"...หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท ควรเพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้ผู้กระทำผิดมีความเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำความผิดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด..."
..................................
ยังคงเป็น ‘ปัญหาใหญ่’ ที่ภาครัฐแก้ไม่ตก
สำหรับการจัดการปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นโยบายของภาครัฐ เช่น นโยบายเพื่อการแก้ปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าไม้ ,การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ และการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ เป็นต้น ได้เปิดช่องให้มีการบุกรุกและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ของรัฐโดยมิชอบมากขึ้น
ที่สำคัญนอกจากนโยบายของภาครัฐดังกล่าว มีความเสี่ยงที่จะเปิดช่องและเอื้อประโยชน์ให้ ‘นายทุน’ ใช้เป็นช่องว่างในการบุกรุกที่ดินของรัฐแล้ว ยังพบว่าหลายกรณีมี ‘เจ้าหน้าที่ของรัฐ’ ให้การสนับสนุน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ‘ร่วมกันทุจริต’ เสียเอง
จากปัญหาดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ กรณีปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในที่ดินป่า ตามหนังสือที่ ปช.0011/0083 ลงวันที่ 4 เม.ย.2565 มีรายละเอียด ดังนี้
@เสนอกำหนดแนวทางป้องกันนายทุนใช้‘นอมินี’ถือครองที่ดินแทน
ด้านการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
1) คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ควรบูรณาการหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อการบริหารจัดการที่ดิน ประกอบด้วย ข้อมูลการถือครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐในภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งกรณีที่มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิ และข้อมูลการยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐทุกประเภท รวมทั้งให้มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนด้วย
2) การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เห็นควรตรวจสอบและคัดกรองผู้มีคุณสมบัติด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักกับฐานข้อมูลระบบสวัสดิการแห่งรัฐ และข้อมูลการถือครองที่ดินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม และต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนในการครอบครองที่ดินของรัฐ รวมทั้งให้กำหนดแนวทางการแก้ปัญหาการให้ตัวแทนอำพราง (Nominee) ถือครองที่ดินแทนด้วย
3) การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีการตรวจติดตามการเปลี่ยนแปลงที่ดินของรัฐจากการบุกรุก และการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างสม่ำเสมอทุกปี
เพื่อมั่นใจว่าที่ดินที่มอบสิทธิในการใช้ประโยชน์ให้กับชุมชน ไม่ได้มีการขยายขอบเขตเพิ่มเติม และไม่ได้มีการถูกโอนหรือเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนหรือผู้มีอิทธิพล รวมทั้งมีการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การลงโทษ การยึดคืนที่ดิน เป็นต้น และการลงโทษข้าราชการที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ให้เกิดการบุกรุกและการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐโดยมิชอบ
4) พื้นที่ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีแผนงานโครงการในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับผู้ได้รับจัดที่ดิน รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ให้มีการใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดิน
@ชงรัฐบาลปรับปรุง ‘แผนที่’ แนวเขตที่รัฐแบบบูรณา ‘One Map’
ด้านการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ
1) รัฐบาลควรให้การสนับสนุนและเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สัมฤทธิผล สามารถบูรณาการแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐให้ชัดเจนและไม่ทับซ้อนกัน
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) กำหนดแผนการดำเนินงาน และกรอบระยะเวลาการดำเนินการที่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ เพื่อมิให้การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐเกิดความล่าช้า ให้มีการประกาศใช้แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ เฉพาะบริเวณพื้นที่ผ่านการปรับปรุงแนวเขตที่ดินที่เสร็จแล้ว และไม่มีปัญหาความขัดแย้งก่อน รวมทั้งให้เร่งรัดดำเนินการในพื้นที่เศรษฐกิจซึ่งที่ดินมีราคาสูงด้วย
2) ในขั้นตอนการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ เห็นควรให้มีการชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติและการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน
3) เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ ในบริเวณพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ รวมทั้งการพิจารณาช่วยเหลือเยียวยา หากการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชน
4) เมื่อดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ แล้วเสร็จ ในพื้นที่จังหวัดใด เห็นควรให้ดำเนินการเปิดเผยแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐที่ผ่านการรับรองแล้วในระบบอินเตอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชัน (Application)
@ต้องปัก‘หลักเขต-ป้าย-เครื่องหมาย’แสดงแนวเขตที่ดินรัฐให้ชัดเจน
ด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ
1) ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย
1.1) เมื่อมีการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ แล้ว หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท ควรมีการตรวจสอบแนวเขตที่ดินของรัฐอย่างละเอียดรอบคอบ โดยจะต้องดำเนินการจัดให้มีหลักเขต ป้าย และเครื่องหมายแสดงแนวเขตให้ชัดเจน
และต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ที่รับผิดชอบเพิ่มเติม รวมทั้งพัฒนาการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้บุกรุกในพื้นที่ใหม่ด้วยความรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-Information-Technology)
1.2) เห็นควรให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนในการบริหารจัดการที่ดินของรัฐทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป มีการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับการครอบครองหรือใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐอย่างมีส่วนร่วม
1.3) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท ควรเพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้ผู้กระทำผิดมีความเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำความผิดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มิใช่เพียงการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ควรบูรณาการหน่วยงานทั้งหมดที่มีการบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2465 เป็นต้น
@ห้าม‘หน่วยงานรัฐ’จัดหา‘สาธารณูปโภค’ให้กับพื้นที่ที่มีการบุกรุก
2) ด้านการบูรณาการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
2.1) เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้จังหวัดดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
และให้จำนวน คุณภาพ และขนาดที่ดินของรัฐ เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญด้านประสิทธิภาพในการบริหารราชการของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารพื้นที่ที่ดินของรัฐซึ่งต้องมีการประเมินผลการดำเนินงานในทุก 6 เดือน และ 12 เดือน
2.2) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท เช่น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมธนารักษ์ เป็นต้น ควรพิจารณากันพื้นที่ป่าที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ หรืออยู่ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2
และส่งมอบให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสร้างมาตรการป้องกันและดูแลให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
2.3) ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการจัดสาธารณูปโภคและสาธารณูปการหรือการให้บริการสาธารณะต่างๆ จัดบริการดังกล่าวแก่ผู้ที่บุกรุกที่ดินของรัฐ เช่น การออกเลขที่บ้าน น้ำประปา ไฟฟ้า การส่งเสริมอาชีพ การส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจ การจดทะเบียนสถานประกอบการ เป็นต้น และให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง
2.4) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินของรัฐทุกประเภท ควรมีการส่งเสริมการสร้างทัศนคติและปลูกจิตสำนึกให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน เพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมจากการทุจริต และให้สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและช่องทางของประชาชนในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสการบุกรุกที่ดินของรัฐ
@ปรับปรุงเกณฑ์อนุญาตใช้ที่ดินรัฐให้ชัดเจน-ลดการใช้ดุลพินิจ
ด้านการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินป่าไม้
1) การเข้าทำประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ทุกประเภทของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยจะต้องได้รับอนุญาตก่อน จึงจะเข้าดำเนินการได้
หากปรากฎว่า ยังมีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใด เข้าทำประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ให้ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการขอจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีแผนงานโครงการในที่ดินป่าไม้ เห็นควรประสานหน่วยงานผู้อนุญาตก่อนล่วงหน้า และหากยังไม่ได้รับอนุญาตห้ามมิให้จัดสรรงบประมาณให้
2) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่และอำนาจในการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินป่าไม้ทุกประเภท ควรจัดทำแผนที่แสดงความเหมาะสมการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้
โดยการจำแนกพื้นที่ต่างๆ (Zoning) ตามหลักวิชาการและหลักเกณฑ์การอนุญาตตามระเบียบการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินป่าไม้ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้หน่วยงานของรัฐใช้ในการวางแผน และใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะ
3) เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินป่าไม้ทุกประเภท ดังนี้
3.1) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีความชัดเจน เพื่อลดปัญหาการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐในการพิจารณา เช่น กรณีการกำหนดคำนิยามคำว่า ‘ไม่เป็นพื้นที่ป่าที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์’ ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ.2558 ให้มีความชัดเจน
3.2) ปรับปรุงการพิจารณาอนุญาต ให้มีการพิจารณาผ่านคณะกรรมการในระดับจังหวัด เช่น มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และองค์ประกอบของกรรมการประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่มีพื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบตามกฎหมายทุกแห่ง ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ป่าแห่งนั้นตั้งอยู่ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
3.3) ปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้เสีย จากโครงการของรัฐหรือที่รัฐอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าไม้ทุกประเภทให้มากขึ้น เช่น การประชาพิจารณ์ การสำรวจความคิดเห็น การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ เป็นต้น
โดยมุ่งให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโครงการ และรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการนั้น รวมทั้งความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนด้วย การติดตามเงื่อนไขการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินป่าไม้ เห็นควรให้ภาคประชาชน ชุมชน ผู้นำท้องที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม
และจะต้องเปิดเผยข้อมูลการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ ได้แก่ ชื่อหน่วยงาน/นิติบุคคล/บุคคลที่ขอใช้/บุคคลที่อยู่ระหว่างการขอ วัตถุประสงค์การขอใช้ แผนที่ ระยะเวลาเช่า และจำนวนพื้นที่ที่ขอใช้ทำประโยชน์ต่อสาธารณะ
เหล่านี้เป็นข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ กรณีปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในที่ดินป่า ที่เสนอให้ ครม.รับทราบ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป
ที่สำคัญหลังจาก ป.ป.ช. ได้มีข้อเสนอแนะ เรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ กรณีปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในที่ดินป่า ตามหนังสือที่ ปช.0011/0083 ลงวันที่ 4 เม.ย.2565 ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ครม. แล้ว
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. ได้ออกมาแถลงผลมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด สุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี เป็นทางการ หลังจากได้รับการประสานงานจากอัยการให้ตามตัวผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฯ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 13 มิ.ย.2565
หากนับระยะเวลาช่วงที่ ป.ป.ช.เสนอเรื่องต่อ ครม. กับการออกมาแถลงผลชี้มูลความผิดคดีนายสุนทร วิลาวัลย์ -พวก ห่างกันประมาณ 2 เดือน !
อ่านประกอบ:
- ปลดตอนนี้เร็วเกินไป! ปลัดมท.ขอรอผลสอบ 'สุนทร'ก่อน-เจ้าตัวยันไม่ใช่คนขี้โกงที่ดินมีเยอะ
- ศาลคดีทุจริตให้ 'สุนทร วิลาวัลย์' ได้ประกันตัววงเงิน 6 แสน ตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอก ปท.
- ภาพชุด ‘สุนทร’ เข้ามอบตัว หลังโดนหมายจับ11วัน วัดใจ มท.สรุปผลสอบผิดจริยธรรมหรือไม่?
- เบื้องลึก! หมายจับ 'สุนทร’ ฉบับที่ 2 อัยการ แนะนำ ป.ป.ช. - เปิดช่องสู้คดีหรือไม่?
- ศาลคดีทุจริตออกหมายจับใหม่'สุนทร'รุกป่าเขาใหญ่ ไม่นับอายุความขณะจำเลยหลบหนี
- รอ อสส.ชี้ชะตาสั่งฟ้องหรือไม่! เปิดข้อมูลคดี 2 'สุนทร-พวก' รุกอุทยานฯ อ.ประจันตคาม250ไร่
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่