“...ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานการเมือง ผมจึงทำการโอนหุ้นหรือขายหุ้นของผมในบริษัทต่าง ๆ ลดบทบาทของตนเองในภาคเอกชนลง และได้ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกกรณีครับ...”
ปี่กลองการเมืองกำลังโหมโรง
“นักเลือกตั้ง” กำลังคึกคักเต็มที่ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 มี.ค.2566 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 เป็นทางการ
อันเป็นการเป่านกหวีด เริ่มนับหนึ่งศึกเลือกตั้งครั้งใหม่กันแล้ว
พรรคเพื่อไทย หนึ่งใน “พรรคใหญ่” ที่วางเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” 310 เก้าอี้ ส.ส. คือหนึ่งในพรรคที่เตรียมความพร้อมอย่างเต็มพิกัด
จัดทัพปรับศึกกันยกใหญ่
หลังจาก “เลือดไหล” มีคนเก่าแก่อดีต “บ้านใหญ่” หลายพื้นที่ ไหลออกไปเข้าร่วมพรรคคู่แข่ง ทั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
แต่หัวขบวนอย่าง “นายใหญ่” ผู้นำทางจิตวิญญาณ “ค่ายสีแดง” ยังคงเชื่อมั่นใน “ขุนพล” ที่เหลืออยู่
โดยเฉพาะการปลุกปั้น 2 ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรค คือ
1. “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก สายตรงครอบครัว “ชินวัตร”
2. “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ซีอีโอ “แสนสิริ” ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เมืองไทย นั่งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าดึงมาเป็น “กุนซือ” ให้ “อุ๊งอิ๊ง”
แต่พลันที่ “เสี่ยนิด เศรษฐา” หันเหมาลงสนามการเมืองสปอร์ตไลท์ทางสังคมต่างก็ฉายแสงไปที่ “บิ๊กบอสอสังหาฯ” ทันที
ทำให้เจ้าตัวเริ่มเคลื่อนไหวในทางธุรกิจ ทั้งการโอนหุ้นบริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด 9,998 หุ้นไปให้นายนพพร บุญถนอม กรรมการบริหาร “แสนสิริ” ทั้งหมด โดยระบุว่าโอนให้แบบซื้อขาย
นอกจากนี้ยังโอนหุ้น “แสนสิริ” จำนวน 661,002,734 หุ้น หรือคิดเป็น 4.4% ใหญ่เป็นลำดับ 4 ของบริษัท ให้กับ “ชนัญดา ทวีสิน” บุตรสาวผู้บรรลุนิติภาวะโดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน
ขณะเดียวกันเจ้าตัวยังแจ้ง “ลางาน” จาก “แสนสิริ” อีก เพื่อเตรียมาลงเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว
“ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานการเมือง ผมจึงทำการโอนหุ้นหรือขายหุ้นของผมในบริษัทต่าง ๆ ลดบทบาทของตนเองในภาคเอกชนลง และได้ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกกรณีครับ” นายเศรษฐา ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัว
- ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โอนหุ้น บ.ลงทุนส่วนตัวให้ กก.แสนสิริ หลังประกาศขอนั่งนายกฯ-รอชี้แจง (1)
- จะไปเข้าการเมือง! ‘เศรษฐา’ แจงอิศรา ปมโอนหุ้นบ.ลงทุนส่วนตัวให้ กก.แสนสิริ (2)
- ส่อง บ.ศุภสิริฯ‘เศรษฐา’! โดนริบ 51 ล. หลังยกเลิกสัญญาซื้อขายเงินลงทุน 240 ล. (3)
- จำไม่ได้นานมากแล้ว! 'อิศรา' ถาม 'เศรษฐา' แจงปมโดนริบ 51ล.เลิกสัญญาซื้อขายเงินลงทุน 240 ล. (4)
อย่างไรก็ดี ยังคงมีการจับจ้องไปยังเบื้องลึกฉากหลังถึงสาเหตุว่าไฉน “เศรษฐา” ถึงยอมเข้ามาร่วมขบวน “เพื่อไทย” เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งในครั้ง
ทั้งที่เขาเคยออกตัวเป็นกองเชียร์ “พรรคเพื่อไทย” มาได้หลายปีแล้ว
ว่ากันว่าการเดินเข้าสู่ถนนการเมืองในครั้งนี้ของ “เศรษฐา” เกิดจากการชักชวนของ “เพื่อนรัก” ในแวดวงธุรกิจอสังหาฯ ที่มากด้วยคอนเนคชั่นทั้งทางการเมือง และแวดวงธุรกิจ
เศรษฐา ทวีสิน /ภาพจาก www.thairath.co.th
ต้องย้อนภาพกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน “เศรษฐา” ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางธุรกิจอสังหาฯ ปลุกปั้น “แสนสิริ” จนโด่งดัง มีรายได้นับแสนล้านบาท
เพื่อนรักของ “เศรษฐา” ณ เวลานั้นชื่อ “เสี่ยเบ้ง” อดีตผู้บริหารและก่อตั้งบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อน
สำหรับ “เสี่ยเบ้ง” เคยเป็น “อดีตคู่เขย” กับ “เสี่ยนิด เศรษฐา” เนื่องจากน้องสาวภริยาเศรษฐา คือ “อดีตคู่สมรส” ของ “เสี่ยเบ้ง” นั่นเอง
ปัจจุบัน “เสี่ยเบ้ง” เลิกรากับน้องสาวคู่สมรส “เศรษฐา” ไปแล้ว
ปกติแล้ว “เสี่ยเบ้ง” เป็นประเภท “โลว์โพรไฟล์” ค่อนข้างเก็บตัว ยืนอยู่หลังฉากในการทำธุรกิจมากกว่า และเจ้าตัวมีความสนิทสนมใกล้ชิด เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “เสี่ย ส.” ที่เป็นอดีตผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่ง “เสี่ย ส.” คือ “กุนซือ” ใกล้ชิดกับ “เสี่ย ค.” ที่ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน
โดยบริษัทของ “เสี่ย ค.” ได้ทำซูเปอร์ดีลซื้อธุรกิจของ “เสี่ยเบ้ง” มาบริหารจัดการอยู่ตอนนี้ เพื่อต่อยอดในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แปลงโฉมเป็นคอนโดมีเนียมต่าง ๆ หลายแห่งติดแนวรถไฟฟ้าในปัจจุบัน
หลังจากนั้นไม่นาน “เสี่ย ค.” เริ่มเข้าซื้อหุ้นใน “แสนสิริ” ด้วยเช่นกัน เพื่อหา “พันธมิตร” ทางธุรกิจอสังหาฯ-โครงสร้างพื้นฐาน
ดังนั้น การเข้ามาบนถนนการเมืองของ “เศรษฐา” จึงถูกจับตามองอย่างมาก ทั้งจากนักการเมือง และแวดวงอสังหาฯ
ทำให้มีหลายคนเริ่ม “จองกฐิน” ทั้งนักร้องชื่อดังอย่าง “สนธิญา สวัสดี” ที่หลายคนรู้เบื้องหลังกันดีว่าอยู่ฝ่ายไหน เช่นเดียวกับ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองชื่อดัง แม้กำลังเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่วายขอเกาะติดปม “เศรษฐา” ด้วย
@ ภาพจาก https://www.facebook.com/ พรรคเพื่อไทย
“เสี่ยชูวิทย์” อ้างว่า ประเด็นของนายเศรษฐา มีเบื้องหลังเรื่องสำคัญ และมีหลักฐานไว้หมดแล้ว แต่ยังไม่ขอนำมาเปิดเผย ขอดูพฤติกรรมก่อน จะเรียกว่า “แบล็คเมล์” ก็ว่าได้ จะดูว่านายเศรษฐามีความตั้งใจจริงในการเป็นนักการเมืองแค่ไหน ถ้าดูแล้วไม่เข้าท่า ไม่มีอุดมการณ์ จะเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน
ทั้งหมด คือ เบื้องลึกฉากหลังของ “เศรษฐา” หนึ่งในว่าที่แคนดิเดตนายกฯของ “เพื่อไทย” ที่กำลังถอดสูท ผูกผ้าข้าวม้าคาดเอว ลงพื้นที่พบปะประชาชน เล่นการเมืองอย่างเต็มตัว
ท้ายที่สุด “เสี่ยนิด” จะประสบความสำเร็จ ถึงฝั่งฝันนั่งเก้าอี้นายกฯ อย่างที่ใจปรารถนาหรือไม่
ประชาชนเท่านั้จะเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง