"...ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้านในโครงการพิพาทซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคให้แก่ผู้จัดสรรที่ดิน ทั้งที่ผู้จัดสรรที่ดินยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่แล้วเสร็จและการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายดังกล่าว.."
คำพิพากษาน่าสนใจ ประจำสัปดาห์นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับคดีความประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ประสบปัญหาการก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตจัดสรรไว้ ทำให้ได้รับผลกระทบเวลาที่ฝนตกจนน้ำท่วมขัง เมื่อไปตรวจสอบข้อมูลพบว่าโครงการได้มีการขอลดวงเงินและถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค โดยที่โครงการยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นผลจากคำสั่งคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีและผู้เกี่ยวข้องอีก 6 ราย จึงไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นมีคําสั่งไม่รับคําฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการกระทำของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค จังหวัดนนทบุรี
ต่อมาประชาชนกลุ่มนี้ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งกลับคําสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคําฟ้องข้อหาที่หนึ่งและข้อหาที่สองของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ในส่วนที่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
สำนักข่าวอิศรา สรุปและเรียบเรียงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้มานำเสนอ ณ ที่นี้
ศาลปกครองสูงสุด
วันที่ 27 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2527
ระหว่าง
นางสาวจิรนันท์ ชัยดา ที่ 1
นางสาวจีราพร เชาว์ฉลาด ที่ 2
นายมนัส ทรงเล็กสิงห์ ที่ 3
นายธนารักษ์ ธารารักษ์ ที่ 4 ผู้ฟ้องคดี
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี ที่ 1
นายชาญวิชญ์ สิริสุนทรานนท์ ที่ 2
นายพินิจ เธียรธวัช ที่ 3
นายอนวัช สุวรรณเดช ที่ 4
นางสาวพาลินี เอี่ยมสุภา ที่ 5
นางสาวนิตยา ภัคธรสกุล ที่ 6
นายรุ่งโรจน์ แสนทอน ที่ 7 ผู้ถูกฟ้องคดี
เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติ (คําร้องอุทธรณ์คําสั่งไม่รับคําฟ้องไว้พิจารณา)
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยื่นคําร้องอุทธรณ์คําสั่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 167/2566 หมายเลขแดง ที่ 500/2566 ของศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง)
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการ โมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ของบริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ซึ่งเป็นโครงการ ที่มีการขออนุญาตจัดสรรโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 - 2558 เป็นระยะเวลา 3 ปี แต่โครงการ ไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กําหนด โดยก่อสร้างแล้วเสร็จและขายบ้านได้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2562 จึงทำให้ยังไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี และคณะกรรมการชั่วคราว (สมาชิกในหมู่บ้าน) ได้ทำการตรวจสอบสาธารณูปโภคร่วมกัน จึงทำให้ทราบว่าการก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตจัดสรรไว้กับสาขาบางใหญ่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงได้ไปขอเอกสารเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจากสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ทำให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 โครงการได้มีการขอลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ได้มีการถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดท่าสาธารณูปโภคไปแล้ว โดยที่โครงการยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง คือ
1. ฝาท่อระบายน้ำสร้างไม่ถูกต้องตามแบบ โดยฝาท่อระบายน้ำไม่สามารถเปิดได้ ทำให้ไม่สามารถ ลอกท่อได้ เวลาฝนตกน้ำระบายไม่ทัน ส่งผลให้น้ำท่วมถนนและน้ำเข้าบ้านสมาชิกในหมู่บ้าน
2. ช่องตะแกรงระบายน้ำและกันขยะไหลลงท่อน้ำไม่มีตามแบบ ทำให้ขยะลงไปสะสมจํานวนมาก ส่งผลให้น้ำท่วมเวลาฝนตก ทำให้สมาชิกในหมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน
ขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ดังนี้
1. เพิกถอนคำสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค
2. เพิกถอนคําสั่งคืนเงินค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคจัดสรรที่ดิน
3. ขอให้โครงการหมู่บ้านจัดสรรจัดทำสาธารณูปโภคให้ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตไว้กับสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ชี้แจงตามคําสั่งศาลว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ไม่ได้จัดทำหนังสือถึง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องก่อนนําคดีมาฟ้องต่อศาล เนื่องจากผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ลดและถอนวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้ยื่นคําขอตรวจเอกสารเพิ่มเติมต่อสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ เมื่อวันที 2 ธันวาคม 2565
@ ศาลชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ เป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน โดยบริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ได้รับอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดินจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แล้ว ซึ่งบริษัทผู้ทำการ จัดสรรที่ดินจะต้องก่อสร้างโครงการนี้ให้เป็นไปตามแผนผังและตามวิธีที่ได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน
ต่อมา คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีได้มีบันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภคที่ดินจัดสรร เพื่อประกอบการพิจารณาขอลดและยกเลิกสัญญาค้ำประกัน การจัดทำสาธารณูปโภค ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ว่า การจัดทำสาธารณูปโภคในที่ดินจัดสรรเรียบร้อยแล้วทั้งโครงการ และถูกต้องตรงตามแผนผังโครงการที่ได้รับอนุญาต .
แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2525 ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ซึ่งเป็นผู้จัดสรรได้ก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคในโครงการหมู่บ้านดังกล่าวไม่ถูกต้องตรงตามแผนผังที่ได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดินจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยฝาท่อระบายน้ำสร้างไม่ถูกต้องตามแบบ ไม่สามารถเปิดได้ ทำให้ไม่สามารถลอกท่อได้ และไม่มีช่องตะแกรงระบายน้ำและกันขยะ ทำให้น้ำท่วมถนนและเข้าบ้านของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่และสมาชิกในหมู่บ้าน จึงนําคดีมาฟ้องต่อศาลขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้เพิกถอนบันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภคบริเวณที่ดินจัดสรรโครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ประกอบ การพิจารณาคําขอลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 และบันทึกผลการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ประกอบการพิจารณาคําขอถอนเงินค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี
และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินการตามกฎหมาย โดยให้บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ผู้จัดสรรที่ดิน จัดทำสาธารณูปโภคให้ถูกต้องตาม แบบที่ได้รับอนุญาตไว้เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร อันอยู่ใน อํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม การที่ศาลงจะรับคําฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปได้นั้น การฟ้องคดีจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนดด้วย
สําหรับข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีได้มีความเห็นตามบันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภค เพื่อประกอบการพิจารณาขอยกเลิกสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค (โครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน) ว่าการจัดทำสาธารณูปโภคในที่ดินจัดสรร ได้ทำการจัดสรรเรียบร้อยแล้วทั้งโครงการ และถูกต้องตรงตามแผนผังโครงการที่ได้รับอนุญาต แต่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เห็นว่าผลการตรวจสอบดังกล่าวไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงเนื่องจาก บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด มิได้ทำการก่อสร้างที่ดินที่จัดสรรให้เป็นไปตามคําขอและตามใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน ทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงขอให้เพิกถอน บันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภคบริเวณที่ดินจัดสรรโครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ประกอบการพิจารณาขอลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 และบันทึกผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค จังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นั้น
เห็นว่า บันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภค บริเวณที่ดินจัดสรรโครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ประกอบการพิจารณาขอลด วงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 และบันทึกผลการ ตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ดังกล่าว เป็นเพียงการดำเนินการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค อันเป็นการเตรียมการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคําสั่งทางปกครอง บันทึกทั้งสองฉบับดังกล่าวของ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดท่าสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี จึงเป็นขั้นตอนการพิจารณาทางปกครองที่ยังไม่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการกระทำของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค จังหวัดนนทบุรี ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีในข้อหานี้ได้ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
สําหรับข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลจัดให้บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ผู้จัดสรรที่ดิน จัดทำสาธารณูปโภคให้ถูกต้องตามแบบ ที่ได้รับอนุญาตไว้ นั้น เห็นว่า แม้มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีอํานาจหน้าที่กํากับดูแลการจัดสรรที่ดินภายในจังหวัดให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งให้มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้... (3) ตรวจสอบการจัดสรรที่ดินเพื่อให้ เป็นไปตามแผนผัง โครงการหรือวิธีการที่ได้รับอนุญาต แต่การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เพียงแต่อ้างว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ตามคําฟ้อง โดยผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยังมิได้มีหนังสือร้องขอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินการแก้ไขเยียวยาความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ดังนั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้เสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดี ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ด้วยเช่นกัน
ศาลปกครองชั้นต้นมีคําสั่งไม่รับคําฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบความ
@ ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ต่อขอให้ศาลรับคำฟ้อง
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยื่นคําร้องอุทธรณ์คําสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคําฟ้องไว้พิจารณา ความว่า ก่อนฟ้องคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยังไม่มีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อให้มีคําชี้แจงเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลังจากฟ้องคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงได้ทำหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 และเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ได้มีหนังสือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งมาถึงผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เห็นว่า การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นการกระทำที่สําเร็จแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงการเตรียมการของหน่วยงานเท่านั้น ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ จึงถือเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง และทางบริษัทผู้จัดสรรที่ดินได้มีการเข้ามาซ่อมแซมฝาท่อระบายน้ำแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบที่ขออนุญาตจัดสรรไว้
ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งกลับคําสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคําฟ้อง
@ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีชี้แจง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชี้แจงตามคําสั่งศาลว่า บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ผู้จัดสรรที่ดิน ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 แจ้งว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จ บางส่วน จึงมีความประสงค์ขอลดวงเงินค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค คณะอนุกรรมการ ตรวจสอบการจัดท่าสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีได้ทำการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555 ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกัน การจัดทำสาธารณูปโภค (ครั้งที่ 1) ตามหนังสือที่ นบ 0019(4)/13534 ลงวันที่ 10 กันยายน 2555 โดยให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันเฉพาะส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จและให้ทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคเฉพาะส่วนที่จัดทำแล้วเสร็จ หลังจากนั้น บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 สิงหาคม 2556 แจ้งว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จบางส่วน จึงมีความประสงค์ขอลดวงเงินค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค คณะอนุกรรมการ ตรวจสอบฯ ได้ทำการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556
ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค (ครั้งที่ 2) ตามหนังสือที่ นบ 0020(4)/18375 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 โดยให้ผู้จัดสรรที่ดิน ทำสัญญาค้ำประกันเฉพาะส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จและให้ทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษา สาธารณูปโภคเฉพาะส่วนที่จัดทำแล้วเสร็จ ต่อมา บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2560 แจ้งว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จบางส่วน จึงมีความประสงค์ขอลดวงเงินค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค คณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ได้ทำการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค (ครั้งที่ 3) ตามหนังสือที่ นบ 0020.4/- ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 โดยให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันเฉพาะส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จและให้ทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคเฉพาะส่วนที่จัดทำแล้วเสร็จ
หลังจากนั้น บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ได้มีหนังสือลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 แจ้งว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภค แล้วเสร็จ จึงมีความประสงค์ขอยกเลิกวงเงินค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งโครงการ คณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ได้ทำการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ปรากฏว่าผู้จัดสรรที่ดินได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จทั้งโครงการ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงอนุญาตให้ผู้จัดสรรที่ดินยกเลิกวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งหมดและให้ ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคที่จัดทำแล้วเสร็จทั้งโครงการ
ต่อมา บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 กันยายน 2565 แจ้งว่า ได้ดำเนินการดูแลและบํารุงรักษาสาธารณูปโภคครบระยะเวลาที่กําหนด (ไม่น้อยกว่า 1 ปี) แล้ว จึงมีความประสงค์ให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ตรวจสอบสอบงานของหมู่บ้านจัดสรร โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ได้ไปตรวจสอบสาธารณูปโภคพร้อมผู้ซื้อที่ดินจัดสรร จํานวน 3 คน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ผลปรากฏว่าสาธารณูปโภคในโครงการ ยังมีความชํารุดบกพร่อง คณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ จึงสั่งให้ผู้จัดสรรที่ดินดำเนินการแก้ไข ภายใน 30 วัน ปัจจุบันผู้จัดสรรที่ดินยังมิได้แจ้งให้ทราบว่าได้ดำเนินการแก้ไขความชํารุดบกพร่องแล้วเสร็จแต่อย่างใด
@ ศาลแยกพิจารณาเป็น 2 ข้อหา
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยื่นฟ้องต่อศาลแยกพิจารณาเป็น 2 ข้อหา
@ 1.ผู้จัดสรรที่ดินถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งที่ยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง เป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อหาที่หนึ่ง ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้านจัดสรรในโครงการโมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ของบริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ซึ่งเป็นโครงการที่มีการขอ อนุญาตจัดสรรโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 - 2558 เป็นระยะเวลา 3 ปี แต่โครงการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กําหนด โดยก่อสร้างแล้วเสร็จและขายบ้านได้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2562 จึงทำให้ยังไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ต่อมา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2525 คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี และคณะกรรมการชั่วคราว (สมาชิกในหมู่บ้าน) ได้ทำการตรวจสอบสาธารณูปโภคร่วมกันก่อนโอนให้นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร จึงทำให้ทราบว่า การก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามก็ได้ไปขอไว้กับสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงได้ไปขอเอกสารเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจากสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ทำให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ผู้จัดสรรที่ดินได้มีการขอลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ผู้จัดสรรที่ดินได้ขอถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค โดยที่ผู้จัดสรรที่ดินยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเจ็ดมีคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและมีคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคให้แก่บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ผู้จัดสรรที่ดิน ทั้งที่ยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่แล้วเสร็จ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
1. เพิกถอนคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค
2. เพิกถอนคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค
เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่บรรยายฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเจ็ด มีคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและมีคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีคําขอข้อ 2 ขอให้ศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค จึงแปลความเจตนาของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้ว่า ตามคําขอข้อ 2 ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ประสงค์จะขอให้ศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด ผู้จัดสรรที่ดิน ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จบางส่วน จึงมีความประสงค์ขอลดวงเงิน สัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีได้ทำการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 แล้วเห็นว่า ผู้จัดสรรที่ดินได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จบางส่วน จึงเสนอความเห็นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคให้แก่ผู้จัดสรรที่ดิน
ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค โดยให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันเฉพาะส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จและให้ทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค เฉพาะส่วนที่จัดทำแล้วเสร็จ ตามหนังสือที่ นบ 0020(4)/18375 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 หลังจากนั้น ผู้จัดสรรที่ดินได้มีหนังสือลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ว่า ได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จ จึงมีความประสงค์ขอถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งโครงการ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีได้ตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 แล้วเห็นว่า ผู้จัดสรรที่ดินได้จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จทั้งโครงการ จึงเสนอความเห็นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ให้ยกเลิกสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงอนุญาตให้ผู้จัดสรรที่ดินยกเลิกสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งหมดและให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคที่จัดทำแล้วเสร็จทั้งโครงการ ตามหนังสือที่ นบ 0020.4/5315 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค โดยให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันเฉพาะส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ และให้ทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคเฉพาะส่วนที่จัดทำแล้วเสร็จ ตามหนังสือที่ นบ 0020(4)/18375 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 และการอนุญาตให้ผู้จัดสรรที่ดินยกเลิกสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งหมดและให้ผู้จัดสรรที่ดินทำสัญญาค้ำประกันการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค ที่จัดทำแล้วเสร็จทั้งโครงการ ตามหนังสือที่ นบ 0020.4/5315 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563 เป็นการใช้อํานาจตามกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ทำให้ผู้จัดสรรที่ดินพ้นจากหน้าที่ในการจัดทำสาธารณูปโภคที่ต้องจัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาต ตามนัยมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 จึงเป็นคําสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
เมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ อ้างว่า คําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคําสั่งดังกล่าว คําฟ้องข้อหานี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้านในโครงการพิพาทซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคให้แก่ผู้จัดสรรที่ดินทั้งที่ผู้จัดสรรที่ดินยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่แล้วเสร็จและการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายดังกล่าว ศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้เพิกถอนคําสั่งพิพาท
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดังกล่าวตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อีกทั้ง ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ไม่ใช่ผู้อยู่ในบังคับของคําสั่งทางปกครองดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่จําต้องดำเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยการยื่นอุทธรณ์คําสั่งดังกล่าว ก่อนนําคดีมาฟ้องต่อศาลตามมาตรา 42 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
สําหรับระยะเวลาการฟ้องคดีนั้น ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ต้องนําคดีข้อหานี้มาฟ้องต่อศาล ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เมื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสี่อ้างว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้ยื่นคําขอตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมต่อสํานักงานที่ดิน จังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ทำให้ทราบว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคําสั่งลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและมีคําสั่งคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งหมด จึงถือว่า วันที่ 2 ธันวาคม 2555 เป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่รู้เหตุแห่งการฟ้องคดี การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่นําคดี มาฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 จึงเป็นการฟ้องคดีต่อศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่ วันที่รู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลปกครองจึงมีอํานาจรับคําฟ้องข้อหานี้ไว้พิจารณาพิพากษาได้
@ 2.ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 อนุญาตให้ลดวงเงินและคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค โดยที่ผู้จัดสรรที่ดินยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง ทำผู้ฟ้องคดีให้ได้รับความเดือดร้อน
ข้อหาที่สอง ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้านจัดสรรในโครงการ โมดิ วิลล่า ปิ่นเกล้า - วงแหวน ของบริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี และคณะกรรมการชั่วคราว (สมาชิกในหมู่บ้าน) ได้ทำการตรวจสอบสาธารณูปโภคร่วมกันก่อนโอนให้นิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร จึงทำให้ทราบว่าการก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตจัดสรรไว้กับสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงได้ไปขอตรวจสอบเอกสาร เพิ่มเติมจากสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ทำให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ผู้จัดสรรที่ดินได้ขอลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ผู้จัดสรรที่ดินได้ขอถอนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภค ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุญาตให้ลดวงเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคและอนุญาตให้คืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคทั้งหมด โดยที่ผู้จัดสรรที่ดินยังจัดทำสาธารณูปโภคไม่ถูกต้อง ตามแบบที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดิน
ขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้โครงการจัดสรรที่ดินจัดทำสาธารณูปโภคให้ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตไว้กับสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ซึ่งหน้าที่ในการตรวจสอบการจัดสรรที่ดินเพื่อให้เป็นไปตามแผนผัง โครงการ หรือวิธีการที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 เป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ประสงค์จะขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กํากับตรวจสอบให้บริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จํากัด จัดทำสาธารณูปโภค ให้ถูกต้องตามแบบที่ได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่เป็นผู้ซื้อบ้าน ในโครงการพิพาทซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 งดเว้นการกระทำในการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคให้ถูกต้องตามแบบที่ได้รับอนุญาต และการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายดังกล่าว ศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และการฟ้องคดีตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายไว้โดยเฉพาะ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่จําต้องดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายก่อนการฟ้องคดี ตามมาตรา 42 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
สําหรับระยะเวลาการฟ้องคดีนั้น ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จะต้องนําคดีข้อหานี้มาฟ้องต่อศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติปกครอง พ.ศ. 2542 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 คณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค จังหวัดนนทบุรี และคณะกรรมการชั่วคราว (สมาชิกในหมู่บ้าน) ได้ทำการตรวจสอบสาธารณูปโภคร่วมกันก่อนโอนให้นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร จึงทำให้ทราบว่าการก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดิน จึงถือว่าวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่รู้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ในการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคของโครงการพิพาท ให้ถูกต้องตามแบบที่ได้รับอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่นําคดีมาฟ้องต่อศาล เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 จึงเป็นการฟ้องคดีต่อศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้ถึงเหตุ แห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลปกครองจึงมีอํานาจรับคําฟ้องข้อหานี้ไว้พิจารณาพิพากษาได้
@ ศาลไม่รับคำฟ้องในส่วนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2-7
ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 นั้น ปรากฏข้อเท็จจริงตามเอกสารท้ายคําฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้จัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายในการบํารุงรักษาสาธารณูปโภคที่ได้จัดทำแล้วเสร็จของ โครงการพิพาทตามหนังสือสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนนบุรี ที่ นบ 0022.4/163 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคําขอของสํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ที่ขอให้ตรวจสอบและประมาณการค่าใช้จ่ายในการบํารุงรักษาสาธารณูปโภค โครงการพิพาทตามบันทึกผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภค จังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ประสงค์จะฟ้อง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนนทบุรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดี ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 เป็นคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการพิพาทตามบันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภคบริเวณที่ดินจัดสรร ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 จึงถือได้ว่าการที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ประสงค์จะฟ้องคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำ สาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดี
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนนทบุรีได้จัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายใน รักษาสาธารณูปโภคที่ได้จัดทำแล้วเสร็จของโครงการพิพาท และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที 5 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ในฐานะคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดทำสาธารณูปโภคจังหวัดนนทบุรี ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการพิพาทดังกล่าว เป็นเพียงการเตรียมการของเจ้าหน้าที่เพื่อประกอบการพิจารณากันการจัดทำสาธารณูปโภคและการคืนเงินสัญญาค้ำประกันการจัดทำสาธารณูปโภคของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 จึงเป็นเพียงการพิจารณาทางปกครองที่ยังไม่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่จึงไม่มี สิทธิฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ต่อศาลตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจาณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 เป็นตัวแทนผู้จัดสรรที่ดินและเป็นผู้นําตรวจการจัดทำสาธารณูปโภคในโครงการพิพาทตามบันทึกผลการตรวจสอบสาธารณูปโภคบริเวณที่ดินจัดสรร ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2556 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 จึงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะถูกฟ้องคดีต่อศาลได้ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ดังนั้น ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคําฟ้องในส่วนที่ฟ้อง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ไว้พิจารณาได้
@ ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้รับคําฟ้องข้อหาที่หนึ่งและข้อหาที่สองในส่วนที่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคําสั่งไม่รับคําฟ้องไว้พิจารณาและให้จําหน่ายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคําสั่งกลับคําสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคําฟ้องข้อหาที่หนึ่งและข้อหาที่สองของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ในส่วนที่ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญ เกี่ยวกับคดีการซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรของประชาชนที่ ประสบปัญหาการก่อสร้างสาธารณูปโภคไม่ถูกต้องตามแบบที่ได้ขออนุญาตจัดสรรไว้ ที่ควรบันทึกไว้
ทั้งนี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดคำร้องได้ที่ www.admincourt.go.th/admincourt/Casefile/admcase/document/signed/2024/