"...สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ในฐานะผู้นำเจ้าพนักงานเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินโดยที่ไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 และ 41577 ตำบลเนินหอมมาก่อน ส่วนโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 ตำบลเนินหอม แม้พื้นที่บางส่วนจะเป็นที่ดินตาม น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ได้ซื้อมาจริง แต่มิได้มีการทำประโยชน์ไปถึงพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 กลับนำเดินสำรวจเข้าไปในพื้นที่ที่ตนไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ซึ่งอยู่นอกหลักฐาน น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม โดยแจ้งความอันเป็นเท็จว่าตนได้ที่ดินมาถูกต้องและได้ครอบครองทำประโยชน์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด..."
การชี้มูลความผิดทางคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดจากศาล
คือ ประโยคสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ทิ้งท้ายไว้
ในการนำเสนอข่าวมติที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญา นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี เพิ่มอีกหนึ่งคดี หลังจากถูกชี้มูลความผิดพร้อมกับ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี บิดาไปก่อนหน้านี้
โดยคดีใหม่นี้ เป็นกรณีถูกกล่าวหาร่วมกันดำเนินการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576, 41577, 41578, 41579 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 4 แปลง รุกล้ำพื้นที่อุทยานชาติเขาใหญ่ และที่หลวงหวงห้ามของรัฐ โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ผู้ถูกกล่าวหา มีจำนวน 7 ราย คือ 1. นายจีรศักดิ์ ผลสุข เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดสระบุรี - นครนายก -ปราจีนบุรี - สระแก้ว 2. นางสุรางค์ คัณฑารมย์ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ 3. นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด 4. นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ 5. นายประทาน บานชื่น เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัด 6. นายคณิต เพชรประดับ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ช่างสำรวจ 6 ส่วนวิศวกรรม สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ และ 7. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ในฐานะผู้นำเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576, 41577,41578 ผู้ถูกกล่าวส่วนใหญ่มีความทางอาญาและวินัยร้ายแรง บางรายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่ในส่วนการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41579 เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด
ขณะที่การชี้มูลความผิดคดีนี้ ของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ นั้น ป.ป.ช.จะแบ่งออกเป็น 2 คดี คือ คดีทางอาญา ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ส่วนคดี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดข้อเท็จจริงกล่าวหาและพฤติการณ์ ของผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้
@ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2545 กรมที่ดินได้จัดทำโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ มีการกำหนดให้อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพื้นที่เป้าหมายในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินแบบใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ
โดยมีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
ระหว่างการปฏิบัติงานภาคสนาม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ได้รายงานเหตุขัดข้องในการปฏิบัติหน้าที่ว่าระวางแผนที่กรมที่ดิน หมายเลข 5237 ll 6072 มีเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สองเส้นไม่สัมพันธ์กัน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งได้รับรายงานเหตุดังกล่าว จึงได้ประสานขอกับจังหวัดปราจีนบุรี ในการส่งระวางแผนที่ไปให้กรมป่าไม้ทำการตรวจสอบ
แต่จากการไต่สวนข้อเท็จริงพบว่า ในระวางแผนที่กรมที่ดินหมายเลข 5237 ll 6072 มีเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติที่ใช้ได้เพียงเส้นเดียว
เพราะตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2536 ได้มีการขีดฆ่าเส้นแนวเขตเดิมที่นายณรงค์ ปรีชารณเสฎฐ์ ได้ขีดไว้ครั้งแรกเมื่อปี 2535 อยู่ก่อนแล้ว
กรมป่าไม้ ได้มอบหมายตามลำดับชั้น จนถึงผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ให้เป็นผู้ตรวจสอบแนวเขตระหว่างวันที่ 1 - 8 มีนาคม 2545
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในพื้นที่จริงเพื่อนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตามที่ได้มอบหมาย
แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ได้ขีดและรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใหม่อีกเป็นเส้นที่สาม โดยขีดฆ่าเส้นแนวเขตเดิมที่นายณรงค์ ปรีชารณเสฎฐ์ ได้ขีดไว้ครั้งแรกเมื่อปี 2535 และเส้นแนวเขตที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เองเป็นคนขีดไว้เองเมื่อปี 2536 (เป็นการแก้ไขเส้นแนวเขตที่ตนเองทำโดยอ้างว่าในปี 2545 ได้ใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำกว่าจึงมีตำแหน่งที่ถูกต้องกว่า)
การแก้ไขเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติโดยขีดแนวเขตใหม่ดังกล่าว เป็นการกระทำโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมป่าไม้ก่อน ซึ่งไม่เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติตามที่ผู้แทนกรมป่าไม้ได้ให้การไว้
เมื่อมีการส่งระวางแผนที่กรมที่ดิน หมายเลข 5237 ll 6072 กลับมายังศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินฯ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ได้ใช้ระวางแผนที่ดังกล่าวในการเดินสำรวจเพื่อตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ซึ่งปรากฏว่าในบริเวณทิศตะวันออกของระวางแผนที่ดังกล่าว มีการออกโฉนดที่ดินจำนวน ๓ แปลง ที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป คือ โฉนดที่ดินเลขที่ 41577, 41578 และ 41579 ตำบลเนินหอม และมีโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 ตำบลเนินหอม อีกแปลงหนึ่งที่ออกในโครงการเดินสำรวจปีงบประมาณ 2545 ซึ่งเป็นของเจ้าของเดียวกัน คือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7) อยู่ในพื้นที่ติดกัน
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่มีการขีดและรับรองไว้ทั้งสามเส้นในระวางแผนที่กรมที่ดิน หมายเลข 5237 ll 6072 พบว่าการขีดแนวเขตในครั้งที่สอง และครั้งที่สาม กระทำโดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ทั้งสองครั้ง โดยมิได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมป่าไม้ ในทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแนวเขตเดิมที่มีการถ่ายทอดไว้
จึงเป็นการขีดและรับรองแนวเขตโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้ และลักษณะของเส้นแนวเขตยังมีความแตกต่างจากแนวเขตที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยึดถือตามคำสั่งที่ 97/2558 ลงวันที่ 15 มกราคม 2558 จึงเห็นว่าต้องยึดถือแนวเขตที่นายณรงค์ ปรีชารณเสฎฐ์ ได้ขีดไว้ครั้งแรกเมื่อปี 2535 เพราะเป็นเส้นแนวเขตที่กระทำโดยชอบด้วกฎหมาย และมีความสอดคล้องกับแนวเขตที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยึดถือ ซึ่งได้ผ่านการสำรวจสภาพพื้นที่จริง และมีการถ่ายทอดลงระวางแผนที่แล้ว
@ ผลการไต่สวนข้อเท็จจริง
จากการไต่สวนข้อเท็จจริง พบการดำเนินการออกโฉนดที่ดินแต่ละแปลงโดยมิชอบด้วยกฎหมายดังนี้
1. โฉนดที่ดินเลขที่ 41576 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีน
โฉนดที่ดินแปลงนี้ จากการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ พบร่องรอยการทำประโยชน์เป็นนาข้าวมาแต่เดิม โดยเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ของนาง ค. และนาย ต. และได้ขายให้คนในตระกูลพรประภา ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีการขายให้คนในตระกูวิลาวัลย์หรือขายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 มาก่อน แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 กลับนำมากล่าวอ้างว่าได้ที่ดินโดยซื้อมาจากนาย บ. และ นาย บ. ได้ที่ดินมาจากนาย ข. ซึ่งได้ไต่สวนนาย บ. และทายาทของนาย ข. แล้ว ให้การสอดคล้องกันว่า ไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้มาก่อนจึงไม่อาจขายให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ได้
แต่ผู้ถูกกล่าวหารายที่มีหน้าที่สอบสวนสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินแปลงนี้ให้ได้ความว่าเป็นของผู้นำเดินสำรวจ (ผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน) หรือไม่ กลับจดแจ้งข้อเท็จจริงไปตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 กล่าวอ้าง โดยไม่มีการเรียกนาย บ. มาสอบสวนก่อน ทั้งที่บุคคลที่เกี่ยวข้องก็อยู่อาศัยในท้องที่ตำบลเนินหอมอยู่ตลอด และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในฐานะผู้กำกับการเดินสำรวจ มีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานสอบสวนสิทธิ ก็ได้มีความเห็นให้เรียกเจ้าของที่ดินเดิมมาสอบสวน แต่กลับนำเสนอประวัติการครอบครองที่ไม่ถูกต้องต่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จนมีการลงนามออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 ตำบลเนินหอม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ซึ่งแสดงถึงการร่วมมือกันกระทำความผิด
สำหรับการปฏิบัติงานรังวัดของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 พบว่าแม้ที่ดินจะไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ที่ดินมีเนื้อที่บางส่วน (ประมาณร้อยละ 5) อยู่ในเขตปริมณฑลเขา 40 เมตร แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 จะทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตปริมณฑลเขาก็ตามแต่เมื่อตำแหน่งของที่ดินมิได้อยู่ห่างจากแนวเขตเขามดแดงทางทิศตะวันออกอย่างชัดเจน อยู่ในวิสัยของผู้มีวิชาชีพช่างที่สมควรต้องตรวจสอบการรุกล้ำทับซ้อนกับเขตเขา เขตความลาดชัน และเขตปริมณฑลเขา 40 เมตร ก่อนเมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มิได้ดำเนินการส่งตำแหน่งที่ดินไปตรวจสอบเขตเขากับความลาดชัน และไม่เรียกนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเนินหอม มาระวังชี้แนวเขตเขาและปริมณฑลเขา จึงเป็นกระทำโดยประมาทเลินเล่อเมื่อเป็นผลโดยตรงให้เกิดการออกโฉนดที่ดินในที่หลวงหวงห้าม จึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
2. โฉนดที่ดินเลขที่ 41577 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
โฉนดที่ดินแปลงนี้ จากการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์และจากการตรวจสอบประวัติการครอบครองก็ไม่ปรากฎว่านาย บ. และนาย ข. เคยครอบครองที่ดินแปลงนี้มาก่อน แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 กลับกล่าวอ้างว่าซื้อมาจากนาย บ. ซึ่งได้ที่ดินมาจากนาย ข (จดแจ้งเหมือนโฉนดที่ดินเลขที่ 41576) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ก็ได้จดแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวในใบไต่สวน โดยมิได้มีการเรียกเจ้าของที่ดินเดิมมาสอบสวนทั้งที่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้ และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็มิได้มีความเห็นให้เรียกเจ้าของที่ดินเดิมมาสอบสวน แต่กลับนำเสนอประวัติการครอบครองที่ไม่ถูกต้องต่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จนมีการลงนามออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577 ตำบลเนินหอม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ซึ่งแสดงถึงการร่วมมือกันกระทำความผิด
สำหรับการปฏิบัติงานรังวัดของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 พบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเดิมกับแนวเขตที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นครั้งที่ 3 เมื่อได้ยึดถือว่าแนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแนวเขตที่มีการขีดและรับรองครั้งแรก ที่ดินแปลงนี้จึงอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และยังอยู่ในเขตปริมณฑลเขา 40 เมตร เกือบทั้งแปลงอีกด้วย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ย่อมทราบข้อเท็จจริงว่าที่ดินอยู่ในเขตปริมณฑลเขาจากการลงสำรวจรังวัดที่ดิน ว่าที่ดินอยู่ใกล้แนวเขตตีนเขามดแดง แต่กลับไม่รายงานให้มีการตรวจสอบก่อน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ย่อมทราบตำแหน่งที่ดินว่าอยู่ในพื้นที่ปัญหาคาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเดิมกับแนวเขตใหม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ตนได้เสนอเหตุขัดข้องที่ไม่มีอยู่จริงว่าแนวเขตอุทยานแห่งชาติไม่สอดคล้องกันแล้ว จึงเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ทราบว่าที่ดินอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ส่งระวางแผนที่ให้ขีดและรับรองแนวเขตใหม่เช่นเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงทราบว่าที่ดินแปลงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่กลับไม่มีการสั่งการให้ทำการสอบสวนสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินและการทำประโยชน์ให้มีความชัดเจน แต่กลับลงนามออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
3. โฉนดที่ดินเลขที่ 41578 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
โฉนดที่ดินแปลงนี้เป็นการนำเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินโดยมีหลักฐานเดิมเป็น น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม จากการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ และการไต่สวนทายาทของเจ้าของ น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม เห็นว่าตำแหน่งของ น.ส. 3 เลขดังกล่าว จะอยู่คาบเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ในบริเวณตอนล่างของแปลงกับที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 41579 ตำบลเนินหอม ทั้งแปลง
ส่วนที่ดินทางตอนบนของที่ดินแปลงนี้ (โฉนดที่ดิน 41578) จะไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ แต่กลับปรากฏว่ามีการนำเดินสำรวจเข้าไปในบริเวณที่ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์ จึงเป็นการนำที่ดินนอกหลักฐานและไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้มาดำเนินการออกโฉนดที่ดิน และที่ดินนอกหลักฐานดังกล่าวยังปรากฏว่าเป็นที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อยู่ในเขตเขา และเขตปริมณฑลเขา 40 เมตร ซึ่งต้องห้ามมีให้ออกโฉนดที่ดินอีกด้วย
สำหรับการปฏิบัติงานรังวัดของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 พบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเดิมกับแนวเขตที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นครั้งที่สาม เมื่อได้ยึดถือว่าแนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแนวเขตที่มีการขีดและรับรองครั้งแรก ที่ดินแปลงนี้จึงอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และยังอยู่ในเขตเขา ปริมณฑลเขา 40 เมตร ประมาณร้อยละ 40 - 50 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ย่อมทราบข้อเท็จจริงว่าที่ดินอยู่ในเขตปริมณฑลเขาจากการลงสำรวจรังวัดที่ดิน ว่าที่ดินอยู่ใกล้แนวเขตตีนเขามดแดง แต่กลับไม่รายงานให้มีการตรวจสอบก่อน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ย่อมทราบตำแหน่งที่ดินว่าอยู่ในพื้นที่ปัญหาคาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเดิมกับแนวเขตใหม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ตนได้เสนอเหตุขัดข้องที่ไม่มีอยู่จริงว่าแนวเขตอุทยานแห่งชาติไม่สอดคล้องกันแล้ว จึงเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ทราบว่าที่ดินอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ส่งระวางแผนที่ให้ขีดและรับรองแนวเขตใหม่เช่นเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ 5 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงทราบว่าที่ดินแปลงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประกอบกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในพื้นที่เกิดเหตุมีแนวเขตสอดคล้องไปกับแนวเขตตีนเขามดแดง แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กลับไม่มีการสั่งการให้ทำการสอบสวนสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินและการทำประโยชน์ให้มีความชัดเจน และไม่มีการดำเนินการส่งตำแหน่งที่ดินไปตรวจสอบเขตเขาและปริมณฑลเขา 40 เมตร หรือแจ้งให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเนินหอม มาระวังชี้รับรองแนวเขต แต่กลับลงนามออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
4. โฉนดที่ดินเลขที่ 41579 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
จากการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศที่ดินแปลงนี้มีการครอบครองทำประโยชน์เต็มทั้งแปลงมาแต่เดิม และเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหลักฐาน น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม ซึ่ง น.ส. 3 ดังกล่าว มีหลักฐานการครอบครองเดิม ส.ค 1 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม ซึ่งเป็นของนาย ช. และนาง ย. ที่ดินแปลงนี้จึงมีประวัติการครอบครองมาตั้งแต่ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
จึงรับฟังได้ว่าการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41579 ตำบลเนินหอม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 5 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 มิได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ไม่มีมูลเห็นควร ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ซึ่งได้ลงมือขีดและรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติใหญ่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำความผิดในครั้งเดียวกันซึ่งมีผลแห่งการกระทำเป็นการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577 และ 41578 ตำบลเนินหอม โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และแม้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 จะได้ลงมือขีดและรับรองแนวเขตเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2545 ก็ตาม แต่การกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ซึ่งเป็นความผิดที่มีผลแห่งการกระทำเป็นองค์ประกอบความผิด (อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) และผลแห่งการขีดและรับรองแนวเขตของผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นอกจากจะทำให้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเนื้อที่ลดลงแล้ว ยังเป็นผลโดยตรงให้มีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577และ 41578 ตำบลเนินหอม ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อมีการออกโฉนดที่ดินเป็นผลแห่งการกระทำความผิดโดยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2545 (วันที่ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577) จึงต้องเริ่มนับอายุความ 20 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2545 คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ในฐานะผู้นำเจ้าพนักงานเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินโดยที่ไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 และ 41577 ตำบลเนินหอมมาก่อน ส่วนโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 ตำบลเนินหอม แม้พื้นที่บางส่วนจะเป็นที่ดินตาม น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ได้ซื้อมาจริง แต่มิได้มีการทำประโยชน์ไปถึงพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 กลับนำเดินสำรวจเข้าไปในพื้นที่ที่ตนไม่เคยครอบครองทำประโยชน์ซึ่งอยู่นอกหลักฐาน น.ส. 3 เลขที่ 104 ตำบลเนินหอม โดยแจ้งความอันเป็นเท็จว่าตนได้ที่ดินมาถูกต้องและได้ครอบครองทำประโยชน์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด
@ ผลการชี้มูลของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ส่วนผลการชี้มูลของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วดังนี้
1. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41576 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น กระทำการโดยไม่มีเจตนาในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย ส่วนนางสุรางค์ คัณฑารมย์ และ นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง นายคณิต เพชรประดับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ข้อหาตกไป ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
2. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41577 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นางสุรางค์ คัณฑารมย์ นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายคณิต เพชรประดับ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง
3. การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นายสมศักดิ์ หีบเงิน นายประทาน บานชื่น นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายคณิต เพชรประดับ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง ส่วนนางสุรางค์ คัณฑารมย์ เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป ขณะที่ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ มีมูลความผิดทางอาญา และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41578 จะขาดอายุความ 20 ปี ในวันที่ 20 สิงหาคม 2565 นี้)
4. การออกโฉนดที่ดินเลข 41579 นายจีรศักดิ์ ผลสุข นางสุรางค์ คัณฑารมย์ นายสมศักดิ์ หีบเงิน นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติหรือจำรูญหิน นายประทาน บานชื่น เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป เช่นเดียวกัน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ที่เห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไปด้วย
ขณะที่ในการชี้มูลความผิดคดีนี้ ของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ป.ป.ช.จะแบ่งออกเป็น 2 คดี คือ คดีทางอาญา ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ส่วนคดี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย
ผลการต่อสู้ชั้นศาลในคดีนี้ของ นางกนกวรรณ และพวก รวมถึงคดีแรกที่ถูกชี้มูลความผิดพร้อมกับ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ผู้เป็นบิดาไปก่อนหน้านี้
จะออกมาเป็นอย่างไร คงต้องติดตามดูกันต่อไป
อ่านประกอบ :
- ศาลคดีทุจริตให้ 'สุนทร วิลาวัลย์' ได้ประกันตัววงเงิน 6 แสน ตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอก ปท.
- ภาพชุด ‘สุนทร’ เข้ามอบตัว หลังโดนหมายจับ11วัน วัดใจ มท.สรุปผลสอบผิดจริยธรรมหรือไม่?
- เบื้องลึก! หมายจับ 'สุนทร’ ฉบับที่ 2 อัยการ แนะนำ ป.ป.ช. - เปิดช่องสู้คดีหรือไม่?
- ศาลคดีทุจริตออกหมายจับใหม่'สุนทร'รุกป่าเขาใหญ่ ไม่นับอายุความขณะจำเลยหลบหนี
- รอ อสส.ชี้ชะตาสั่งฟ้องหรือไม่! เปิดข้อมูลคดี 2 'สุนทร-พวก' รุกอุทยานฯ อ.ประจันตคาม250ไร่
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่