“...แต่ไม่ใช่ กฟภ.เอาข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงไปแล้ว แล้วเอาไปอ้างเลยว่าให้ตัดไฟ จะเอาหนังสือของหน่วยงานความมั่นคงเพียงฉบับเดียวเพื่อไปตัดไฟ ไม่ได้ เพราะอำนาจตัดไฟอยู่ที่กฟภ....”
สังคมเริ่มออกออกมาตั้งคำถามถึงการทำงานของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการขายไฟให้กับบริษัทรับซื้อไฟในประเทศเมียนมา หลังจากถูกนำไปใช้ ‘ผิดวัตถุประสงค์’ โดยมีปลายทางแหล่งจ่ายไฟ เป็นแดนสแกมเมอร์ ศูนย์รวมมิจฉาชีพข้ามชาติ ทั้งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ กระบวนการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน
จนปรากฏภาพหน่วยงานรับผิดชอบโยนกันไป-โยนกันว่า อำนาจในการร ‘ตัดไฟ’ ว่า เป็นของใคร ระหว่างกระทรวงมหาดไทย-กฟภ. หรือ ‘หน่วยงานความมั่นคง’
อ่านข่าวประกอบ :
- ทักษิณ ชี้ ยกเลิกสัญญาบ.เมียนมาร์ รับซื้อไฟ กฟภ. เกี่ยวพันคอลเซ็นเตอร์ ทำได้
- กฟภ.แจงขายไฟฟ้าให้เมียนมาตามมติ ครม. ยันพร้อมระงับหากกระทบความมั่นคง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวมเอกสาร-หลักฐานที่ทาง กฟภ.ทำหนังสือไปถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ-ตอบกลับ
เริ่มจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงนามในหนังสือ ถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานสถานการณ์จำหน่ายไฟฟ้ากับประเทศใกล้เคียง และการดำเนินการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ภายหลังจากที่ได้รับทราบข้อสั่งการ/นโยบาย ของนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 กฟภ. ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง ขอความอนุเคราะห์พิจารณาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งพิจารณาผลกระทบและเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีการระงับการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดน โดยมีรายชื่อหน่วยงานทั้งหมด 25 หน่วยงาน ดังนี้
1.มท.5303.10 / 40426 ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กองกำลังผาเมือง (จังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา)
2.เลขที่ มท.5303.10/40427) ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 (จังหวัดตาก)
3.มท.5303.10/40428 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ กองกำลังสุรสีห์ (จังหวัดกาญจนบุรี)
4.มท.5303.10/40429 ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กองกำลังบูรพา (จังหวัดสระแก้ว)
5.มท.5303.10/40430 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองกำลังสุรนารี (จังหวัดสุรินทร์)
6.มท.5303.10/40431 ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
7.เลขที่ มท.5303.10/40432 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (จังหวัดเลย)
8.เลขที่ มท.5303.10/40433 ผู้อำนวยการรักษาความมันคงภายในจังหวัดเชียงราย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย
9.เลขที่ มท.5303.10/40434 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตาก
10.เลขที่ มท.5303.10/40439 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี
11.เลขที่ มท.5303.10/40436 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสระแก้ว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสระแก้ว
12.เลขที่ มท.5303.10/40437 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์
13.เลขที่ มท.5303.10/40438 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดจันทบุรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดจันทบุรี
14.เลขที่ มท.5303.10/ 40439 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด
15.เลขที่ มท.5303.10/40440 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย
16.เลขที่ มท.5303.10/ 40441 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพะเยา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพะเยา
17.เลขที่ มท.5303.10/ 40442 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงราย
18.เลขที่ มท.5303.10/ 40443 ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก จังหวัดตาก
19.เลขที่ มท.5303.19/ 40444 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
20.เลขที่ มท.5303.10/40445 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จังหวัดสะแก้ว
21.เลขที่ มท.5303.10/40446 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
22.เลขที่ มท.5303/40447 ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
23.เลขที่ มท.5303.10/40448 ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด จังหวัดตราด
24.เลขที่ มท.5303.10/40449 ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย จังหวัดเลย
25.เลขที่ มท.5303.10/40450 ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา จังหวัดพะเยา
ทั้งนี้ กฟภ. ได้แนบข้อมูลจุดซื้อขายไฟฟ้า จำนวน 1 ฉบับ และ ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) จำนวน 1 ฉบับ
อ่านข่าวประกอบ : เปิดมติครม.ยุคเศรษฐา สั่งตัดน้ำ-ไฟ แก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไม่คืบหน้า
ต่อมาในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงนามในหนังสือ ที่ มท 5303.10/50061 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์พิจารณาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ กรณีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง ถึง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก (ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย - เมียนมา อำเภอแม่สาย)
@ ร่อนหนังสือถึง ปปง.-ป.ป.ส.-ดีเอสไอ-ผบ.ตร. ตรวจสอบ บ.รับซื้อไฟ เอี่ยว ยาเสพติด-ฟอกเงิน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ ปฏิบัติงานแทน ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ลงนาม หนังสือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4 ฉบับ ถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (.มท 5303.10/534) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (มท 5303.10/535) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (มท 5303.10/536) และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (มท 5303.10/537) เพื่อขอความอนุเคราะห์พิจารณาตรวจสอบบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้า และกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้า
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลการกระทำความผิดในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว รวมถึงประเด็นความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาซื้อขายไฟฟ้า และให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการดำเนินกิจการของ กฟภ. รวมถึงความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ในการตรวจสอบบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้าและกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท ว่า มีความเกี่ยวข้อง หรือถูกดำเนินคดีต่าง ๆ หรือไม่ ดังนี้
โดยในหนังสือระบุชื่อ 2 บริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้าบริเวณจุดซื้อไฟฟ้า มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด และกระบวนการฟอกเงินของผู้ได้รับสัมปทาน รวมถึงประเด็นความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ ประกอบด้วย
1.พื้นที่บ้านวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก - บ้านก๊กโก่ อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
2.จุดซื้อไฟฟ้าสะพานมิตรภาพ และจุดซื้อไฟฟ้าบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
@ เปิดข้อมูลซื้อไฟฟ้าเมียนมา-กัมพูชา-ลาว
สำหรับข้อมูลผู้ซื้อไฟฟ้าประเทศใกล้เคียงเป็น ที่ กฟภ.แนบสิ่งที่ส่งมาด้วยไปในหนังสือให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย
1.ฝั่งประเทศไทย สะพานมิตรภาพไทย-พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย – ฝั่งประเทศใกล้เคียง เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุดตามสัญญา 8 MW
2.บ้านเหมืองแดง อ.แม่สาย จ.เชียงราย – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน 8 MW
3.อ.เชียงแสน จ.เชียงราย - เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก 2000 KVA
4.บ้านห้วยม่วง อ.แม่สอด จ.ตาก – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 8 MW (อนุมัติ 10 MW ชั่วคราว)
5.บ้านวังผา อ.แม่ระมาด จ.ตาก - บ้านก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ยกเลิกสัญญา
6.บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง อ.แม่สอด จ.ตาก - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ยกเลิกสัญญา
7.สะพานมิตรภาพไทย-พม่า 2 อ.แม่สอด จ.ตาก - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 5 MW
8.บ.พระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี - เมืองพญาตองซู รัฐมอญ 3000 KVA
ราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 9 จุด ประกอบด้วย
1.บ้านคลองลึก อ.อรัฐประเทศ จ.สระแก้ว - อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (วงจรที่ 1 , วงจรที่ 2) 23530 KVA
2.บ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว - อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง 8000 KVA
3.บ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว - อ.มาลัย จ.บันตึยเมียนเจย 4000 KVA
4.อ.กาบเชิง (ช่องจอม) จ.สุรินทร์ - บ.โอเสม็ด จ.อุดรมีชัย 3500 KW
5.บ้านสวนส้ม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี - บ.โอลั๊ว อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง 1 MW
6.บ้านซับตารี อ.สอยดาว จ.จันทบุรี - อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง 3000 KVA
7.บ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี - เมืองไพลิน ยกเลิกสัญญา
8.บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี - อ.ก็อมเรียง จ.พระตะบอง 8000 KVA
9.บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด - บ.หาดทรายยาว จ.เกาะกง 10 MW
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย
1.บ้านหัวเวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย - เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว 10 MW
2.บ้านห้วยเกี๋ยง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย - เขตพัฒนาดอกงิ้วคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว 10 MW
3.บ้านนาข่า อ.ด่านซ้าย จ.เลย – บ้านนาข่า เมืองบ่อแตน แขวงไชยบุรี 2 MW
4.บ้านฮวก กิ่งอำเภอภูซาง จ.พะเยา - บ้านปางมอญ เมืองคอบ แขวงไชยบุรี 2 MW
โดยมี หมายเหตุ มีการยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและงดจำหน่ายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันคงเหลือจำนวน 18 จุดซื้อขายไฟฟ้า ดังนี้ 1.ประเทศเมียนมา ยกเลิกสัญญาฯ แล้วจำนวน 2 จุดซื้อขายไฟฟ้า (ลำดับที่ 5 และ 6) ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2566 ปัจจุบันคงเหลือจำนวน 6 จุดซื้อขายไฟฟ้า กัมพูชา ยกเลิกสัญญาฯ แล้วจำนวน 1 จุดซื้อขายไฟฟ้า (ลำดับที่ 7 ) ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ปัจจุบันคงเหลือจำนวน 8 จุดซื้อขายไฟฟ้า
@ หน่วยงานความมั่นคง โต้ - อำนาจตัดไฟอยู่ที่ กฟภ.
หน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่ง เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ก่อนหน้านี้ได้ตอบหนังสือของ กฟภ. ในเชิงหลักการไปว่า มีมูล ดังนั้น หากมีความเสี่ยงก็ขอให้พิจารณาทบทวนเรื่องของสัญญาขายไฟให้เหมาะสม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดไปว่า พื้นที่ใดที่ต้องตัดไฟ และต้องไม่กระทบความสัมพันธ์ของประชาชนบริเวณชายแดน
“แต่ไม่ใช่ กฟภ.เอาข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงไปแล้ว แล้วเอาไปอ้างเลยว่าให้ตัดไฟ จะเอาหนังสือของหน่วยงานความมั่นคงเพียงฉบับเดียวเพื่อไปตัดไฟ ไม่ได้ เพราะอำนาจตัดไฟอยู่ที่กฟภ.”แหล่งข่าวระบุ
ด้านแหล่งข่าวจากกฟภ.เปิดเผย ว่า เมื่อมีหนังสือไปถึงหน่วยงานความมั่นคงที่่เกี่ยวข้องแล้วไม่ตอบ จึงใช้วิธีเชิญหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วย มาประชุมเพื่อขอมติในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เมื่อได้มติแล้ว กฟภ จะทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและออกคำสั่งต่อไป
ทั้งนี้ การจำหน่ายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน กฟภ.ดำเนินการ โดยยึดหลักเกณฑ์ 4 ข้อ หากไม่เป็นไปตามนี้ หรือ ผิด หรือ ขัดข้อหนึ่งข้อใดใน 4 ข้อ นี้ สามารถยกเลิกได้ทันทีดังนี้
1. ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล (มติคณะรัฐมนตรี)
2. ดำเนินการตามนโยบายฝ่ายความมั่นคง
3. ดำเนินการตามกฎหมาย
4. ดำเนินการตามสัญญา
ยิ่งรัฐบาลจีนส่งนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ลงมาดูงานด้วยตัวเอง ยิ่งเป็นการกดดันให้รัฐบาลไทยต้องรีบแก้ไขปัญหา
ดังนั้น จึงต้องจับตาดูว่า วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ จะได้บทสรุปหรือไม่ หรือจะวงแตกเสียก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :