"..ณ วันนี้ ในส่วนคดีแรก ศาลฎีกา มีคำพิพากษาไปแล้วว่านางกนกวรรณมีความผิด ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ลงโทษหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าว จึงอาจนับว่า นางกนกวรรณ ได้จบชีวิตการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว จากวิบากกรรมคดีรุกที่ดินป่าเขาใหญ่ ซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติ ..."
"ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะที่ผู้คัดค้านขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 นั้น ผู้คัดค้านไม่ได้ครอบครองทํา ประโยชน์ในที่ดิน ผู้คัดค้านจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดิน การที่ผู้คัดค้านให้ถ้อยคําต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิว่า เมื่อปี 2533 ผู้คัดค้านซื้อที่ดินมาจากนายทิว มะลิซ้อนเมื่อปี 2533 โดยนายทิว มะลิซ้อนกันสร้างมาเมื่อ ประมาณปี 2500 แล้วผู้คัดค้านครอบครองทําประโยชน์ในที่ดินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเป็นการให้ถ้อยคําเท็จ ผู้คัดค้านจึงมิใช่เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ขอออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 58 ทวิ (3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และข้อ 14 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย ที่ดิน พ.ศ. 2497 ได้ การที่กรมที่ดินออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 ให้ผู้คัดค้านจึงเป็นการไม่ชอบ"
"เมื่อผู้คัดค้านขอออกโฉนดที่ดินโดยไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย แล้วได้โฉนดที่ดินมาตั้งแต่ปี 2554 และยังคงถือครองโฉนดที่ดินดังกล่าวมาจนถึงวันที่ผู้คัดค้านดํารงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการตลอดมาจนถึง ปัจจุบัน จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 แล้ว และถือว่ามี ลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 27 วรรคหนึ่ง ทั้งการกระทําดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์และเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้คัดค้านที่ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แม้มิได้เป็นการใช้อํานาจหน้าที่ของตนโดยตรงก็ตามเพราะอาจทําให้สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธาต่อการดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของผู้คัดค้าน จึงเป็นการก่อให้เกิด ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการด้วย ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 เมื่อการกระทําดังกล่าวถือได้ว่าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงในการบังคับใช้ กฎหมาย จึงเป็นกรณีมีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 27 วรรคสอง "
"พิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) วรรคสาม และวรรคสี่ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ประกอบมาตรา 81 และ มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง และข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ให้ผู้คัดค้านพ้น จากตําแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนับแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2505 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคําสั่ง ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองใด ๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 วรรคสาม วรรคสี่ และเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งของผู้คัดค้านมีกําหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคําพิพากษา คําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก"
คือ บทสรุปคำพิพากษา ศาลฎีกา ที่ตัดสินคดีความระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้คัดค้าน เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยคดีนี้ ป.ป.ช.ผู้ร้องยื่นคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2545 นางกนกวรรณดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่หมู่ที่ 15 ต.เนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เนื้อที่ 30-2-80.5 ไร่ โดยอ้างว่าซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจาก นายทิว มะลิซ้อน เมื่อปี 2533 แต่นายทิวไม่มีตัวตน ทั้งไม่เคยมีการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และแนวเขตป่าไม้ถาวรป่าเขาใหญ่
ก่อนที่ศาลฎีกา จะมีคำพิพากษาว่านางกนกวรรณมีความผิด ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ลงโทษหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับคดีนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา ย้อนข้อมูลมานำเสนออีกครั้ง ณ ที่นี่
@ ที่มาคดี
คดีนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี และ การกระทำของนางกนกวรรณยังเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงอีกข้อกล่าวหาหนึ่งด้วย
โฉนดที่ดิน 3 แปลง ที่ป.ป.ช.ระบุว่ากระบวนการออกเอกสารสิทธิ์กระทำโดยมิชอบ ได้แก่ โฉนดที่ดินเลขที่ 41158, 41159 และ 41160 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และเขตป่าไม้ถาวรทั้งแปลง
โดยกรณีการถือครองที่ดินของนางกนกวรรณนั้น สำนักข่าวอิศรา ได้นำข้อมูลมารายงานไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า นางกนกวรรณแจ้งถือครองที่ดิน ในพื้นที่ ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี รวมทั้งสิ้น 16 แปลง เนื้อที่ 170-2-49 ไร่ (170 ไร่ 2งาน 49 ตารางวา) มูลค่า 114.8 ล้านบาท (ข้อมูลตามที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.)
ในจำนวนนี้ โฉนดที่ดินเลขที่ 41158 แปลงที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าออกโดยมิชอบ รวมอยู่ด้วย (ดูเอกสาร)
โฉนดแปลงนี้ เนื้อที่ 30-2-80 เศษ 5 ส่วน 10 ไร่ มูลค่า 21 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้สืบค้นข้อมูลและเดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่พบว่า อยู่ไม่ไกลจากทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3077 ด่านตรวจทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง (ดูภาพประกอบ)
สำหรับที่ดิน อีก 2 แปลงนั้น จากการตรวจสอบพบว่า อยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันกับโฉนดเลขที่ 41158 โดยตำแหน่งโฉนดที่ดิน 41159 หน้าสำรวจ 4118 เลขที่ดิน89 ระวาง5237 II 6072-00 (4000) ตำบลเนินหอมอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 24 ไร่ 2 งาน 54.5 ตารางวา อยู่ดานล่างของโฉนดเลขที่ 41158 (ดูภาพประกอบ)
ขณะที่ โฉนดที่ดิน 41160 หน้าสำรวจ4119เลขที่ดิน 91ระวาง5237 II 6072-00 (4000) ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่27 ไร่ 1 งาน 31.4 ตารางวา อยู่ทางด้านขวาของโฉนดเลขที่ 41158 (ดูภาพประกอบ)
จากภาพถ่ายโฉนดทั้ง 3 แปลง ลักษณะเป็นสีเขียวทึบเต็มแปลง
@ ผลชี้มูลคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ขณะที่ ในการแถลงข่าวของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ระบุรายละเอียดว่าจากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริง โฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็โฉนดที่ดินที่ออกโดยวิธีการ เดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ตามาตรา 58 และ 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นการออกให้แก่ นางกนกวรรณ ศรีจันทร์งาม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนนามสกุลเป็น ‘วิลาวัลย์’
โฉนดที่ดินเลขที่ 41159 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นการ ออกให้แก่นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2545 เนื้อที่ประมาณ 27 – 2 – 54.5 ไร่ และโฉนดที่ดินเลขที่ 41160 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นการออกให้แก่นางสาวน้อย ตุ้มพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2545 เนื้อที่ประมาณ 27 – 1 – 71.4 ไร่ มีพฤติการณ์ในการออกโฉนดโดยมีการอ้างว่าซื้อต่อมาจากผู้เคย ทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อน ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่มีการซื้อขายจริง ประกอบกับผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ในช่วงปี พ.ศ. 2546 ซี่งเป็นปีที่ใกล้เคียงกับปีที่ทำการเดินสำรวจ สภาพพื้นที่มีสภาพเป็นป่ามาโดยตลอด ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า แนวเขตป่าไม้ถาวร “ป่าเขาใหญ่” คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จำแนกป่าเขาใหญ่ไว้เป็นป่าไม้ตามแนวเขตที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2513 และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าแนวเขตป่าไม้ถาวรเป็นแนวเขตเดียวกัน กับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ การที่โฉนดที่ดินเลขที่ 41158 และ 41160 ออกโดยมีแนวเขตด้านทิศเหนือติดต่อ กับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งที่ตามระเบียบกรมที่ดินฯ กำหนดห้ามมิให้เดินสำรวจในแปลงที่คาบเกี่ยวหรือติดต่อกับเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นการออกโดยฝ่าฝืนข้อ 9 ของระเบียบกรมที่ดิน
และยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน นายจีรศักดิ์ ผลสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมศักดิ์ หีบเงิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายประทาน บานชื่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ได้ร่วมกัน มีหนังสือขอให้จังหวัดปราจีนบุรี ส่งระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ 5237 II 6072 ที่มีการขีดเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไปให้กรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบยืนยันแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยไม่ได้รับมอบหมาย จากอธิบดีกรมที่ดิน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 ผู้ขีดและรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมป่าไม้ การขีด และรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2536 และครั้งที่ 3 เมื่อปีพ.ศ. 2545 โดยนายคณิต เพชรประดับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 จึงเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อนชี้มูลผู้เกี่ยวข้องทั้ง 10 คน
@ คดีที่สองรออยู่
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับคดีความเรื่องที่ดิน ของ นางกนกวรรณ นั้น นอกจากคดีนี้แล้ว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา นางกนกวรรณกรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี เพิ่มอีกหนึ่งคดี
โดยคดีใหม่นี้ เป็นกรณีถูกกล่าวหาร่วมกันดำเนินการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576, 41577,41578 , 41579 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 4 แปลง รุกล้ำพื้นที่อุทยานชาติเขาใหญ่ และที่หลวงหวงห้ามของรัฐ โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ผู้ถูกกล่าวหา มีจำนวน 7 ราย คือ 1. นายจีรศักดิ์ ผลสุข เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดสระบุรี - นครนายก -ปราจีนบุรี - สระแก้ว 2. นางสุรางค์ คัณฑารมย์ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ 3. นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด 4. นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ 5. นายประทาน บานชื่น เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัด 6. นายคณิต เพชรประดับ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ช่างสำรวจ 6 ส่วนวิศวกรรม สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ และ 7. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ในฐานะผู้นำเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน
สำหรับมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ และพวก เกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดิน ทั้ง 4 แปลง มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น กระทำการโดยไม่มีเจตนาในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย ส่วนนางสุรางค์ คัณฑารมย์ และ นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง นายคณิต เพชรประดับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ข้อหาตกไป ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
2. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นางสุรางค์ คัณฑารมย์ นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายคณิต เพชรประดับ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง
3. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายคณิต เพชรประดับ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง ส่วนนางสุรางค์ คัณฑารมย์ เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
4. การออกโฉนดที่ดินเลข 41579 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นางสุรางค์ คัณฑารมย์ นายสมศักดิ์ หีบเงิน นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายประทาน บานชื่น เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป เช่นเดียวกัน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ที่เห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไปด้วย
โดยในการชี้มูลความผิดคดีนี้ ของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ป.ป.ช.จะแบ่งออกเป็น 2 คดี คือ คดีทางอาญา ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ส่วนคดี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย
ขณะที่การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 ขาดอายุความ 20 ปี ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดจากศาล
แต่ณ วันนี้ ในส่วนคดีแรก ศาลฎีกา มีคำพิพากษาไปแล้วว่านางกนกวรรณมีความผิด ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ลงโทษหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าว
จึงอาจนับว่า นางกนกวรรณ ได้จบชีวิตการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว
จากวิบากกรรมคดีรุกที่ดินป่าเขาใหญ่ ซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติ
ส่วนผลการต่อสู้คดีความอาญาทั้ง 2 คดี ในชั้นศาล จะออกมาเป็นอย่างไรต้องค่อยติดตามดูกันต่อไป
อ่านประกอบ :
- ศาลฎีกาสั่ง'กนกวรรณ'หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี รับคำร้องผิดจริยธรรม คดีรุกป่าเขาใหญ่
- รอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่! ป.ป.ช.ยื่นศาลฎีการ้อง‘กนกวรรณ’ผิดจริยธรรม คดีรุกป่าเขาใหญ่
- เปิดข้อกล่าวหา-พฤติการณ์ 'กนกวรรณ-พวก'ออกโฉนดรุกป่า 3 แปลงมิชอบ-ทำเขาใหญ่เนื้อที่ลดลง
- ศาลคดีทุจริตให้ 'สุนทร วิลาวัลย์' ได้ประกันตัววงเงิน 6 แสน ตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอก ปท.
- ภาพชุด ‘สุนทร’ เข้ามอบตัว หลังโดนหมายจับ11วัน วัดใจ มท.สรุปผลสอบผิดจริยธรรมหรือไม่?
- เบื้องลึก! หมายจับ 'สุนทร’ ฉบับที่ 2 อัยการ แนะนำ ป.ป.ช. - เปิดช่องสู้คดีหรือไม่?
- ศาลคดีทุจริตออกหมายจับใหม่'สุนทร'รุกป่าเขาใหญ่ ไม่นับอายุความขณะจำเลยหลบหนี
- รอ อสส.ชี้ชะตาสั่งฟ้องหรือไม่! เปิดข้อมูลคดี 2 'สุนทร-พวก' รุกอุทยานฯ อ.ประจันตคาม250ไร่
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่