"...ในทางไต่สวนพบข้อเท็จจริงว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมายเป็นเจ้าของ หรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการเข้าฝากในบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง มากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง แล้วโอนเงินหรือออกแคชเชียร์เช็ค ให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิด หลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท ..."
ISRA-EXCLUSIVE : คดีร่ำรวยผิดปกติ 'บรรเจิด สอพิมาย' อดีตนายก อบต.ในเมือง อำเภอพิมาย
กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ออกคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 73,062,271.36 บาท ของนายบรรเจิด สอพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เอาไว้ในระหว่างดำเนินคดี เพื่อมิให้มีการโอน ยักย้ายแปร สภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สินเกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ เช่น บัญชีเงินฝาก ห้องชุด รถยนต์ โฉนดที่ดิน ทั้งที่อยู่ในชื่อตนเองและคนใกล้ชิด
พร้อมให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อสั่งให้พ้นจากตำแหน่งภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง และให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคห้า ต่อไป
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอความคืบหน้าไปแล้วว่า ในช่วงเดือนมิ.ย.2566 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีหนังสือถึง นายอำเภอพิมาย แจ้งเรื่องขอให้สอบสวน นายบรรเจิด สอพิมาย นายกอบต.ในเมือง พ้นจากตำแหน่ง จากกรณีถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติไปแล้ว
- มีอะไรบ้าง? ทรัพย์สิน 73 ล.'บรรเจิด' นายกอบต.ในเมือง ป.ป.ช.สั่งยึดอายัดคดีรวยผิดปกติ
- ป.ป.ช.สั่งยึดอายัดทรัพย์ 73 ล. 'บรรเจิด สอพิมาย' นายกอบต.ในเมือง โคราช คดีร่ำรวยผิดปกติl
- ขอหารือก่อน! ผู้ว่าฯโคราช แจ้ง ปธ.ป.ป.ช.ยังไม่สั่ง 'บรรเจิด' พ้นตำแหน่งโดนคดีร่ำรวย
- โดน2คดี! จัดซื้อจ้าง-รวยผิดปกติ ผู้ว่าฯโคราช สั่ง 'บรรเจิด' พ้นนายก อบต.ในเมืองแล้ว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าวในจังหวัดนครราชสีมา ว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2566 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามในคำสั่งให้ นายบรรเจิด สอพิมาย พ้นตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จากกรณีถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติแล้ว เป็นทางการแล้ว
โดยคำสั่งดังกล่าวได้มีการเปิดเผยสำนวนการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช.เป็นทางการ ในทางไต่สวนพบข้อเท็จจริงว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมายเป็นเจ้าของ หรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการเข้าฝากในบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมืองมากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้างแล้วโอนเงินหรือออกแคชเชียร์เช็ค ให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิด หลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท
ส่วนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายบรรเจิด สอพิมาย ที่อ้างว่า บุคคลในครอบครัวได้รับเงินสดจากนายจวน สอพิมาย (ปู่) คนละ 15,000,000 บาท ไปซื้อทรัพย์สินหรือดำเนินธุรกิจต่างๆ ไม่อาจรับฟังได้
เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย
ทรัพย์สินต่างๆ จากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ
ปรากฏรายละเอียดดังนี้
คำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ที่ 11193/2566 เรื่องให้ นายบรรเจิด สอพิมาย พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดราชสีมา
ระบุว่า ด้วยสำนักงาน ป.ป.ช. ส่งสำเนาคำวินิจฉัยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 113/2565 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และข้อเท็จจริงโดยสรุป กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการไต่สวนเบื้องต้นแล้วมีมติว่า นายบรรเจิด สอพิมาย ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 73,62,271.36 บาท ตามรายงานทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายบรรเจิด สอพิมาย, นางรัติวงษ์ สอพิมาย, นายเอกชัย สอพิมาย, นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย และให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ จึงให้จังหวัดนครราชสีมาโปรดพิจารณาสั่งให้นายบรรเจิด สอพิมาย พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ตามมาตรา 122 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
จังหวัดนครราชสีมา จึงแจ้งให้อำเภอพิมายดำเนินการตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ประกอบหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลับ ด่วนที่สุด ที่ มท 1804.3/1195 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เรื่อง หารือการสั่งให้พ้นจากตำแหน่งกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยให้พิจารณาตามฐานความผิดตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติโดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน แล้วทำความเห็นรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพิจารณา
นายอำเภอพิมาย อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 มาตรา 90 และมาตรา 92 ประกอบหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลับ ด่วนที่สุด ที่ มท 1804.3/1195 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เรื่อง หารือการสั่งให้พ้นจากตำแหน่งกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ข. มีมติชี้มูลว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ พิจารณาคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และข้อเท็จจริงโดยสรุปแล้ว มีความเห็นว่า ควรมีคำสั่งให้ นายบรรเจิด สอพิมาย พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
สรุปข้อเท็จจริงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ข. มีมติว่านายบรรเจิด สอพิมาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ร่ำรวยผิดปกติ คดีหมายเลขดำที่ 93- 1-1024/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 479-3-20/2565 จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทางการไต่สวน ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติว่า นายบรรเจิต สอพิมาย ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ โดยเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายบรรเจิด สอพิมาย, นางรัดิวงษ์ สอพิมาย (ภริยา),นายเอกชัย สอพิมาย (บุตร), นางเบญจวรรณ สอพิมาย (บุตร) และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย (บุตร) ซึ่งมีมูลค่าไม่สัมพันธ์กับรายได้หรือเกินกว่ารายได้ที่พึงมี และผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงและพิสูจน์ที่มาของเงินหรือทรัพย์สินอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย รวมมูลค่า 73,062,271.36 บาท
มีรายละเอียด ข้อเท็จจริงดังนี้
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายบรรเจิด สอพิมาย
1. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายบรรเจิด สอพิมาย ผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย เงินฝากธนาคารจำนวน 29,189,339.39 บาท เป็นทรัพย์สินที่ นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาระหว่างดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง และจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนไม่อาจรับฟังได้ว่า นายบรรเจิด สอพิมาย มีรายได้จากการนำรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน ไปประกอบธุรกิจ ขุดดิน ถมดิน ขายดิน มีรายได้ปีละ 360,000 บาท
ประกอบกับ นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนายเอกชัย สอพิมาย ไม่ได้รับเงินสดจากนายจวน สอพิมาย (ปู่) คนละ 15,000,000 บาท เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย จึงไม่มีเงินไปให้นายสันติ เอื้ออาภาเศรษฐ และนายสมหวัง โชคค้า กู้ยืม
อีกทั้ง นายบรรเจิด สอพิมาย เคยนำเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมาย เป็นเจ้าของ หรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการเข้าฝากในบัญชีเงินฝากของตนเอง
โดยทางไต่สวนพบข้อเท็จจริงด้วยว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง มากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง แล้วโอนเงินหรือออกแคชเชียร์เช็ค ให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิด สอพิมายหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท
สรุปได้ว่า มีทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ ประกอบด้วยเงินฝากธนาคาร 5 บัญชี รวมมูลค่า 28,189,339.39 บาท ตังนี้
1.1 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 12,142,339.39 บาท
1.2 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 1,530,000 บาท
1.3 บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 4,800,000 บาท
1.4 บัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย จำนวน 500,000 บาท
1.5 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 10,217,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางรัติวงษ์ สอพิมาย
2. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางรัติวงษ์ สอพิมาย คือ เงินฝากสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด เลขที่บัญชีXXX ชื่อสมาชิก นางรัติวงษ์ สอพิมาย ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมาย มีอำนาจถอนเงินฝากด้วยจำนวน 5 รายการ รวมเป็นเงิน 15,000,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาระหว่างดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง และจากพยานหลักฐานการไต่สวนประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายบรรเจิด สอพิมาย ไม่อาจรับฟังได้ว่า นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนายเอกชัย สอพิมาย ได้รับเงินสดจากนายจวน สอพิมาย (ปู่) คนละ 15,000,000 บาท แล้วมอบเงินให้นางรัติวงษ์ สอพิมาย นำไปฝากเข้าบัญชีดังกล่าว เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย
รวมถึง ไม่อาจรับฟังได้ว่านายสันติ เอื้ออาภาเศรษฐ และนายสมหวัง โชคค้า กู้ยืมเงินนางเบญจวรรณ สอพิมาย เพื่อนำไปใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง และการไต่สวนพบว่าในการทำธุรกรรมทางการเงินส่วนใหญ่ นายบรรเจิด สอพิมาย จะเป็นผู้นำฝากและเบิกถอนเงินเอง รวมถึงนายบรรเจิด สอพิมาย เคยนำเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมาย เป็นเจ้าของหรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการเข้าฝากในบัญชีเงินฝากสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด ด้วย ซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง มากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท
รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง แล้วโอนเงินหรือออกแคชเชียร์เช็ค ให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิด สอพิมาย หลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท
สรุปได้ว่า มีทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และจากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย มอบหมายให้นางรัติวงษ์ สอพิมาย ถือครองแทน จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ คือ เงินฝากสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด รวมเป็นเงิน 15,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 408,136.97 บาท
ต่อมานายบรรเจิด สอพิมาย ได้ถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวทั้งหมดโอนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาวเบญจวรรณ สอพิมาย และนางสาวเบญจวรรณ สอพิมาย นำเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ xxx ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในราคา 6,000,000 บาท
ดังนั้น เมื่อมีการนำเงินฝากดังกล่าวส่วนหนึ่งไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ XXX ที่ดินแปลงดังกล่าว จึงเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ จึงคงเหลือรายการฝาก/โอนเงิน ในบัญชีเงินรับฝากพิเศษสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด เลขที่บัญชี XXX ที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ ในส่วนนี้จำนวน 9,408,136.97 บาท (15,408,136.97 - 6,000,000)
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายเอกชัย สอพิมาย
3. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายเอกชัย สอพิมาย ประกอบด้วย เงินฝากธนาคาร จำนวน 10,956,000 บาท ห้องชุดในโครงการ คุรุธานี ไพรเวซี่ ราคา 2,626,795 บาท และยานพาหนะ จำนวน 4 คัน มูลค่า 2,617,000 บาท รวมมูลค่า 16,199,795 บาท เป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาระหว่างดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง และจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายบรรเจิด สอพิมาย ไม่อาจรับฟังได้ว่า นายเอกชัย สอพิมาย ได้รับเงินสดจากนายจวน สอพิมาย (ปู่) จำนวน 15,000,000 บาท แล้วนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารรวมถึงซื้อห้องชุดและยานพาหนะดังกล่าว และทางไต่สวนก็ไม่อาจรับฟังได้ว่านายเอกชัย สอพิมาย และนางเบญจวรรณ สอพิมาย ได้ให้นายสันติ เอื้ออาภาเศรษฐ, นายวัชรชัย ศิริยานนท์ และนายสมหวัง โชคค้า กู้ยืมเงิน แล้วมีการชำระหนี้เงินกู้โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของนายเอกชัย สอพิมาย เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย จึงไม่มีเงินให้นายเอกชัย สอพิมาย จำนวน 15,000,000 บาท ไปซื้อทรัพย์สินและให้บุคคลอื่นกู้ยืม
ประกอบกับนายเอกชัย สอพิมาย เคยนำเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อบัญชีนายเอกชัย สอพิมาย ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมาย เป็นเจ้าของหรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการ โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง มากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท
รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง แล้วโอนเงินหรือออกแคซเชียร์เช็ค ให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิต สอพิมาย หลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท
สรุปได้ว่า มีทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินตังกล่าวได้ และจากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย มอบหมายให้นายเอกชัย สอพิมาย ถือครองแทน จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ ประกอบด้วย เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี รวมจำนวน 10,956,000 บาท ห้องชุดในโครงการ คุรุธานี ไพรเวซี่ จำนวน 1 ห้อง ราคา 2,626,795 บาท และยานพาหนะ จำนวน 4 คัน มูลค่า 2,617,000 บาท รวมมูลค่า 16,199,795 บาท ดังนี้
3.1 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายเอกชัย สอพิมาย รวมจำนวน 6,857,000 บาท
3.2 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา พิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายเอกชัย สอพิมาย รวมจำนวน 4,099,000 บาท
3.3 ห้องชุดในโครงการคุรุธานี ไพรเวซี่ จำนวน 1 ห้อง เลขที่ XXX ชั้นที่ 6 อาคารเลขที่ 1 ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ XXX ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ XXX แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มูลค่า 2,626,795 บาท
3.4 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน XXX กรุงเทพมหานคร ยี่ห้อ HYUNDAI ลักษณะ ตู้นั่งสี่ตอน มูลค่า 1,500,000 บาท
3.5 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน XXX นครราชสีมา ยี่ห้อ MAZDA ลักษณะ เก๋งสองตอน มูลค่า 680,000 บาท
3.6 รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน XXX นครราชสีมา ยี่ห้อ VESPA มูลค่า 97,000 บาท
3.7 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน XXX นครราชสีมา ยี่ห้อ MAZDA ลักษณะ นั่งสองตอนแวน มูลค่า 340,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางเบญจวรรณ สอพิมาย
4. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางเบญจวรรณ สอพิมาย คือ เงินฝากธนาคาร จำนวน 1,300,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาระหว่างดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง และจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายบรรเจิด สอพิมาย ไม่อาจรับฟังได้ว่า นางเบญจวรรณ สอพิมาย ได้รับเงินสด จากนายจวน สอพิมาย (ปู่) จำนวน 15,000,000 บาท แล้วนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าว เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย โดยบัญชีเงินฝากรายการนี้ มีรายการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายบรรเจิด สอพิมาย ซึ่งมีการรับโอนเงินที่มาจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ซึ่งนายบรรเจิด สอพิมาย เป็นเจ้าของหรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการด้วย
ต่อมานางเบญจวรรณ สอพิมาย ได้นำเงินจากบัญชีเงินฝากนี้ไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ XXX ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากนางปิยะมาศ ประพฤทธิพงษ์ และนายเอกชัย สอพิมาย ได้นำเงินไปชำระค่าจ้างก่อสร้างอาคารหอพักศิลา ให้แก่บริษัท สตรองแลนด์ จำกัด ซึ่งที่ดินและหอพักศิลาเป็นทรัพย์สินและกิจการของครอบครัวนายบรรเจิด สอพิมาย
สรุปได้ว่า นายบรรเจิด สอพิมาย ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และจากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย มอบหมายให้นางเบญจวรรณ
สอพิมาย ถือครองแทน จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ คือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาวเบญจวรรณ สอพิมาย จำนวน 1,300,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายเอกชัย สอพิมาย นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย
5. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายเอกชัย สอพิมาย นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย ได้แก่ ที่ดินพร้อมหอพักศิลา มูลค่ารวม 16,965,000 บาท เป็นทรัพย์สินและกิจการของครอบครัวนายบรรเจิด สอพิมาย ได้มาระหว่างดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมืองและจากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนประกอบคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายบรรเจิด สอพิมาย ไม่อาจ รับฟังได้ว่า นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนายเอกชัย สอพิมาย ได้รับเงินสดจากนายจวน สอพิมาย (ปู่) คนละ 15,000,000,000 บาท แล้วนำเงินไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ XXX ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และก่อสร้างหอพักศิลา เนื่องจาก นายจวน สอพิมาย เป็นบุคคลล้มละลาย ประกอบกับเงินที่นำมาใช้ซื้อที่ดินและก่อสร้างหอพักเป็นเงินที่รับโอนมาจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง ด้วย ซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง มากกว่า 140 โครงการ วงเงินรวมมากกว่า 41 ล้านบาท รวมถึงมีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด วังหินก่อสร้าง แล้วโอนเงินหรือออกแคชเชียร์เช็คให้กับนายบรรเจิด สอพิมาย และบุคคลในครอบครัวของนายบรรเจิด สอพิมาย หลายครั้งรวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 23 ล้านบาท
สรุปได้ว่า นายบรรเจิด สอพิมาย ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และจากพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่นายบรรเจิด สอพิมาย มอบหมายให้นายเอกชัย สอพิมาย นางเบญจวรรณ สอพิมาย และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย ถือครองแทน จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ XXX ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มูลค่า 6,000,000 บาท พร้อมสิ่งปลูกสร้าง (หอพักศิลา) เลขที่ XXX ตำบลในเมือง อำเภอเมือนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มูลค่า 10,965,000 บาท มูลค่ารวม 16,965,000 บาท
จังหวัดนครราชสีมา อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 และพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลพ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 มาตรา 92 ประกอบหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลับ ด่วนที่สุด ที่ มท 0804.3/1195 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เรื่อง หารือการสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ พิจารณาคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และข้อเท็จจริงโดยสรุป ประกอบกับความเห็นของนายอำเภอพิมายแล้ว จึงให้ นายบรรเจิด สอพิมาย พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
อนึ่ง การโต้แย้งคำสั่งนี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองที่มีเขตอำนาจ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับคำสั่งตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566
(นายสยาม ศิริมงคล)
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
อนึ่งสำหรับคดีร่ำรวยผิดปกติของ นายบรรเจิด สอพิมาย นั้น ปัจจุบันยังไม่มีรายงานข่าวว่าศาลมีคำพิพากษาตัดสินชี้ขาดว่า นายบรรเจิด สอพิมาย กระทำความผิดตามที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วหรือไม่
นายบรรเจิด สอพิมาย และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองอยู่