
"... พิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อนุมัติเงินงบประมาณของราชการเพื่อพาผู้เข้าร่วมโครงการไปท่องเที่ยว มิใช่เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ อันทำให้เทศบาลตำบลท่าทองใหม่ต้องเสียหายเป็นเงินจำนวนสูงถึง 1,036,060 บาท ภายหลังก็ไม่มีการชดใช้เงินคืนแก่ส่วนราชการพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษ..."
ปรากฏเป็นข่าวให้คนในสังคมเห็นจนชินตาอยู่บ่อยครั้ง!
กรณีการจัดทำโครงการทัศนศึกษาดูงานที่มีลักษณะแอบแฝงใช้งบประมาณรัฐพาพวกพ้องไปท่องเที่ยว ของผู้บริหารหน่วยงานรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ
ล่าสุด เป็นกรณี นายอำพนธ์ เพชรชู อดีตนายกเทศมนตรีตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงานคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน และลูกจ้างเทศบาล อสม.อพปร. ผู้นำชุมชน และผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2557 ซึ่งมีลักษณะแอบแฝงใช้งบประมาณรัฐพาพวกพ้องไปท่องเที่ยว
ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ไม่มีการชดใช้เงินคืนแก่ส่วนราชการ แต่พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่สมควรได้รอการลงโทษ
โดยคดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายอำพนธ์ เพชรชู อดีตนายกเทศมนตรีตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพวก 1 ราย คือ นายกมลพันธ์ บรรณราช ฐานความผิดทางอาญา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 และ 162 (1) (4) และพ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2567
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายอำพนธ์ เพชรชู จำเลยที่ 1 นายกมลพันธ์ บรรณราช จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และจำเลยทั้งสองยังมีความผิดตาม
พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 ม.123/1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ปอ.ม.151 ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามปอ.ม.151 ซึ่งเป็น บทกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุก นายอำพนธ์ เพชรชู จำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี
จำคุก นายกมลพันธ์ บรรณราช จำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน และปรับ 26,000 บาท
2. จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ปอ.ม. 78
คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน
คงจำคุกจำเลยที่ 2 มี กำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 13,000 บาท
3. พิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อนุมัติเงินงบประมาณของราชการเพื่อพาผู้เข้าร่วมโครงการไปท่องเที่ยว มิใช่เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ อันทำให้เทศบาลตำบลท่าทองใหม่ต้องเสียหายเป็นเงินจำนวนสูงถึง 1,036,060 บาท ภายหลังก็ไม่มีการชดใช้เงินคืนแก่ส่วนราชการพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษ
ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อคำนึงถึงประวัติและความประพฤติ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมความประพฤติจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในเวลา 1 ปี กับให้จำเลยที่ 2 กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามปอ.ม. 56 หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามปอ.ม.29, 30
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8
คดีเป็นอันสิ้นสุด จบลงด้วย บทลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญาของ นายอำพนธ์ เพชรชู อดีตนายกเทศมนตรีตำบลท่าทองใหม่ ส่วนพวกอีก 1 ราย ได้รอลงอาญา แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเครังครัด
นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของผู้บริหารหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศ ไม่ให้กระทำผิดซ้ำรอย เอาเป็นเยี่ยงอย่างทั้งในปัจจุบัน และอนาคต สืบไป
จากกรณีจัดทำโครงการทัศนศึกษาดูงานที่มีลักษณะแอบแฝงใช้งบประมาณรัฐพาพวกพ้องไปท่องเที่ยว ของผู้บริหารหน่วยงานรัฐ แบบที่เห็นและเป็นไปหลายกรณีในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ที่ไม่รู้จักเข็ด ไม่รู้จักหลาบจำกัน!

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา