"...จําเลยที่ 1 จําเลยที่ 2 ร่วมกัน กระทําการโดยแบ่งหน้าที่กันทําตามอํานาจหน้าที่ของตนเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อเครื่องบิน B777- 200ER จากบริษัท บ. จากเดิมน้ําหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 580,000 ปอนด์ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-884 เป็นน้ําหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 650,000 ปอนด์ติดตั้งด้วย เครื่องยนต์ TRENT-892 และแก้ไขเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ (Spare Engine) เป็น TRENT 892 ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้สั่งซื้อแล้วโดยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2546 ..."
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : กรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ จำเลยที่ 1 และนายกวีพันธ์ เรืองผกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี ฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัทฯ และอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ จำเลยที่ 2 ในคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากบริษัท โรลส์รอยซ์ ผู้นำเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน Boeing 777-200ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือคดีสินบนโรลส์รอยซ์ ครั้งที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548
โดยศาลรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดําที่ อท 152/2567 ให้จําเลยทั้งสองแต่งทนายความ และให้นัดสอบคําให้การจําเลยในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 09.30 น. และศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจําเลยทั้งสองและมีคําสั่งห้ามจําเลยทั้งสองออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ของคดีข้างต้น มีรายละเอียด ดังนี้
25 ก.ย. 2567 เวลา 10.20 นาฬิกา คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย ท. กับพวกรวม 2 คน เป็นจําเลยในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อท 152/2567 ตามตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของ พนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8
โจทก์ฟ้องว่า บริษัท ก. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2502 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ประเภทบริษัทจํากัด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2503 ต่อมาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจํากัด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2537 ณ ปีพ.ศ. 2546 มีกระทรวง ก. ถือหุ้นร้อยละ 54.21 บริษัท ก. จึงเป็น รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง ค. ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ขณะเกิดเหตุคดีนี้จําเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท ก. เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2544 และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริษัท ก. เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2545 มีอํานาจหน้าที่ ควบคุม กํากับ ดูแล การดําเนินกิจการของบริษัท ก. โดยต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัทตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามข้อบังคับของบริษัท ก.
ขณะเกิดเหตุคดีนี้ จําเลยที่ 2 ดํารงตําแหน่งรองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชีบริษัท ก. มีอํานาจหน้าที่ใน การกําหนดนโยบาย ควบคุม ดูแล อํานวยการ รับผิดชอบในการบริหารงานและปฏิบัติการทั้งปวงเกี่ยวกับฝ่ายเกี่ยวกับการเงินการบัญชีทั้งด้านการพัฒนาการวางระบบงาน การบริหารความเสี่ยงการบัญชีโดยรายงานตรงต่อกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการบริหารกิจการทั่วไป พ.ศ. 2540 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 2 จึงเป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
@ จำเลยที่ 1 ใช้อํานาจในตําแหน่งประธานกก. แทรกแซงฝ่ายบริหารอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ
ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2549 เวลากลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องกัน จําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 2 ซึ่งดํารงตําแหน่งและมีอํานาจหน้าที่ในการจัดทํา พิจารณา เห็นชอบ และอนุมัติแผนวิสาหกิจปี 2548/49 - 2552/53 ของบริษัท ก. ได้รวมถึงการพิจารณาโครงการจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง B777-200 ER จํานวน 6 ลํา และเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สําหรับเครื่องบินดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สําหรับ โบอิ้ง B777-200 ER และTRENT 500 สําหรับเครื่องบินแอร์บัส A340-500/600 ตามแผนวิสาหกิจดังกล่าว อันเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ได้ร่วมกันกระทําความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทํา ใช้อํานาจในตําแหน่งของตนโดยทุจริต ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต โดยจําเลยที่ 1 ใช้อํานาจในตําแหน่งที่ตนเป็นประธานกรรมการบริษัทฯ เข้าไป ก้าวก่าย แทรกแซง ครอบงํา การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายจัดการหรือฝ่ายบริหารอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ ในการพิจารณาการเพิ่ม ลดจํานวนเครื่องบิน การจัดหาเครื่องยนต์และอะไหล่ เครื่องบิน ตลอดจนการจัดหาเครื่องบินและเครื่องยนต์โดยมุ่งหมายให้มีการพิจารณาเปรียบเทียบเฉพาะ เครื่องบินพิสัยไกลขนาดกลาง (LM) เพียง A340-600 กับ B777-200ER ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ติดตั้งด้วย เครื่องยนต์ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ทั้งที่ๆ บริษัท ก. เคยประสบปัญหาค่าซ่อมเครื่องยนต์ของโรลส์- รอยซ์ (Rolls-Royce) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และเครื่องยนต์ TRENT มีแหล่งซ่อมน้อยมาก และ บริษัท ร. เข้าไปร่วมทุนทั้งสิ้น โดยไม่มีนโยบายให้ Shop แต่ละแหล่งแข่งขันกัน
@ จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อเครื่องบิน
และจําเลยที่ 1 จําเลยที่ 2 ร่วมกัน กระทําการโดยแบ่งหน้าที่กันทําตามอํานาจหน้าที่ของตนเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อเครื่องบิน B777- 200ER จากบริษัท บ. จากเดิมน้ําหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 580,000 ปอนด์ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์โรลส์- รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-884 เป็นน้ําหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 650,000 ปอนด์ติดตั้งด้วย เครื่องยนต์ TRENT-892 และแก้ไขเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ (Spare Engine) เป็น TRENT 892 ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้สั่งซื้อแล้วโดยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2546 เนื่องจาก จําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 2 ไม่ได้เสนอขออนุมัติแก้ไขการเปลี่ยนแปลงการ จัดซื้อเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัทฯ โดยมีจําเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการ บริษัทฯ ซึ่งเป็นอํานาจโดยตรงในการพิจารณาอนุมัติตามระเบียบอีกครั้ง โดยในการจัดหาเครื่องบินและรวมถึง การจัดหาเครื่องยนต์อุปกรณ์อะไหล่ บริภัณฑ์ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ต้องจัดหาพร้อมกันกับการจัดหา เครื่องบินตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการพัสดุพ.ศ. 2546 ตามข้อ 8 ได้กําหนดให้อยู่ในอํานาจหน้าที่ของ คณะกรรมการบริษัทฯ และข้อ 10 วรรคสอง กําหนดให้ในกรณีที่อํานาจในการจัดหาเป็นอํานาจของ คณะกรรมการบริษัทฯ ให้การแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ เป็นอํานาจของกรรมการผู้อํานวยการใหญ่
วันที่ 25 สิงหาคม 2547 ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 8/2547 ซึ่งมีจําเลย ที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการบริษัทฯ เข้าร่วมประชุม โดยในการประชุมมีจําเลยที่ 2 รองกรรมการ ผู้อํานวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี (DE) ในฐานะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของ บริษัทฯ เป็นผู้ชี้แจงข้อมูลในที่ประชุม ในวาระที่ 3.2 ในการขออนุมัติแผนเส้นทางบินและฝูงบินระยะยาว (2548/49 - 2552/53) ซึ่งในการชี้แจงเพื่อนําเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาในวาระที่ 3.2 นั้น ได้มีการนําเสนอการเปรียบเทียบผลการดําเนินงานของเครื่องบินพิสัยไกลขนาดกลาง (LM) เพียงเครื่องบิน B777-200ER และเครื่องบิน A340-600 เท่านั้น ดังเจตนาของจําเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้นที่ได้มีความเห็นในที่ ประชุมคณะอนุกรรมการแผนการลงทุนระยะยาว เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 โดยในการประชุม คณะกรรมการบริษัทฯ ในครั้งนี้จําเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการ และจําเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชี้แจงทราบดีว่า ก่อนการเสนอให้คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติแผนเส้นทางการบินและเส้นทางบินและฝูงบินระยะยาว ปี 2547/48 - 2552/53 และขออนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในสัญญาเพื่อสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าวในครั้งนี้นั้น ฝ่ายบริหารไม่ได้ดําเนินการจัดหาเครื่องบิน ตลอดจนเครื่องยนต์ที่จะใช้ติดตั้งกับเครื่องบินดังกล่าว และเสนอ ต่อที่ประชุมฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัทฯ (EMM) ที่มีจําเลยที่ 2 เป็นฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการกํากับ กลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มีจําเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอคณะกรรมการ บริษัทฯ พิจารณาอนุมัติตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 แต่อย่างใด
ประกอบกับไม่มีการ แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเครื่องยนต์สําหรับติดตั้งบนเครื่องบิน (Engines on Wing) เพื่อทําการพิจารณาเปรียบเทียบข้อเสนอขายของบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้แก่ การลงทุน (Investment) การสนับสนุนทางด้าน การเงิน (Financial Support) และการสนับสนุนด้านอื่น ๆ (Other Support) ซึ่งถือเป็นขั้นตอนจําเป็นที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องในอดีต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท ก. แต่อย่างใด และจําเลยที่ 1 ทราบ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีว่า เครื่องบิน B777-200ER จะต้องเพิ่มน้ําหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) จาก 580,000 ปอนด์เป็น 650,000 ปอนด์และต้องยกระดับ (Upgrade) เครื่องยนต์จาก TRENT-884 เป็น TRENT 892 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเครื่องบิน B777-200ER จํานวน 6 ลํา ที่จะจัดหาจากบริษัท บ. และเครื่องยนต์ TRENT-800 ที่จะจัดหาจากบริษัท ร. ปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในครั้งนี้ (วันที่ 25 สิงหาคม 2547)
จําเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการ และจําเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชี้แจง กลับได้ร่วมกัน อาศัยโอกาสที่ตนมีอํานาจในตําแหน่งและมีหน้าที่ในที่ประชุมดังกล่าว จนทําให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ โดยจําเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเส้นทางบินและฝูงบินระยะยาวปี 2547/48 - 2552/53 แผนการเงินและแผนการลงทุน โดยเห็นชอบให้บริษัท ก. ดําเนินการจัดหาเครื่องบิน จํานวน 14 ลํา ได้แก่ เครื่องบิน A380 จํานวน 6 ลํา เครื่องบิน A340-500 จํานวน 1 ลํา เครื่องบิน A340-600 จํานวน 1 ลํา และเครื่องบิน B777-200ER จํานวน 6 ลํา และอนุมัติให้ลงนามในสัญญา Letter of Intent (L.O.I.) เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน B777-200ER จํานวน 6 ลํา กับบริษัทโบอิ้ง (Boeing) พร้อม ทั้งชําระเงินมัดจําเครื่องบิน และอนุมัติให้ลงนามในสัญญา (MOU) เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน A380 A340-500/6 00 รวมจํานวน 8 ลํา กับบริษัทแอร์บัส (Airbus) โดยมีเงื่อนไขให้มีผลบังคับใช้เมื่อบริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งที่ 43/2547 ได้อนุมัติใน หลักการให้บริษัท ก. (บกท.) ดําเนินโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี2548/49 - 2552/53 เพื่อจัดหาเครื่องบิน จํานวน 14 ลํา วงเงินลงทุน 96,355 ล้านบาท และต่อมาในวันที่ 21 ธันวาคม 2547 คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งที่ 51/2547 ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวง ค. ดําเนินการลงนามในสัญญาซื้อ ขายเครื่องบินกับบริษัทผู้ขายเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ตามกําหนดเวลาลงนามในสัญญา (วันที่ 23 ธันวาคม 2547) ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 บริษัท ก. ก็ได้มีการลงนามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม แนบท้ายสัญญา จัดหาเครื่องบิน หมายเลข 1721 (SA-8) กับบริษัท บ. เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน B777-200ER จํานวน 6 ลํา เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2548 ได้ลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 20 กับบริษัท อ. เพื่อตกลงซื้อเครื่องบิน แอร์บัส แบบ A340-500 จํานวน 1 ลํา และแบบ A340-600 จํานวน 1 ลํา และเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 ได้ลงนามในสัญญาข้อกําหนดทั่วไปซื้อขายเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-500 สําหรับเครื่องบิน A340-500/600 กับบริษัท ร. และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2549 ก็ได้ลงนามสัญญาข้อกําหนดทั่วไปซื้อขายเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-892 สําหรับเครื่องบิน B777- 200ER กับบริษัท ร.
@ จำเลยที่ 1-2 ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต
การกระทําของจําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่ ทํา จัดการ เกี่ยวกับจัดหาเครื่องบินโบ อิ้ง B777-200 ER จํานวน 6 ลํา และเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สําหรับเครื่องบิน ดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สําหรับโบอิ้ง รวมทั้งเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 500 สําหรับเครื่องบินแอร์บัส A340- 500/600 รวม 7 เครื่อง จึงเป็นการร่วมกันกระทําความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทําตามหน้าที่ของตนโดยใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือโดยทุจริต โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายในการใช้จ่ายเงินงบประมาณในการสั่งซื้อเครื่องบิน และเครื่องยนต์จากบริษัท บ. และบริษัท ร. และแสวงหาประโยชน์ที่มิควร ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
สําหรับบริษัท บ. เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการทําสัญญาขายเครื่องบิน B777-200ER จํานวน 6 ลํา และบริษัท ร. ได้รับประโยชน์ในการทําสัญญาขายเครื่องยนต์ (Engines on Wing) TRENT-892 สําหรับติดตั้งบนเครื่องบิน ดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สํารอง/อะไหล่ (Spare Engine) TRENT-892 จํานวน 2 เครื่อง สําหรับเครื่องบิน B777-200ER ให้แก่บริษัท ก. เป็นเหตุให้ราคาเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,865,140,094.40 บาท อันเป็นการเสียหายแก่ระบบพัสดุและการบริหารงานของบริษัท ก. จึงเป็น ความผิดฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจในหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการ เสียหายแก่องค์การ บริษัทจํากัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 8
เหตุเกิดแขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญา หมายเลขดําที่ อท 152/2567 ให้จําเลยทั้งสองแต่งทนายความ และให้นัดสอบคําให้การจําเลย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 09.30 นาฬิกา
ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจําเลยทั้งสองและมีคําสั่งห้ามจําเลยทั้งสองออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล