"...เมื่อคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าว ยังมีผลใช้บังคับอยู่และมิได้ถูกเพิกถอนไป ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกคัดค้านหรือนายสราวุธ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐิวสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ผู้ถูกคัดค้านจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณธต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8)..."
กรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งถอนชื่อนายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม พ้นจากรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) หมายเลข 28 เนื่องจากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร เหตถูกคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) พิจารณาผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษไล่ออกจากราชการ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2565 ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีการพิจารณาวาระผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายสราวุธ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ในคดีโครงการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง เป็นศาลแพ่งและศาลอาญาพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท ที่ถูกร้องเรียนถึงปัญหาว่ามีเอกชนเข้ามาดำเนินการปรับปรุงอาคารก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะประกาศประกวดราคา และลงนามทำสัญญากับเอกชนอย่างเป็นทางการ และยังปรับปรุงศาลตลิ่งชันและศาลมีนบุรี รวมเป็น 134 ล้านบาทเศษด้วย ทั้งนี้ที่ประชุม ก.ต. มีมติ 12 ต่อ 3 เสียง เห็นว่า นายสราวุธ ผิดวินัยร้ายแรง และมีมติ 8 ต่อ 7 เสียง เห็นสมควรให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ
- กกต.ถอนชื่อ'สราวุธ เบญจกุล'พ้นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.มีคุณลักษณะต้องห้ามถูกไล่ออกจากราชการ
- ก.ต. ลงมติ 8:7 ไล่ออก 'สราวุธ' คดีศาลพระโขนง - เสียงข้างมากชี้ผิดวินัยร้ายแรง
กกต.วินิจฉัยกรณีนี้อย่างไร ? บรรทัดจากนี้เป็นคำวินิจฉัยฉบับเต็ม
คำวินิจฉัย กกต.ที่ 436/2565 วันที่ 9 พ.ค.2565 เรื่องการวินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ตามที่มีประกาศ กกต.ลงวันที่ 25 มี.ค.2565 เรื่องกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าฯ กทม. และประกาศผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 28 มี.ค.2565 เรื่องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. (ผ.ถ. 1/1) กำหนดวันเลือกตั้ง 22 พ.ค.2565 ต่อมามีประกาศลงวันที่ 11 เม.ย.2565 เรื่องบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งรับสมัครนายสราวุธ เบญจกุล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลข 28 นั้น
กรณีความปรากฏต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครว่า นายสราวุธ เบญจกุล หมายเลข 28 ผู้ถูกคัดค้าน ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
กกต.ได้พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ได้มีหนังสือด่วนที่ ที่ กท 0406/380 ลงวันที่ 2 พ.ค.2565 แจ้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครว่าในการประชุม ครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2565 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติว่าการกระทำของผู้ถูกคัดค้านเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ และการไม่ถือและปฏิบัตินั้นเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 77 (1) และ (3) สมควรไล่ออกจากราชการ และสำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งที่ 404/2565 สั่ง ณ วันที่ 22 เม.ย.2565 ไล่ผู้ถูกคัดค้านออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2565 เป็นต้นไป
ผู้ถูกคัดค้านหรือนายสราวุธ จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผุ้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8)
ผู้ถูกคัดค้านได้มีหนังสือและให้ถ้อยคำว่า ขณะที่ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2565 มิได้เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ต่อมาสำนักงานศาลยุติธรรมมีคำสั่งที่ 404/2565 สั่ง ณ วันที่ 22 เม.ย.2565 เรื่องไล่ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมออกจากราชการ โดยไล่ตนเองออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 30 มา.ค.2565 ซึ่งคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและยังไม่เป็นที่สุด
เนื่องจากก่อนที่จะมีคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าว ตนได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 889/2564 ณ วันที่ 19 ส.ค.2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎมหาย ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ตนยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด หากศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ชนะคดี คำสั่งไล่ออกจากราชการก็จะถูกเพิกถอนไป
เห็นว่า ตามคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 404/2565 สั่ง ณ วันที่ 22 เม.ย.2565 ไล่ผู้ถูกคัดค้านหรือนายสราวุธออกจากราชการเพราะผู้ถูกคัดค้านกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ถือและปฏิบัติตาระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติ่ของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ และการไม่ถือและปฏิบัตินั้นเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 77 (1) และ (3) ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2565 เป็นต้นไป อันเป็นระยะเวลาก่อนวันที่ผู้ถูกคัดค้านลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าว ยังมีผลใช้บังคับอยู่และมิได้ถูกเพิกถอนไป ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกคัดค้านหรือนายสราวุธ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐิวสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ผู้ถูกคัดค้านจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (8)
จึงมีคำสั่งให้ถอนชื่อนายสราวุธ เบญจกุล ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.