"... นายสมชัย เป็นนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร สมควรบริหารองค์กรให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐและประขาชนอย่างสูงสุดด้วยความชื่อสัตย์สุจริตเพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่กลับกระทำความผิดเสียเอง โดยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและประชาชนส่วนรวมพฤติการณ์ในการกระทำความผิด มีลักษณะไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย กรณีจึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง..."
กรณี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำเลยในคดีจัดซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางการแล้วนั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลสำคัญมาเสนอไปแล้วว่า
1. คดีนี้ มีจำเลย 7 ราย คือ
- นายสมชัย ปล้องพุดชา จำเลยที่ 1 เป็นอดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มีอำนาจหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติและนโยบายของรัฐบาล สั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ
- นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์ จำเลยที่ 2 เป็นอดีตนักบริหารงานคลัง ระดับ 6 เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการรับซองประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ
- นายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
- นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
- นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5 เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
- บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 6 ผู้ชนะการประกวดราคา
- นายอุดร ชาภูวงษ์ จำเลยที่ 7 เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพียงในนาม
2. บทลงโทษที่ได้รับ
ศาลฯ มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก นายสมชัย ปล้องพุดชา เป็นเวลา 5 ปี
ส่วน นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์ จำเลยที่ 2 นายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5 บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 6 และ นายอุดร ชาภูวงษ์ จำเลยที่ 7 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78
คงจำคุก นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์ จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 120,000 บาท คงจำคุก นายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5 และ นายอุดร ชาภูวงษ์ จำเลยที่ 7 คนละ 1 ปี 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 คนละ 80,000 บาท ส่วน บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 6 ปรับ 80,000 บาท
โทษจำคุก จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไว้มีกำหนด คนละ 2 ปี
3. สาเหตุที่ ศาลฯ มีคำพิพากษาให้รอการลงโทษ จำคุก นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์
เพราะเห็นว่า แม้การกระทำความผิดของ นางสาวภัชรี ในคดีนี้ จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ แต่เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ไม่มีความประสงค์ที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก นางสาวภัชรีแต่อย่างใดอีกทั้งการกระทำความผิดครั้งนี้ ของ นางสาวภัชรี ยังเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก นอกจากนี้ ยังถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการและถูกดำเนินคดีนี้ ก็ได้รับความเดือนร้อนพอสมควรแก่การกระทำความผิดแล้ว
ประกอบกับในระหว่างพิจารณาคดี นางสาวภัชรี ยังถูกคุมขังมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งจะทำให้รู้สึกเข็ดหลาบบ้างพอสมควร เมื่อไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน นิสัยและความประพฤติโดยทั่วไป ไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง เชื่อว่าหากให้โอกาสแล้ว ยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขปรับปรุงตนเองและกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 พิจารณาแล้วมีมติไม่อาจเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 เห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลดังกล่าว โดยขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยไม่รอการลงโทษจำคุก นางสาวภัชรี จำเลยที่ 2 และนายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5
เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดร้ายแรงและมีอัตราโทษสูง
- คุก 5 ปี! อดีตเทศฯ หนองไข่น้ำ ซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงมิชอบ-กลุ่มคิงส์รอลงอาญา ป.ป.ช.ค้าน
- พลิกปูม! คดีซื้อรถดับเพลิง ทต.หนองไข่น้ำ อดีตนายกฯคุก 5 ปี-นายทุนใหญ่กลุ่มคิงส์ รอลงอาญา
- ถูกคุมขังเกือบ 2 ปีแล้ว! ข้อมูลใหม่ 'อดีตหน.พัสดุ'ได้รอลงอาญาคดีรถดับเพลิง ทต.หนองไข่น้ำ
คราวนี้ มาดูข้อมูลเชิงลึกในส่วน นายสมชัย ปล้องพุดชา อดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกศาลสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญากันบ้าง
สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า ในการตัดสินคดีนี้ มีการระบุพฤติการณ์การกระทำความผิดของ นายสมชัย ปล้องพุดชา ว่า เป็นผู้อนุมัติให้เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ จัดซื้อรถยนต์บรรทุกขยะแบบอัดท้าย 1 คัน วงเงิน 2 ล้านบาท และ รถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ 1 คัน วงเงิน 1.9 ล้านบาท โดยวิธีการประมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายสมชัย ยังเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาครุภัณฑ์ รวมไปถึงเป็นผู้กำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ และกำหนดราคาเริ่มต้นไว้ในเอกสารประกาศเทศบาลหนองไข่น้ำด้วย ขณะที่ในขั้นตอนการดำเนินงานยังมีการตรวจสอบพบปัญหาเรื่องการจัดทำเอกสารปลอมเกี่ยวกับการติดต่อหน่วยงานราชการแห่งอื่นด้วย
ที่สำคัญในชั้นการไต่สวนคดี นางสาวภัชรี จำเลยที่ 2 ยังให้การว่า นายสมชัย เป็นผู้มอบรายชื่อและที่อยู่ของเอกชน 5 ราย ซึ่งมีชื่อ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 6 ร่วมด้วย เพื่อดำเนินการจัดส่งประกาศการประมูลซื้อด้วย ขณะที่เอกชน 3 ใน 5 ราย เป็นเอกชนกลุ่มเดียวกัน
ส่วนข้อต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลฯ นายสมชัย ยืนยันว่าดำเนินการภายใต้ระเบียบและกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ ขั้นตอนการดำเนินงานก็ผ่านความเห็นชอบตามสายงานการบริหารในตรวจสอบระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่รับทราบเพียงข้อมูลตามความเห็นของคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เชื่อโดยสุจริตว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไปตามระเบียบแล้ว ส่วนที่พิจารณาราคาสูงกว่าราคามาตรฐานครุภัณฑ์เป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่นนั้น มิได้จงใจหรือมีเจตนาพิเศษให้ตนเองหรือผู้หนึ่งผู้ใดได้รับประโยชน์ หรือมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้มีสิทธิทำสัญญากับเทศบาล
แต่ศาลฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำให้การของ นายสมชัย เป็นการเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน จึงไม่ได้มีน้ำหนักในการรับฟัง ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานได้
ขณะที่ นายสมชัย เป็นนายกเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร สมควรบริหารองค์กรให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐและประขาชนอย่างสูงสุดด้วยความชื่อสัตย์สุจริตเพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่กลับกระทำความผิดเสียเอง โดยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและประชาชนส่วนรวม
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด มีลักษณะไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย กรณีจึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้คดีตลอดมา อันเป็นการไม่รู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำลงอีกด้วย
พฤติการณ์แห่งคดี จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษ
พิพากษาลงโทษ นายสมชัย เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ นายสมชัย ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
แต่ไม่ว่าในท้ายที่สุดผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร
กรณีนายสมชัย จึงนับเป็นตัวอย่างสำคัญต่อการบริหารงานของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นอุทาหรณ์ไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้อีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต