"...นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ชำระเงินจอง 120,000 บาท และชำระเงินค่าห้องชุด 2 ห้อง จำนวน 4,818,760 บาท เป็นตั๋วแลกเงิน 2 ฉบับ ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขานราธิวาส โดย บริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูล บริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด พบว่า เป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างถนน และสะพานในช่วงที่ นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส เป็นผู้ขอซื้อตั๋วแลกเงินดังกล่าว ก่อนที่ นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ จะใช้ชื่อ "นางสุดจิตร์ เครือฟั่น" ซึ่งเป็นญาติ เป็นผู้ซื้อและถือกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดดังกล่าวแทน ..."
กรณี นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ อดีตผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ห้องชุด 2 ห้อง ในอาคารโครงการ ชิลค์ เพลส พหลโยธิน หลักสี่ เขตบางเขน กทม. ในชื่อ "นางสุดจิตร์ เครือฟั่น" ราคาห้องละ 2,469,380 บาท รวม 4,938,760 บาท พร้อมด้วยดอกผลที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า คดีนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส กับพวกรวม 7 ราย ร่วมกันกระทำการทุจริต โดยการจัดทำเอกสารการจัดจ้างก่อสร้าง การตรวจรับงาน กรณีอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินในโครงการก่อสร้างประตูรั้ว และป้ายแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาสอันเป็นเท็จ
ต่อมาในระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ไต่สวนข้อมูลเพิ่มเติมจนปรากฎข้อเท็จจริงว่า นายสถาพัฒน์ ได้นำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ไปซื้อคอนโดมิเนียมหรู บริเวณเขตบางเขน กทม.
โดยให้ ‘น้าสาว’ คนหนึ่งถือกรรมสิทธิ์แทน
สำนักงาน ป.ป.ช. จึงเชื่อว่าเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบ และปกปิด ซ่อนเร้นข้อเท็จจริง และเพื่อพิสูจน์ที่มาของเงินสด 5 ล้านบาทที่นำมาซื้อคอนโดมีเนียมหรูดังกล่าว
- วิบากกรรมคดีทุจริต:ยึดทรัพย์ห้องชุด4.9 ล.อดีตผอ.ทางหลวงชนบทนราฯ ไล่ออกราชการไปแล้ว
- กรมทางหลวงชนบทไล่ออกแล้ว ผอ.แขวงนราธิวาส ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล-โดนสอบรวยผิดปกติซ้ำ
- ป.ป.ช.สอบรวยผิดปกติ ผอ.ทางหลวงชนบทนราธิวาส ซื้อสดคอนโด 5 ล.-เจ้าตัวยันใช้เงินครอบครัว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า ในการติดตามตรวจสอบข้อมูลแหล่งเงินที่นำมาใช้ในการซื้อห้องชุด 2 ห้อง ในอาคารโครงการ ชิลค์ เพลส พหลโยธิน หลักสี่ เขตบางเขน กทม. ดังกล่าว
พบว่า นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ชำระเงินจอง 120,000 บาท และชำระเงินค่าห้องชุด 2 ห้อง จำนวน 4,818,760 บาท เป็นตั๋วแลกเงิน 2 ฉบับ ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขานราธิวาส โดย บริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูล บริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด พบว่า เป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างถนน และสะพานในช่วงที่ นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส เป็นผู้ขอซื้อตั๋วแลกเงินดังกล่าว
ก่อนที่ นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ จะใช้ชื่อ "นางสุดจิตร์ เครือฟั่น" ซึ่งเป็นญาติ เป็นผู้ซื้อและถือกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดดังกล่าวแทน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ดำเนินการไต่สวนเบื่องต้น และมีคำสั่งอายัดห้องชุดดังกล่าว ไว้ชั่วคราว
เบื้องต้น นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ยื่นคําร้องคัดค้าน ระบุว่า ห้องชุด 2 ห้อง ไม่ใช่ทรัพย์สินของตนเอง แต่เป็นของมารดา ให้นางสุดจิต เครือฟัน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนเพื่อจะขายต่อในลักษณะซื้อมาขายไปเมื่อได้กําไร
แต่เนื่องจากในช่วงที่ทําสัญญาซื้อขายแม่และน้าสาว มีโรคประจําตัวไม่สามารถดําเนินการได้ด้วยตนเอง
น้าสาว จึงมอบอํานาจให้ตนดําเนินการแทน จึงได้นําเงินสดที่แม่มอบไว้ให้ตนเองให้ กรรมการบริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด ช่วยซื้อตั๋วแลกเงินนํามาให้ตนที่กรุงเทพมหานคร
แต่พนักงานบริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด ไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวเป็นของตน
จึงได้ซื้อตั๋วแลกเงิน ในนามของบริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด
นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ยังยืนยันด้วยว่า เงินที่แม่ นํามาซื้ออาคารชุดเป็นรายได้จากการประกอบอาชีพรับราชการ ธุรกิจซื้อขายที่ดิน และการให้กู้ยืมเงิน
จึงขอให้ยกคําร้อง และถอนการอายัดห้องชุดทั้ง 2 ห้องดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ศาลฯ เห็นว่า พฤติการณ์ของ นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ น่าเชื่อว่าเจตนาที่จะซื้อห้องชุดทั้ง 2 ห้อง โดยใช้ชื่อบุคคลอื่น เพื่อมิให้มีหลักฐานแสดงว่า ตนเองมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ และเห็นควรให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
ส่วนรายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลฯ เป็นอย่างไรนั้น จะขอนำมาเสนอในตอนต่อไป
กล่าวสำหรับ บริษัท เอส.โอ.เอ็น. เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด มิได้ถูกกล่าวโทษเป็นจำเลยหรือมีความผิดในคดียึดทรัพย์นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ด้วยแต่อย่างใด
แต่ในส่วน นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสถาพัฒน์ไปแล้ว กรมทางหลวง โดยนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท มีคำสั่งกรมทางหลวง ที่ 1157/2560 ลงโทษไล่นายสถาพัฒน์ออกจากราชการไปแล้ว