"...มีข้อสังเกตสำคัญ คือ ถ้านายสุนทร เจ็บป่วยจริง สถานที่ที่นายสุนทร จำเป็นต้องพักรักษาตัว น่าจะหนีไม่พ้น 2 แห่ง คือ บ้านพัก หรือโรงพยาบาล แต่ทำไมการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ทุกยุทธวิธี ในการติดตามจับกุมตัวนายสุนทร ชนิดที่เรียกว่า ปูพรม พลิกแผ่นดิน ปราจีน ทุกซอยทุกตารางนิ้ว ก็ยังไม่พบเจอตัวนายสุนทรเลย ..."
"มีรายงานข่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา นายสุนทร วิลาวัลย์ ได้เดินทางไปขอเข้ามอบตัวตามหมายจับเป็นทางการแล้ว"
"โดย นายสุนทร ได้ไปมอบตัวที่อัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จังหวัดระยอง มีเจ้าหน้าที่ ปปช. และ ปปป.ตร. ร่วมดำเนินการ พาไปทำบันทึกการจับกุมและลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองระยอง จากนั้นจะมีการนำตัวส่งอัยการทุจริตภาค 2 เพื่อฟ้องคดีต่อศาลทุจริตศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไป"
คือ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงปี 2545 ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ มาตรา 151 ซึ่งปัจจุบันถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับฉบับที่ 2 หลังไม่ได้ทางเข้ารายงานต่อ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จังหวัดระยอง เพื่อให้นำตัวยื่นฟ้องคดีต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 ตามนัดหมาย
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับมอบภาพชุดการเข้ามอบตัวของนายสุนทร ในช่วงเช้าวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหากนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ถูกออกหมายจับฉบับแรก 10 มิ.ย.2565 จนถึงปัจจุบัน 21 มิ.ย.2565 จะมีระยะเวลาห่างกันประมาณ 11 วัน (ดูภาพประกอบ)
ขณะที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา ยืนยันว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ว่านายสุนทร เข้ามอบตัวตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วจริง
ส่วนแหล่งข่าวจากจังหวัดปราจีนบุรี ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า การเข้ามอบตัวของ นายสุนทร ครั้งนี้ เป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่าย เพราะปัจจุบันคดีนี้หมดอายุความไปแล้ว ทำให้นายสุนทร ได้เปรียบในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ผลการต่อสู้คดีจะออกมาเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป ส่วนการสอบสวนเรื่องการหลบหนีหมายจับ ของกระทรวงมหาดไทย นายสุนทร ก็สามารถต่อสู้ได้ว่า ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีหมายจับ แต่เพราะมีอาการเจ็บป่วย และได้ยื่นใบลาป่วย ไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา เคยรายงานไปแล้วว่า การหลบหนีหมายจับของ นายสุนทร วิลาวัลย์ อาจจะเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมผู้บริหารท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ประกาศเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ในหลายประการ อาทิ ในข้อ 4 ระบุไว้ใน (6) ว่า ผู้บริหารท้องถิ่นจะต้องไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
ข้อ 9 (2) ระบุว่า ผู้บริหารท้องถิ่นจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นพลเมืองดี ด้วยการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประมวลจริยธรรมนี้
(ดูรายละเอียดในประมวลจริยธรรมผู้บริหารท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย ที่นี่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/E/081/T_0006.PDF)
ขณะที่ ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ระบุเรื่องการพ้นตำแหน่งของ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในมาตรา 36 ดังนี้
(1) ถึงคราวออกตามวาระ (2) ตาย (3) ลาออก โดยยื่นหนังสือลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัด (4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 35/1 (5) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 44/3 (6) รัฐมนตรีสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 55 วรรคห้า หรือมาตรา 79 (7) ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (8) ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียงเห็นว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
หลังการสอบสวนหากพฤติการณ์ของ นายสุนทร เข้าข่ายเป็นการหลบหนีหมายจับจริง อาจจะเข้าเงื่อนไขเรื่องการพ้นตำแหน่งนายก อบจ. ตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 (6) รัฐมนตรีสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 55 วรรคห้า หรือ มาตรา 79
โดยในมาตรา 79 ระบุว่า เมื่อผลการสอบสวนตามมาตรา 77 วรรคสาม ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกสอบสวน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานให้รัฐมนตรีพิจารณาและสั่งให้ผู้ถูกสอบสวนพ้นจากตำแหน่งภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงาน ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่เพราะเหตุตาย หรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้วเกินสองปี โดยในคำสั่งดังกล่าวให้ระบุเหตุที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้มีผลตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีมีคำสั่ง แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานและการรับค่าตอบแทนที่ได้กระทำไปก่อนวันที่มีคำสั่งนั้น ถ้าในขณะที่มีคำสั่งดังกล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระหรือต่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกัน ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และให้ถือว่าวันที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
ในกรณีที่รัฐมนตรีเห็นควรให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมจากรายงานตามวรรคหนึ่ง จะสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนสั่งการก็ได้ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และรัฐมนตรีต้องสั่งการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น
ขณะที่ มาตรา 77 วรรคสาม ระบุว่า เมื่อความปรากฏโดยมีหลักฐานตามสมควรต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใด จงใจทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่อันจะเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งการตามวรรคสอง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยพลัน และให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น คงต้องย้อนกลับไปดูว่า นายสุนทร มีพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่า มีการหลบหนีหมายจับหรือไม่
ประการแรก
นายสุนทร ตกเป็นหนึ่งในผู้กล่าวหาที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญา ต่อมามีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องศาลฯ ตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่นายสุนทร ไม่ได้เดินทางไปตามนัดหมายจึงถูกออกหมายจับ หลังถูกออกหมายจับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามจับกุมตัว เป็นเวลานานถึง 5 วัน ไม่พบตัว และปัจจุบันมีการออกหมายจับฉบับที่ 2 ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวนายสุนทร มาได้
แม้จะมีคำชี้แจงจาก นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และ นายชาญชัย จินดาสถาพร รองนายกอบจ.ปราจีนบุรี ตรงกันว่า นายสุนทร มีอาการป่วยเข่า เดินไม่ได้ อยู่ระหว่างการพักรักษาตัว นายชาญชัย ยังยืนยันด้วยว่า นายสุนทร ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนี เมื่ออาการดีแล้ว จะเข้ามารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เพื่อสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างแน่นอน
แต่พฤติการณ์ของนายสุนทร ก็ยังมีข้อสังเกตสำคัญ คือ ถ้านายสุนทร เจ็บป่วยจริง สถานที่ที่นายสุนทร จำเป็นต้องพักรักษาตัว น่าจะหนีไม่พ้น 2 แห่ง คือ บ้านพัก หรือโรงพยาบาล
แต่ทำไมการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ทุกยุทธวิธี ในการติดตามจับกุมตัวนายสุนทร ชนิดที่เรียกว่า "ปูพรม" พลิกแผ่นดิน "ปราจีนบุรี" ทุกซอกทุกตารางนิ้ว
ก็ยังไม่พบเจอตัวนายสุนทรเลย ทำไมนายสุนทร ไม่ติดต่อกลับหาเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ ข่าวออกไปทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนั้น
ที่น่าสนใจ คือ ในการยื่นหนังสือลาป่วย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2565 ของนายสุนทร ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีการแนบใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานประกอบด้วยหรือไม่ หรือ แค่ทำหนังสือฉบับเดียวแล้วจบเท่านั้น
ประการสอง
การที่นายสุนทร ไม่ได้ถูกจับกุมตัว ก่อนวันที่ 13 มิ.ย.2565 ซึ่งเป็นวันที่คดีนี้หมดอายุความ จะทำให้นายสุนทร ได้เปรียบในการต่อสู้คดีในชั้นศาล ตามที่สำนักข่าวอิศรา นำเสนอไปแล้ว เพราะ แม้ศาลฯ จะอนุมัติใหม่จับฉบับใหม่ให้แล้ว เนื่องจากอายุความนับแต่วันเกิดเหตุ แม้ภายหลัง จะมี พ.ร.บ.ไม่ให้นับระยะเวลาที่หลบหนีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ แต่กฎหมายเป็นโทษ ไม่มีผลย้อนหลัง ตาม ป.อาญา มาตรา 2 ที่ระบุว่า "บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย"
" ถ้าตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง"
ทำให้ถูกมองอาจจะว่าเป็นแรงจูงใจสำคัญ ในการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในช่วงที่ผ่านมาได้
ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณชนไปแล้ว และเป็นสิ่งสำคัญที่ นายสุนทร จะต้องชี้แจงทำความจริงให้ปรากฎต่อไป
ณ วันนี้ ในส่วนของคดีความรุกป่าเขาใหญ่ นายสุนทร เข้ามอบตัวแล้ว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลแล้ว ก็คงต้องว่ากันตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
แต่ในส่วนผลการสอบสวนของกระทรวงมหาดไทย ว่านายสุนทร มีพฤติการณ์หลบหนีหมายจับ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมผู้บริหารท้องถิ่น จนทำให้ต้องถูกออกคำสั่งพ้นตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรีหรือไม่
ขณะที่ล่าสุด เมื่อเวลา 14.12 น. พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง เปิดเผยว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการทำบันทึกจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นการจับกุม ไม่ใช่การมอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เป็นผู้จับกุมตัวในพื้นที่ของ สภ.เมืองระยอง จึงมาขอใช้สถานที่ สภ.เมืองระยอง ในการทำบันทึกจับกุม หลังจากนั้นก็จะส่งตัวไปให้อัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
กระทรวงมหาดไทย จะสรุปผลออกมาแบบไหน?
นับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจับตามองกันต่อไป แบบห้ามกระพริบตา โดยเด็ดขาด
อ่านข่าวเรื่องเดียวกันประกอบ
- เบื้องลึก! หมายจับ 'สุนทร’ ฉบับที่ 2 อัยการ แนะนำ ป.ป.ช. - เปิดช่องสู้คดีหรือไม่?
- ศาลคดีทุจริตออกหมายจับใหม่'สุนทร'รุกป่าเขาใหญ่ ไม่นับอายุความขณะจำเลยหลบหนี
- รอ อสส.ชี้ชะตาสั่งฟ้องหรือไม่! เปิดข้อมูลคดี 2 'สุนทร-พวก' รุกอุทยานฯ อ.ประจันตคาม250ไร่
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่