"...เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน ป.ป.ช. แกะรอยจนพบว่า เสมียนทนายความรายนึ้ แท้จริงแล้ว คือ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ อดีตรองปลัด อบต. พิมาย ที่หลบหนีหมายจับอยู่นั่นเอง โดยนางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ จะทำทรงผม แต่งหน้า ให้ละม้ายคล้ายกันกับน้องสาว และจะใส่เสื้อสีฟ้า ซึ่งเป็นสีเสื้อที่น้องสาวตนเอง ใส่ถ่ายรูปติดบัตรประชาชนอยู่ตลอดเวลา ..."
กำลังจะปรากฏเป็นข่าวใหญ่ต่อสาธารณชน
กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถติดตามจับกุมตัว นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ อดีตรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต) พิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในคดียักยอกเงินออกจากคลังของ อบต.พิมาย เป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2565
โดยเจ้าตัวได้ใช้วิธีการนำบัตรประชาชน เอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของน้องสาว มาอำพรางแทนตนเอง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ป.ป.ช. ติดตามแกะรอยจนพบ และเข้าทำการจับกุมตัวได้ในที่สุด
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 5 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ป.ป.ช. ได้นำตัว นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา รับตัวไว้ พร้อมแจ้งสิทธิให้รับทราบตามกฎหมาย และนำตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
หลังจากก่อนหน้านี้ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่มีการหลบหนีคดีจึงทำให้ถูกออกหมายจับ
โดยหลังการหลบหนีคดีไป เจ้าตัวได้ใช้วิธีการนำบัตรประชาชน เอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของน้องสาว มาอำพรางแทนตนเอง ก่อนจะเข้าไปสมัครทำงานกับทนายความรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายและเลขาฯ
แต่มีเหตุบังเอญที่ทนายความรายนี้ รับว่าความทำคดีให้กับผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่งที่ทำงานในเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาและถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ต้องมีการต่อสู้คดีในชั้นศาล จึงมีการว่าจ้างทนายความรายนี้มาทำคดีให้
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน ป.ป.ช. แกะรอยจนพบว่า เสมียนทนายความรายนึ้ แท้จริงแล้ว คือ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ อดีตรองปลัด อบต. พิมาย ที่หลบหนีหมายจับอยู่นั่นเอง
โดยนางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ จะทำทรงผม แต่งหน้า ให้ละม้ายคล้ายกันกับน้องสาว และจะใส่เสื้อสีฟ้า ซึ่งเป็นสีเสื้อที่น้องสาวตนเอง ใส่ถ่ายรูปติดบัตรประชาชนอยู่ตลอดเวลา
จึงได้วางแผนลวงกลับ แจ้งให้เจ้าตัวมาส่งเอกสารต่อสู้คดีที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา แล้วแสดงตัวเข้าทำการจับกุมในเวลาต่อมา
เบื้องต้น เจ้าตัวปฏิเสธว่าผู้ที่ถูกออกหมายจับไม่ใช่ตนเอง ตนเองเป็นน้องสาว ที่มากับทนายความ
เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จึงพาไปตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ ยืนยันตัวตนที่ว่าการอำเภอ เจ้าตัวเลยต้องยอมรับ ว่า เป็นนางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในคดียักยอกเงินออกจากคลังของ อบต.พิมาย เป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2565
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.ระบุว่า เกี่ยวกับคดีนี้ ล่าสุดได้มีการนำตัว นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ ส่งตัวให้อัยการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ เพื่อฟ้องคดี ก่อนที่นางวาสนา พลทา จะมีการวงเงินสด 3 แสนบาท ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งป.ป.ช.คงจะมีการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ลักษณะวิธีการ ของ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ ที่นำบัตรประชาชน เอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของน้องสาว มาอำพรางแทนตนเอง เพื่อหลบหนีหมายจับ รวมไปถึงการวางแผนของ ป.ป.ช.ในการจับกุมตัวครั้งนี้
นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ควรต้องบันทึกไว้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน ทำคดีอื่นๆ ต่อไป