะจำหน่ายไฟให้กับเมียนมาร์แล้ว ยังมีอีก 2 ประเทศที่ไทยขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน ดังนี้ ราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 9 จุด ประกอบด้วย
1.บ้านคลองลึก อ.อรัฐประเทศ จ.สระแก้ว - อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (วงจรที่ 1 , วงจรที่ 2) 23530 KVA
2.บ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว - อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง 8000 KVA
3.บ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว - อ.มาลัย จ.บันตึยเมียนเจย 4000 KVA
4.อ.กาบเชิง (ช่องจอม) จ.สุรินทร์ - บ.โอเสม็ด จ.อุดรมีชัย 3500 KW
5.บ้านสวนส้ม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี - บ.โอลั๊ว อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง 1 MW
6.บ้านซับตารี อ.สอยดาว จ.จันทบุรี - อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง 3000 KVA
7.บ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี - เมืองไพลิน ยกเลิกสัญญา
8.บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี - อ.ก็อมเรียง จ.พระตะบอง 8000 KVA
9.บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด - บ.หาดทรายยาว จ.เกาะกง 10 MW
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย 1.บ้านหัวเวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย - เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว 10 MW 2.บ้านห้วยเกี๋ยง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย - เขตพัฒนาดอกงิ้วคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว 10 MW 3.บ้านนาข่า อ.ด่านซ้าย จ.เลย – บ้านนาข่า เมืองบ่อแตน แขวงไชยบุรี 2 MW และ 4.บ้านฮวก กิ่งอำเภอภูซาง จ.พะเยา - บ้านปางมอญ เมืองคอบ แขวงไชยบุรี 2 MW
นอกจากการ ‘ตัดไฟ’ ซึ่งเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติแล้ว ‘มาตรการระยะยาว’ สภาความมั่นคงแห่งชาติ เตรียมเสนอรัฐบาล ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อแก้ไขการทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ค้น ‘ต้นขั้ว’ มติครม.เมื่อปี 2537 และปี 2539 ที่เป็น ‘ต้นเรื่อง’ การทำสัญญาให้กับประเทศ มีรายละเอียด ดังนี้
มติครม.เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติในสมัยนั้น อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จำนวน 5 เรื่อง ดังนี้
1.การประเมินมูลค่าทรัพย์สินของโรงไฟฟ้าระยอง
2.แนวนโยบายในการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนในรูปของ Independent Power Producer (IPP)
3.การขอเข้าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
4.ราคาการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศสหภาพพม่าที่เมืองท่าขี้เหล็ก
5.การนำหุ้นของบริษัทไทยออยล์ จำกัด เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เจาะไปที่รายละเอียดข้อ 4 ‘ราคาการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศสหภาพพม่าที่เมืองท่าขี้เหล็ก’ ระบุว่า
เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประเทศสหภาพพม่าที่เมืองท่าขี้เหล็กในอัตราเดียวกันกับที่จำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศ กล่าวคือ ในขณะนี้การใช้ไฟฟ้าที่เมืองท่าขี้เหล็กเข้าข่ายลักษณะการใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง ก็ให้ใช้อัตราค่าไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง และในอนาคตหากความต้องการไฟฟ้าที่เมืองท่าขี้เหล็กเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับประเภทกิจการขนาดใหญ่ ก็ให้ปรับเป็นอัตราค่าไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดใหญ่ต่อไป ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นราคามิตรภาพ

จึงมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาวิตต์ โพธิวิหค) ได้พิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงในเรื่องของราคาดังกล่าวนี้ประกอบการประสานความร่วมมือในการพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านพลังงานระหว่างประเทศไทย และประเทศสหภาพพม่าต่อไปด้วย



ขณะที่มติครม.เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2539 ได้อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 55) จำนวน 5 เรื่อง ดังนี้
1.การดำเนินการในการแก้ไชปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง
2.การจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
3.แนวทางในการปรับโครงสร้างและการแปรรูปกิจการไฟฟ้าของประเทศ
4.แนวทางการควบคุมไอระเหยของน้ำมันเบนซินและการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง
5.ขอความเห็นชอบในหลักการซื้อก๊าซธรรมชาติและพัฒนาโครงการใช้ประโยชน์ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพื้นที่ร่วม มาเลเซีย-ไทย ร่วมกับเปโตรนาส (PETRONAS)

เมื่อเปิดมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 55) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539 เวลา 10.00 น. ในห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่มีนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะประธานกรรมการ และมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ ได้มีมติจำนวน 7 เรื่อง
เมื่อโฟกัสไปที่มติการประชุมกพช. ครั้งที่ 1/2539 (ครั้งที่ 55) เรื่องที่ 4 การจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รายละเอียด สรุปสาระสำคัญ ว่า
1.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ขอซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในเบื้องต้น จำนวน 3 จุด ในบริเวณพื้นที่ต่อไปนี้
(1) เชียงของ-ห้วยทราย ประมาณ 5 เมกะวัตต์
(2) เชียงแสน-ต้นผึ้ง ประมาณ 2 เมกะวัตต์
(3) ท่าลี่-แก่นท้าว ประมาณ 2 เมกะวัตต์
2.กฟภ. ได้ชี้แจงให้คณะกรรมการประสานงานของบริษัทไฟฟ้าลาว สปป.ลาว ทราบว่า กฟภ. จะจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในราคามิตรภาพ เป็นราคาเดียวกับที่จำหน่ายให้สหภาพพม่าที่เมืองท่าขี้เหล็ก คือ ในระดับแรงดัน 11-33 KV ค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (Demand Charge) 210 บาท/กิโลวัตต์ และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge) 1.07 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง
3.สปป.ลาว ต้องการซื้อไฟฟ้า โดยมีอัตราค่าไฟฟ้าเป็นแบบ Flat Rate คือ คิดเฉพาะค่าพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่บริษัทไฟฟ้าลาวจำหน่ายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศ และอัตราค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำหน่ายให้บริษัทไฟฟ้าลาว กำหนดคิดเฉพาะค่าพลังงานไฟฟ้า
4.เพื่อให้อัตราค่าไฟฟ้าเป็นแบบ Flat Rate ตามที่ สปป.ลาว ร้องขอ และ กฟภ. ไม่เสียประโยชน์จากการไม่คิดค่าความต้องการพลังไฟฟ้า และค่า Ft กฟภ. จึงกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่จะจำหน่ายให้บริษัท ไฟฟ้าลาว สปป.ลาว ตามราคาค่าเฉลี่ยของปีงบประมาณ 2538 ที่จำหน่ายให้ประเทศสหภาพพม่า ที่เมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าความต้องการพลังไฟฟ้า ค่าพลังงานไฟฟ้า และค่า Ft ไว้แล้ว คือ 1.90 บาท/หน่วย ซึ่งอัตราดังกล่าวคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2538
5.กฟภ. สามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านได้ ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2535 แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน
มติของที่ประชุม
1.เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้ สปป. ลาว ใน 3 จุด ในบริเวณ ดังนี้
- เชียงของ-ห้วยทราย ประมาณ 5 เมกะวัตต์
- เชียงแสน-ต้นผึ้ง ประมาณ 2 เมกะวัตต์
- ท่าลี่-แก่นท้าว ประมาณ 2 เมกะวัตต์
2.เห็นชอบในหลักการให้ราคาจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ กฟภ. จำหน่ายให้ สปป. ลาว และที่จะจำหน่ายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในแต่ละจุดเป็นอัตราที่อยู่ในระดับเดียวกันกับอัตราที่จำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟในประเทศ ตามโครงสร้างประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าของ กฟภ.
ทั้งนี้ ให้ กฟภ. มีความยืดหยุ่นที่จะสามารถเจรจา และกำหนดรูปแบบราคาจำหน่ายไฟฟ้าในลักษณะที่อาจแตกต่างจากโครงสร้างค่าไฟฟ้า ของประเทศไทยได้ภายใต้หลักการดังกล่าว เช่น อาจกำหนดเป็นอัตราคงที่ (Flat Rate) เป็นต้น
3.เห็นชอบในหลักการให้ กฟภ. ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณหมู่บ้านที่ใกล้กับเขตชายแดนของประเทศ ไทย โดยไม่ต้องขออนุมัติในระดับนโยบายอีก แต่ทั้งนี้ให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อทราบ ยกเว้นจะมีประเด็นนโยบายที่สำคัญให้เสนอเพื่อพิจารณา
4.ที่ประชุมได้มีมติเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินการของ กฟภ. ในการขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้า โดยมอบหมายให้ กฟภ. ขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านที่มีจำนวนหลังคาเรือนมากกว่า 10 หลังคาเรือน ภายในปี 2539 ซึ่งปัจจุบันเขตจำหน่ายไฟฟ้าครอบคลุมจำนวนหมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 98 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดแล้ว (อ่าน มติกพช.ฉบับเต็ม : https://www.eppo.go.th/index.php/th/eppo-intranet/item/7660-nepc-thaksin55#s4)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :
- ทักษิณ จับมือ กัมพูชา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เตรียมถอนสัญชาติไทย เจ้าของตึกปอยเปต
- กฟภ.เผยไทยขายไฟให้ลาว 4 จุด รวม 24 เมกะวัตต์ เป็นหน่วยงานภาครัฐทำสัญญาโดยตรง
- กมธ.ความมั่นคงฯ จี้ กฟภ. ขายไฟ ลาว-ควานหา จุดที่ 6 กระทุ้ง มหาดไทย ปิดท่าข้าม
- หนังสือ สมช. สั่ง ตัดเน็ต ถึงมือ กสทช. แต่ยังประชุมไม่ได้ ติดปัญหาบางประการ
- ยื่นดาบ กฟภ. ตัดไฟ สมช.- ก.มหาดไทย ลงมติ กระทบความมั่นคง-ภัยคุกคามของประเทศ
- ทักษิณ ชี้ ยกเลิกสัญญาบ.เมียนมาร์ รับซื้อไฟ กฟภ. เกี่ยวพันคอลเซ็นเตอร์ ทำได้
- กฟภ.แจงขายไฟฟ้าให้เมียนมาตามมติ ครม. ยันพร้อมระงับหากกระทบความมั่นคง
- เปิดมติครม.ยุคเศรษฐา สั่งตัดน้ำ-ไฟ แก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไม่คืบหน้า
- บอร์ด กฟภ. นัด 29 มกราคม ชง ครม. ยกเลิกมติ ขายไฟให้ประเทศเมียนมาร์
- การขายไฟฟ้าให้อาชญากรข้ามชาติเป็นเรื่องน่าละอาย
- เปิดหนังสือ กฟภ. 30 ฉบับ แจ้ง ‘หน่วยงานความมั่นคง’ ขอมติตัดไฟ สแกมเมอร์เมียนมา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา