"...คณะกรรมการสอบสวนฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12310 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจริง เห็นควรเพิกถอน โฉนดที่ดินฉบับนี้..."
ประเด็นตรวจสอบความคืบหน้าคดีการออกโฉนดเกาะนุ้ยนอก เนื้อที่ 5 ไร่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมมีหนังสือแจ้งจังหวัดกระบี่ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป หลังจากหลายหน่วยงานเข้าทำการสอบสวนที่ดินแปลงนี้ ขณะที่ที่ดินดังกล่าวมีชื่อ นายจักรภพ กลิ่นหอม ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาความเชี่ยวชาญพิเศษ กองพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ อดีตผู้อำนวยการส่วน (พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ) ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ครอบครอง นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุดไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ศาลปกครองภูเก็ต ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ การดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวของศาลปกครองภูเก็ต ในคดีหมายเลขดำที่ ส.1/2565 ณ เกาะนุ้ยนอก ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยมีการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เจ้าของ-บริวาร ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่าต้นไม้ ทำให้พื้นที่เสื่อมสภาพไปจากเดิม ส่งผลกระทบระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม เพื่อคุ้มครองพื้นที่ประโยชน์สาธารณะ
ขณะที่ในเนื้อข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุด้วยว่า "อนึ่ง ที่มีข่าวในสื่อสารสังคมว่า อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 แล้วนั้น สำนักงานศาลปกครองภูเก็ตขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวในสื่อสารสังคม แต่ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นหลักฐานทางราชการที่เป็นที่ยุติว่า อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว และได้มีการดำเนินการทางธุรการอันมีผลให้การเพิกถอนโฉนดที่ดินเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในชั้นนี้จึงยังต้องถือว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ยังคงมีผลตามกฎหมายอยู่ ดังนั้น คำสั่งศาลที่ให้คุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวข้างต้น จึงมีผลตามกฎหมายต่อไป"
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นางสมบัติ จันทรลาวัณย์ รองอธิบดีที่ดิน ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน ได้ลงนามในคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 398/2565 เพิกถอนโฉนดที่ดิน เลขที่ 12360 ในคดีการออกโฉนดเกาะนุ้ยนอก เป็นทางการแล้ว
รายละเอียดในคำสั่งดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
ด้วยความปรากฏว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เนื้อที่ 5 ไร่ – งาน 02.3 ตารางวา ออกให้แก่ นายสมมิตร หาญทะเล เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ตามโครงการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดิน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 21หมู่ที่ 1 ตําบล อําเภอและจังหวัด เดียวกัน ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ วรรคสอง (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ต่อมานายสมมิตรฯ ได้ขอจดทะเบียน ขายที่ดินให้แก่ นายจักรภพ กลิ่นหอม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ปัจจุบันมีชื่อ นายจักรภพฯ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ไม่มีภาระผูกพัน เป็นโฉนดที่ดินที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏตามผลการตรวจสอบ ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคําสั่งกรมที่ดิน ที่ 2156/2564 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะปุ๋ยนอก ได้ออกไม่ตรงตามหลักฐาน ศ.ศ. 1 เลขที่ 21 ที่ใช้เป็นหลักฐาน ในการออกโฉนดที่ดิน โดยตําแหน่งที่ดินตามหลักฐาน ส.ศ. 1 ดังกล่าว ตั้งอยู่บนเกาะปอ และได้ออกเป็น น.ส. 3 ก. เลขที่ 223 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ให้แก่ นายเงิน หาญทะเล ตามโครงการเดินสํารวจออก น.ส. 3 ก. เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2521 แล้ว
