"...จากการสอบถามข้อมูลผู้ที่อาศัยในห้องเลขที่ 113/48 ทราบว่า ผู้อยู่อาศัยเพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ได้ประมาณเกือบ 2 ปี ในช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซื้อต่อมาจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นทนายความ อายุประมาณ 30 ปี แต่ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกับทนายความคนดังกล่าวอีก จึงไม่ทราบว่าห้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับนายธาริตอย่างไร ..."
กรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 11 รายการ รวมมูลค่า 44,630,426 บาท ในคดีกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ต่อจากคดีแรกที่ขอให้ทรัพย์สิน รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว
มีคำชี้แจงจากสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นทางการไปแล้วว่า
หนึ่ง.
เป็นกรณี สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ ตามการไต่สวนข้อเท็จจริง (คดีแรก) โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ นายสนชัย ศรีทองกุล และบริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด โดยศาลแพ่ง ได้มี คำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องไต่สวนดังกล่าว (คดีแรก) ให้อัยการสูงสุด ร้องขอให้ทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 สรุปได้ว่าให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน
สอง.
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีแรก ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหา ยังมีทรัพย์สิน ที่ร่ำรวยผิดปกติรายการอื่น ที่อยู่ในชื่อนางสาวสุทธิมา จันดาคูณ นางสาวธัญธร ด่านวิบูลย์ พันตำรวจโท อิทธิพล บุญพินิจ อีกจำนวนมาก และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสผู้ถูกกล่าวหา ได้ใช้ชื่อ นางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ และนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ซื้อทองคำแท่งจากบริษัท ออสสิริส จำกัด จำนวนมาก ในการนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติสั่งไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ เป็นคดีที่สอง ซึ่งรายการทรัพย์สินที่สั่งไต่สวนคดีที่สอง เป็นคนละรายการกับทรัพย์สินที่ไต่สวนและศาลแพ่ง มีคำพิพากษาในคดีแรก
สาม.
ผลการพิจารณาในคดีที่สอง ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 53,512,096 บาท โดยที่ประชุมมีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน
สี่. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ความแพ่ง ข้อหา ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน คดีหมายเลขดำที่ พท 1/2565 คดีหมายเลขแดงที่ พท 1/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด ผู้ร้อง กับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา และผู้คัดค้าน รวม 6 คน ได้ความว่า ให้ทรัพย์สิน ที่ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 44,630,426 บาท พร้อมดอกผลของเงิน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินที่ได้ โดยร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 125 ตามรายการดังนี้
1. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ชื่อบัญชีเด็กหญิง อ. (สงวนชื่อ นามสกุล) โดยนางสาวสุทธิมา จันดาคูณ รวมเป็นเงิน 2,000,000 บาท
2. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร A ชื่อบัญชี นางสาวสุทธิมา จันดาคูณ จำนวน 4,800,000 บาท
3. ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น โครงการ ซิตี้เซนส์ ประชาชื่น ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ราคา 3,140,000 บาท กับค่าบำรุงบริการสาธารณะ จำนวน 22,176 บาท รวมเป็นเงิน 3,162,176 บาท
4. ห้องชุด (ห้องที่ 1) อาคารบ้านเอื้ออาทรประชานิเวศน์ ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ราคา 280,500 บาท
5. ห้องชุด (ห้องที่ 2) อาคารบ้านเอื้ออาทรประชานิเวศน์ ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ราคา 225,000 บาท
6. รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น VELLFIRE ทะเบียน ธพ 28 กรุงเทพมหานคร ราคา 1,980,000 บาท
7. รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น แอคคอร์ด ทะเบียน ฆญ 2931 กรุงเทพมหานคร ราคา 1,697,000 บาท
8. รถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น 523 i ทะเบียน 4 กศ – 1173 กรุงเทพมหานคร ราคา 3,709,000 บาท
9. รายการทรัพย์สินของนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา ที่ใช้ชื่อนางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ และนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ซื้อทองคำแท่งจากบริษัท ออสสิริส จำกัด รวมเป็นเงิน 8,076,750 บาท
10. รายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ที่อยู่ในชื่อของนางสาวธัญธร ด่านวิบูลย์ เงินฝากในบัญชีธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาสรงประภา ชื่อบัญชี นางสาวธัญธร ด่านวิบูลย์ รวมเป็นเงิน 11,500,000 บาท
11. รายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ที่อยู่ในชื่อของพันตำรวจโท อิทธิพล บุญพินิจ รวมเป็นเงิน 7,200,000 บาท (อาคารชุด เดอะซีเครซ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวม 2 ห้อง ราคา 6,200,000 บาท และที่ดินโฉนดเลขที่ 45915 ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ราคา 1,000,000 บาท)
นับรวมทรัพย์สิน นายธาริต ในคดีร่ำรวยผิดปกติ ทั้ง 2 สองส่วน จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 386,428,237.58 บาท (ส่วนแรก 341,797,811.58 + ส่วนสอง 44,630,426)
ทั้งนี้ ข้อมูลทรัพย์สินส่วนที่ 2 จำนวน 53,512,096 บาท ก่อนหน้าที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 11 รายการ รวมมูลค่า 44,630,426 บาท ตามข้อมูลด้านบนนั้น
สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว สรุปข้อมูลตามตารางและข่าวที่เกี่ยวข้องดังนี้
- ข้อมูล 'ลับ' คดีร่ำรวยผิดปกติ ‘ธาริต' ป.ป.ช.ฟ้องยึดทรัพย์ก้อนใหม่ปี 64 อีก 53 ล้าน
- ทรัพย์สินคดีร่ำรวยผิดปกติก้อนใหม่ 'ธาริต' อยู่ในชื่อ นายตร. พนง.สอบสวน DSI 7.2 ล้าน
- ส่อง 'คอนโด-ที่ดิน' 7.2 ล. ทรัพย์สินคดีร่ำรวยผิดปกติ 'ธาริต' ในชื่อ นายตร.พนง.สอบสวน DSI
- เปิดครบ! ทรัพย์สินคดีร่ำรวยผิดปกติก้อนใหม่ 'ธาริต' 53 ล. รวมค่าวางแผนมีบุตรด้วย 3.3 แสน
ในจำนวนทรัพย์สินเหล่านี้ มี 4 รายการที่ สำนักข่าวอิศรา ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง คือ
1. เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร A ชื่อบัญชี นางสาวสุทธิมา จันดาคูณ จำนวน 4,800,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หลังนี้ เป็นบ้านเลขที่ 35/22 อยู่ในโครงการปริญญาดา สามัคคี ซอยสามัคคี 58/10 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พร้อมที่ดิน โฉนดเลขที่ 231152 เนื้อที่ 55.5 ตารางวา ขายได้เงินจำนวน 4,900,000 บาท ภายหลังหักค่าฤชาธรรมเนียมและค่าโอน จำนวน 100,000 บาท แล้ว เหลือเงินจำนวน 4,800,000 บาท ก่อนจะมีการนำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชา) สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร A ชื่อบัญชีนางสาวสุทธิมา (ดูรูปหมู่บ้านประกอบ)
2. ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ในตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี กับค่าบำรุงบริการสาธารณะ รวมเป็นเงิน 3,162,176 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นหลังนี้ เป็นบ้านเลขที่ 34/50 ในโครงการ ซิตี้เซนส์ ประชาชื่น ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พร้อมที่ดิน โฉนดเลขที่ 236814 เนื้อที่ 23.1 ตารางวา ราคา 3,140,000 บาท กับค่าบำรุงบริการสาธารณะจำนวน 22,176 บาท รวมเป็นเงิน 3,162,176 บาท (ดูรูปบ้านประกอบ)
ทั้งนี้ หมู่บ้านปริญญาดา และ หมู่บ้าน ซิตี้เซนส์ ประชาชื่น อยู่ติดกัน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีกิจธุระ เข้าไปในหมู่บ้านได้
ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับนางสาวสุทธิมา จันดาคูณ นั้น ในช่วงปี 2558 เคยปรากฏข่าวว่านายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินของ นายธาริต เป็นทางการ
นายวัชระ กล่าวอ้างว่า นายธาริต มีการซุกซ่อน และถ่ายโอนทรัพย์สิน ด้วยการซื้อบ้าน 1 หลังในหมู่บ้านปริญญดา ซอยสามัคคี อำเภอเมืองนนทบุรี ให้กับ นางสาวสุทธิมา และในช่วงที่ ป.ป.ช.อายัดทรัพย์สิน ได้มีการขายบ้านดังกล่าวในราคาเพียง 5 ล้านบาท จากมูลค่าจริงอยู่ 6 - 7 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ราคามากกว่า 3 ล้านบาท และรถจักรยานยนต์ ทะเบียน สวย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นางสาวสุทธิมา ซึ่งเป็นอดีตพนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จะสามารถซื้อบ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งรถยนต์ได้อย่างไร จึงอยากให้ ป.ป.ช.เรียกนายธาริต มาสอบถามถึงความสัมพันธ์กับ นางสาวสุทธิมา ว่า มีความเกี่ยวพันธ์กันหรือไม่ โดยขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของ นางสาวสุทธิมา ด้วย เพราะตนเชื่อว่า เป็นทรัพย์สินที่น่าจะได้จากการร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต จึงขอให้ ป.ป.ช.ติดตามอาญัติทรัพย์สิน นายธาริต ที่ได้มีการซุกซ่อนถ่ายโอนไว้กับบุคคลอื่นต่อไป และเชื่อว่าอาจมีการซุกซ่อนถ่ายโอนทรัพย์สินในรายการอื่น ๆ อีกด้วย (อ้างอิงข่าวส่วนนี้จากแนวหน้า (https://www.naewna.com)
3. ห้องชุด บ้านเอื้ออาทรประชานิเวศน์ แยกเป็น ห้องชุด เลขที่ 113/48 เนื้อที่ 23.60 ตารางเมตร ชั้น 4 อาคารบ้านเอื้ออาทร ประชานิเวศน์ ตําบลท่าทราย อําเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ราคา 280,500 บาท , ห้องชุด เลขที่ 113/50 เนื้อที่ 23.60 ตารางเมตร ชั้น 4 อาคารบ้านเอื้ออาทร ประชานิเวศน์ ตําบลท่าทราย อําเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ราคา 225,500 บาท
ในช่วงที่สำนักข่าวอิศรา ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อเดือน 22 มกราคม 2565 พบว่า ห้องหมายเลขที่ 113/50 นั้น มีการลงกลอนประตูจากภายนอก ไม่มีผู้อยู่อาศัยแต่อย่างใด
ในขณะที่ห้องหมายเลข 113/48 นั้นมีผู้อยู่อาศัย และมีการระบุเลขที่อีกแห่งทับซ้อนกัน คือเลขที่ 410/48 (ดูภาพประกอบ)
จากการสอบถามข้อมูลผู้ที่อาศัยในห้องเลขที่ 113/48 ทราบว่า ผู้อยู่อาศัยเพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ได้ประมาณเกือบ 2 ปี ในช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซื้อต่อมาจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นทนายความ อายุประมาณ 30 ปี แต่ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อกับทนายความคนดังกล่าวอีก จึงไม่ทราบว่าห้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับนายธาริตอย่างไร
ผู้อยู่อาศัยรายนี้ ยังได้ให้ผู้สื่อข่าวดูเอกสารใบเสร็จค่าไฟเพิ่มเติม พบว่าชื่อของผู้ที่อยู่ในใบเสร็จนั้นระบุว่าเป็น น.ส.เกตุ (ขอสงวนชื่อและนามสกุลเต็ม) ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า น.ส.เกตุเป็นผู้ดำเนินการขายห้องนี้ให้กับทนายความสามีภรรยาคนดังกล่าว แต่ว่ายังไม่ได้ไปเอาชื่อ น.ส.เกตุ ออกไปจากที่อยู่นี้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงข้อมูลราคาห้องว่า อยู่ที่ประมาณ 280,500 บาท ใช่หรือไม่
ผู้อยู่อาศัย ชี้แจงว่า "ไม่น่าจะถึงราคานี้ เพราะเท่าที่จำได้รวมเงินค่าโอนกรรมสิทธิ์ด้วยแล้ว ก็ซื้อห้องนี้มาในราคาประมาณ 2.7 แสนบาทเท่านั้นเอง"
จากนั้น เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่ง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ผลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 11 รายการ รวมมูลค่า 44,630,426 บาท ในคดีกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ต่อจากคดีแรกที่ขอให้ทรัพย์สิน รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน เป็นทางการดังกล่าว
@ ธาริต เพ็งดิษฐ์
กล่าวสำหรับข้อมูลคดีความของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ หลังพ้นตำแหน่ง ถูกสอบสวนความผิดจากการทำหน้าที่หลายคดี รวมถึงคดีร่ำรวยผิดปกติ โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2566 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเวลา 2 ปีไม่รอลงอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเจตนากลั่นแกล้ง ให้ถูกดำเนินคดี กรณีแจ้งข้อหา อภิสิทธิ์ - สุเทพ สั่งสลายการชุมนุม ปี 2553 ให้คุมตัวเข้าเรือนจำทันที
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2567 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิด นายธาริต ออกคำสั่งให้ข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานอัยการพิเศษที่มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วยโดยมิขอบด้วยระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยค่าใช้จ่ายสำหรับการสืบสวนและสอบสวนดีพิเศษและวิธีการเบิกจ่ายทดรองจ่าย ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ 2547 พ.ศ. 2548 รวมความเสียหาย 1,092,000 บาท (313 ครั้ง ) โดยความผิดของ นายธาริต ที่ถูกชี้มูลความผิดครั้งนี้ เป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2542 มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพิ่มอีกหนึ่งคดี
เหล่านี้ คือ วิบากกรรมคดีความ ของ นายธาริต ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน
ช่างหนักหน่วง และรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
- ธาริต เพ็งดิษฐ์ โดนอีกแล้ว! ป.ป.ช.ชี้มูลคดีออกคำสั่งเบิกจ่ายเงินให้อัยการพิเศษมิชอบ
- ล้วงผลสอบ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีใหม่ 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' สั่งเบิกจ่ายเงินให้อัยการพิเศษมิชอบ
อ่านประกอบ :
- เข้าเรือนจำทันที! คุก 2 ปี ธาริต คดีกล่าวหา ‘อภิสิทธิ์-สุเทพ’ สลายชุมนุม นปช.ปี 53 มิชอบ
- ข้อมูล 'ลับ' คดีร่ำรวยผิดปกติ ‘ธาริต' ป.ป.ช.ฟ้องยึดทรัพย์ก้อนใหม่ปี 64 อีก 53 ล้าน
- ฉบับเต็มคดี‘ธาริต’ซุกทรัพย์สิน! รับโอนหุ้น บ.ในฮ่องกง-เงินฝากโผล่ บช.หลานเมีย