พลิกปูมประวัติ-พฤติการณ์‘ยศวริศ ชูกล่อม’1 ใน 3 ตัวละครคดีเรียก 3 ล. อธิบดีกรมข้าว เคยถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินป.ป.ช. จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี ยุคเป็นที่ปรึกษารมช.กระทรวงเกษตรฯ อดีตตัวตึงกลุ่ม นปช. ก่อนย้ายขั้วพรรครวมไทยสร้างชาติปี 2566
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ข้าราชการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท. ) บุกจับกุมกรณีร่วมกันร้องเรียนและเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธอ้างว่าชี้แจงได้
- 'หยุดเถอะครับ' มีหลักฐานชัด! แถลงจับ ‘ศรีสุวรรณ’ - เจ้าตัวยันโดนยัดเงิน ไม่ได้เรียก 1.5 ล.
- 'เจ๋ง ดอกจิก' ปัดเอี่ยวแค่ผู้ประสาน! 3 ป.ซ้อนแผนจับ 'ศรีสุวรรณ' คดีรีดเงินอธิบดีกรมฯข้าว1.5 ล.
- ผ่าปฎิบัติการซ้อนแผนจับ 'ศรีสุวรรณ-พวก' คดีรีดเงิน 1.5 ล. เจ้าตัวยันถูกกลั่นแกล้ง
- วางเงิน 4 ส. ได้ประกันตัว! ศรีสุวรรณ พร้อมสู้คดีรีด1.5 ล.ไม่เสียขวัญเหยียบตาปลาผู้มีอำนาจ
@ ยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก
มาย้อนปูมประวัติทางการเมืองและคดีความของนายยศวริศกัน
นายยศวริศเป็นคนสุราษฎร์ธานี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
เส้นทางการเมือง เคยเป็นผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.สุราษฎร์ธานี พรรคชาติไทย และ ผู้สมัคร สส. จ.นนทบุรี พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ในปี 2548 และปี 2550 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เป็นหนึ่งในแกนนำของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร) ช่วงปี 2555-2556 และในการเลือกตั้งปี 2566 ย้ายขั้วมาอยู่พรรครวมไทยไทยสร้างชาติ กระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ในรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน
ประวัติการถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีบัญชีทรัพย์สิน
นายยศวริศเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร) วันที่ 2 พ.ย.2555 พ้นตำแหน่งวันที่ 30 มิ.ย.2556 นายยศวริศยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นตำแหน่ง แต่ไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี แต่เพิ่งมายื่นเมื่อ 21 ก.ย.2558 ซึ่งเป็นเวลาที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด และ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือทวงถามถึง 3 ครั้ง กระทั่งชี้มูลว่านายยศวริศจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
วันที่ 16 ธ.ค.2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีนายยศวริศ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่ ศาลฎีกาฯได้นัดไต่สวนและนัดฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2559
ศาลฎีกาฯพิพากษาว่านายยศวริศจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 30 มิ.ย.2556 ซึ่งเป็นวันพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม 198 /2559- 6 ธ.ค.2559)
สำหรับพฤติการณ์ของนายยศวริศ กับพวก ในคดีล่าสุดนี้ ตามเอกสารข่าวของสำนักงาน ป.ป.ช.ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช.วันที่ 26 ม.ค.2567 ระบุว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 อธิบดีกรมการข้าว เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงาน เขตตรวจสอบราชการที่ 11 ตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2566 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โดยมีหน้าที่และอำนาจ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ โดยมีพฤติกรรมร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก รวม 3 คน ร่วมกันกลั่นแกล้งร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ว่าทุจริตงบประมาณของกรมการข้าว ทุจริตจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ของสมาชิกข้าวชุมชนจังหวัดนครราชสีมา โดยให้ภรรยาเปิดบริษัทเพื่อรองรับการทุจริต จัดซื้อ จัดจ้าง โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา ทำหน้าที่ยื่นเรื่องร้องเรียน และนายยศวริศ ชูกล่อม พร้อมกับพวก ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าวและภรรยา เพื่อแลกกับการยุติการตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณภาครัฐ ผู้เสียหายเห็นว่าการกระทำของนายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร แต่กลับเรียกรับทรัพย์สินจากตนเองและภรรยา โดยอ้างว่าจะนำจ่ายให้กับคณะกรรมาธิการฯ เพื่อไม่ต้องตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกรมการข้าว