โดยเป็นที่ดินบางส่วนของ น.ส. 3 ก. ดังกล่าว แต่นายเงินฯ ระบุว่าเป็นที่ดิน ที่ไม่มีหลักฐานสําหรับที่ดิน โฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ตั้งอยู่ในระวางแผนที่ หมายเลข 4824 II 1034 ซึ่งจังหวัดกระบี่ ไม่ได้ประกาศกําหนดระวางดังกล่าวเป็นท้องที่เดินสํารวจฯ รวมทั้ง สํานักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม ส่วนแยกเกาะลันตา ไม่ได้ส่งมอบคําขอออกโฉนดที่ดินตามส.ค. 1 ดังกล่าวให้ศูนย์อํานวยการเดินสํารวจฯ รับไปดําเนินการ แต่อย่างใด ผู้ปกครองท้องที่ที่ร่วมในการพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์คือ นายวีระยุทธ หาญกล้า ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตําบลเกาะลันตาน้อย แต่ตําแหน่งโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ ซึ่งเป็นคนละตําบลกัน ผลการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงของคณะกรรมการฯ ปรากฏว่า ที่ดินมีสภาพเป็นป่าไม้ ไม่มีร่องรอยการทําประโยชน์ จึงเป็นโฉนดที่ดินที่ออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. 1 สําหรับที่ดินแปลงอื่น โดยออกให้แก่ผู้ที่ไม่ได้ครอบครอง และทําประโยชน์ในที่ดิน รวมทั้งที่ดินมีสถานะเป็นเกาะซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2546 ข้อ 14 (3) จึงเป็นโฉนดที่ดิน ที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ วรรคสอง (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จะต้องมีคําสั่ง เพิกถอนโฉนดที่ดินฉบับดังกล่าว และรองอธิบดีซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายได้มีคําสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2376/2564 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 63 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้ว
คณะกรรมการสอบสวนฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 12310 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจริง เห็นควรเพิกถอน โฉนดที่ดินฉบับนี้
ฉะนั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 และกฎกระทรวง กําหนด หลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง การทําประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 ประกอบกับคําสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 227/2565 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง มอบหมายให้รองอธิบดีกรมที่ดินมีอํานาจหน้าที่พิจารณาและมีคําสั่งตามมาตรา 61) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แทนอธิบดีกรมที่ดิน จึงมีคําสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12360 ตําบลเกาะลันตาใหญ่ อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ตลอดจนเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด :
ทั้งนี้ ให้หมายเหตุการเพิกถอนไว้ให้ทราบตามระเบียบและวิธีการด้วย
อนึ่ง โดยที่คําสั่งนี้เป็นคําสั่งทางปกครองอันอาจอุทธรณ์ต่อไปได้ หากผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะ อุทธรณ์หรือโต้แย้งคําสั่งนี้ให้ยื่นอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมที่ดิน ณ กรมที่ดิน ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง คําสั่งตามนัยมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ หากครบกําหนดระยะเวลาในการพิจารณาของผู้มีอํานาจพิจารณาอุทธรณ์ ตามนัยมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2560) ออกตามความใน พระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว ไม่ว่าจะมีคําวินิจฉัยของผู้มีอํานาจพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ก็ตามผู้มีส่วนได้เสีย สามารถที่จะยื่นคําฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลําเนาหรือศาลปกครองภูเก็ตที่มูลคที่เกิดขึ้น หรือส่งคําฟ้องทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองดังกล่าว ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- พบปมไปราชการภาคใต้! คณะพนง.สอบดีเอสไอ ขอข้อมูลเดินทางขรก.คดีถือครองโฉนดเกาะนุ้ยนอก
- ชาวบ้านยื่นหนังสือถึง ผบช.ภ.8 ให้ตรวจสอบปมออกโฉนดบนเกาะนุ้ยนอก
- 'นิพนธ์'สั่งฟันไม่เลี้ยง จนท.เอี่ยวคดีเกาะนุ้ยนอก เร่งเพิกถอนโฉนดที่ออกโดยมิชอบ
- อธิบดี DSI ย้าย จนท. 21 ราย - ผอ.เจ้าของโฉนดเกาะนุ้ยนอกไปอยู่งานสนับสนุนคดีพิเศษ
- ผลสอบชัด ส.ค.1 บิน! กรมที่ดินตั้งกก.สอบออกโฉนดเกาะนุ้ยนอก ฟันวินัยร้ายแรงจนท.-อาญา
- ป.ป.ช.กระบี่ ประชุมรับสอบคดีโฉนดที่ดินเกาะนุ้ยนอก ขายให้ จนท.ดีเอสไอ วันนี้
- 'อัจฉริยะ'แจ้งตำรวจป่าไม้ตรวจสอบรุกที่ดินเกาะนุ้ยนอก เชื่อมีนายทุน-ทำเป็นขบวนการ
- คลุมทั้งเกาะนุ้ยนอก! ภาพที่ตั้งโฉนด 5 ไร่ ขายให้ จนท.ดีเอสไอ
- อธิบดี DSI สั่งสอบปมมีข่าวเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรับโอนโฉนดที่ดินเกาะนุ้ยนอก จ.กระบี่
- กรมที่ดินตั้งกก.เพิกถอนเอกสารสิทธิ์เกาะนุ้ยนอกแล้ว- พยานสารภาพออกให้โดยไม่มีระวาง
- มีมากกว่า19 แห่งซ้ำรอยเกาะนุ้ยนอก! พยานพบคกก.ชุด'พลังชาติ' ชี้ปมเอกสารสิทธิ์ พังงา-กระบี่
- ยังไม่มีหลักฐานอธิบดีที่ดินเพิกถอนโฉนด! ศาลปค.ภูเก็ต สั่งคุ้มครองชั่วคราวคดีเกาะนุ้ยนอก