"....สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเชิงลึกการสอบสวนคดีนี้ของ ป.ป.ช.ว่า หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งในคดีนี้ คือ ข้อความในเฟซบุ๊กของ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ที่มีการโพสต์ว่า ในช่วงเดือนก.ย.2562 ต้องเข้ารับการผ่าตัดนอนโรงพยาบาลเอกชน เป็นเวลา 27 วัน ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 ล้านบาท แต่มีผู้ใจบุญ 2 ราย ได้ดูแลทั้งหมด พร้อมระบุว่าเป็นอานิสงส์ที่เคยช่วยเหลือ ผู้ป่วย หรือคนด้อยโอกาส เป็นประจำเสมอมา ส่งผลให้ได้รับผลบุญในชาตินี้..."
"ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพิ่งมีมติชี้มูลคดีนี้ไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอรับรองรายงานการประชุม หลังจากนั้นน่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชนได้"
คือ คำยืนยันจาก นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่ชี้มูลความผิด นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทย (สมัยแรก) กรณีกล่าวหารับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด เนื่องจากยอมให้บุคคลภายนอกชำระค่ารักษาพยาบาลแทนให้แก่ตนเอง เป็นจำนวนเงิน 1,335,778 บาท ในเข้ารักษาทางด้านโรคหัวใจที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ช่วงวันที่ 23 ก.ย.-18 ต.ค.2562 ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เสนอข่าวไปแล้ว
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'ณัฏฐ์ชนน' สส.ภท. รับค่ารักษา 1.3 ล.ผิดอาญา-จริยธรรม-เจ้าตัวโต้ยังไม่มีมติ
- คอนเฟิร์ม! มติ ป.ป.ช.ชี้มูล 'ณัฏฐ์ชนน' สส.ภท.รับค่ารักษา 1.3 ล. ผิดอาญา-จริยธรรมร้ายแรง
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเชิงลึกการสอบสวนคดีนี้ของ ป.ป.ช.ว่า หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งในคดีนี้ คือ ข้อความในเฟซบุ๊กของ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ที่มีการโพสต์ว่า ในช่วงเดือนก.ย.2562 ต้องเข้ารับการผ่าตัดนอนโรงพยาบาลเอกชน เป็นเวลา 27 วัน ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 ล้านบาท แต่มีผู้ใจบุญ 2 ราย ได้ดูแลทั้งหมด พร้อมระบุว่าเป็นอานิสงส์ที่เคยช่วยเหลือ ผู้ป่วย หรือคนด้อยโอกาส เป็นประจำเสมอมา ส่งผลให้ได้รับผลบุญในชาตินี้ (ดูภาพหลักฐานประกอบ)
สำหรับข้อกล่าวหานายณัฏฐ์ชนน เป็นทางการในคดีนี้ คือ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดกรณีรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด เนื่องจากยอมให้บุคคลภายนอกชำระค่ารักษาพยาบาลแทนให้แก่ตนเอง
หลังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-18 ต.ค.2562 นายณัฏฐ์ชนน ได้เข้ารักษาทางด้านโรคหัวใจที่โรงพยาบาลพญาไท 2 โดยค่ารักษาดังกล่าวมีบุคคลอื่นชำระค่ารักษาพยาบาลให้รวมเป็นเงิน 1,335,778 บาท ซึ่งคณะกรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นชอบตามรายงานผลการไต่สวนว่า เป็นการกระทำที่ขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระร่วมทั้ง ผู้ว่าการตรวจตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ข้อ 3 วรรคสอง ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 17 และข้อ 27
โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 219 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งมาตรฐานทางจริยธรรมนี้ให้ใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาและคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 วรรคสอง ตามข้อ 3 วรรคสองด้วย
ขณะที่มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 9 กำหนดว่า ต้องไม่ขอ ไม่ เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 10 กำหนดว่า ต้องไม่รับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการรับจากการให้โดยธรรมจรรยาและการรับที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบหรือข้อบังคับให้รับได้
มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยม ข้อ 17 กำหนดว่า ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ ของการดำรงตำแหน่ง
การฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 27 กำหนดว่า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง
การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 2 และหมวด 3 จะถือว่ามีลักษณะร้ายแรงหรือไม่ ให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ เจตนาและความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ นั้น
ขณะที่ผลการพิจารณาคณะกรรมการ ป.ป.ช. แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายเสียงข้างมาก 4 เสียง ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ และนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เห็นว่า การกระทำของ นายณัฏฐ์ชนน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบ มาตรา 169 และมีมูลความผิด ฐานขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ ฐานรับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดและฐานกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 17 ประกอบข้อ 27 ตามที่กล่าวข้างต้น
ส่วนกรรมการ เสียงข้างน้อย ได้แก่ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ เห็นว่า จากการไต่สวน ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า นายณัฏฐ์ชนน ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ก่อนที่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการสรุปมติยึดถือตามมติกรรมการเสียงข้างมาก เห็นว่า การกระทำของ นายณัฏฐ์ชนน มีมูลความผิดทางอาญา และเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พร้อมเห็นชอบให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน ไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้เสนอเรื่องฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อศาลฎีกาฯ เพื่อวินิจฉัยตามฐานความผิดดังกล่าวด้วย
แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า ผู้ใจบุญ 2 ราย ที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ให้แก่ นายณัฏฐ์ชนน เป็นใครมาจากไหน
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด นายณัฏฐ์ชนน ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
กล่าวสำหรับ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ชื่อเล่น หนุ่ย เป็นสส.เขต 7 จังหวัดสงขลา 2 สมัย สังกัดพรรคภูมิใจไทย มีตำแหน่งเป็นรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย
นายณัฏฐ์ชนน เคยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา เขตอำเภอจะนะ ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 สังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยสามารถเอาชนะนายศิริโชค โสภา จากพรรคประชาธิปัตย์ ไปได้ และได้รับเลือกติดต่อกัน รวม 2 สมัย
ก่อนหน้านี้ เคยถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณียอมรับทรัพย์สินซึ่งมีราคาเกิน 3,000 บาท จากบุคคลภายนอกเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สส. จังหวัดสงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย สมัยแรก ช่วงปี 2564
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 มีมติเสียงไม่เอกฉันท์ ตีตกข้อกล่าวหา หลังคณะกรรมการเสียงส่วนใหญ่ เห็นว่าจากการไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่านายณัฏฐ์ชนน ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาก ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ส่วนทรัพย์สินที่มีราคาเกิน 3,000 บาท ที่ถูกร้องเรียนในคดี คือ iPad Pro พร้อม Apple Pencil