พฤติการณ์ทางการสืบสวนพบว่า นายศรีสุวรรณ ส่งหนังสือร้องเรียนกรมการข้าว ว่ามีการทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และได้ติดต่อให้อธิบดีกรมการข้าว และภรรยา ไปเจรจาเรื่องร้องเรียนกับนายศรีสุวรรณ ที่บ้านของนายศรีสุวรรณ โดยได้เรียกรับเงิน จำนวน 3,000,000 บาท เพื่อยุติเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายยศวริศ คณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 กับ นายศรีสุวรรณ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่สภาผู้แทนราษฎร ให้บุคคลทั่วไปได้รู้และรับทราบร่วมกับคณะกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าวมีการทุจริต อย่างมโหฬารหลักหมื่นล้าน ให้สื่อมวลชนติดตามเรื่อง จะนำข้อมูลมาเสนอต่อสื่อมวลชนและกรรมาธิการต่อไป และต่อมา นายยศวริศ ได้ติดต่ออธิบดีกรมการข้าว แจ้งว่าจะมาขอพูดคุยด้วยในเรื่องที่ได้แถลงข่าวร่วมกับนายศรีสุวรรณ จากนั้นนายยศวริศ ได้บอกให้อธิบดีกรมการข้าว ดูแลนายศรีสุวรรณ ไม่เช่นนั้นจะทำให้อธิบดีกรมการข้าวได้รับความเสียหาย กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดหรือไม่ผิด ก็ได้รับความเสียหายแล้ว จากนั้น จึงมีการต่อรองกันเหลือ 1,500,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ให้มีการร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว โดยให้จ่ายก่อนปีใหม่ จำนวน 100,000 บาท ภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เกิดความกลัวว่าจะเกิดความเสียหาย และถูกร้องเรียนกลั่นแกล้งเพื่อให้รับโทษทางอาญา จึงได้ให้เงินไป 2 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 60,000 บาท และต่อมา น.ส.พิมณัฏฐา หรือเลขาตูน ได้ทวงเงินส่วนที่เหลือ โดยแจ้งว่านายยศวริศและนายศรีสุวรรณ จะนำไปจ่ายให้กับคณะกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร อีกหลายส่วน แล้วเรื่องการร้องเรียนต่างๆ จะจบ จากนั้นเลขาตูน แจ้งกับภรรยาอธิบดีกรมการข้าวว่าภรรยานายศรีสุวรรณ แจ้งว่าให้นำเงินส่วนที่เหลือไปให้นายศรีสุวรรณที่บ้าน
นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก
ทางการสืบสวนเพิ่มเติมพบพยานหลักฐานเชื่อได้ว่านายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) นายศรีสุวรรณ จรรยา น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือเลขาตูน (เลขานายยศวริศ) ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามพฤติการณ์ดังกล่าวจริง สำนักงาน ป.ป.ช. บก.ป.ป.ป. และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้สนธิกำลังวางแผนปฏิบัติการร่วมกันให้ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวนำเงินตามที่มีการเรียกรับส่วนที่เหลือไปให้ตนเองที่บ้าน ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ตามเวลานัดหมาย นายศรีสุวรรณได้แจ้งให้ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวนำเงินไปมอบให้ที่บ้านของนายศรีสุวรรณ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการแสดงตัว เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นบ้านของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะทำการสืบสวนขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และนำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.ป.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป (ดูลิงก์ข่าว
https://www.nacc.go.th/files/article/attachments/27274994a85a354bc66bc912de13999481f3ed9.pdf)
อย่างไรก็ตาม คดีนี้นายยศวริศกับพวกเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่มีคำพิพากษาว่ากระทำผิดตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
เป็นอีกวิบากกรรมที่ต้องเผชิญของนายยศวริศ