ในหลายประเทศในทวีปยุโรปนั้นเริ่มที่จะมีการยกเลิกมาตรการการตรวจหาเชื้อสำหรับนักเดินทางต่างประเทศแล้ว และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปยังได้มีการยกเลิกการบังคับการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและผู้ที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการติดเชื้อเป็นระยะเวลาไม่นาน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าทวีปยุโรปนั้นได้ยุติมาตรการห้ามการเดินทางอันไม่จำเป็น
สืบเนื่องจากกระแสข่าวการเปิดประเทศเพื่อรับการท่องเที่ยวอีกครั้งของประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 1 เม.ย.นั้น ประเทศไทยจะมีการ ปรับเปลี่ยน ไม่ต้องตรวจเชื้อก่อนเดินทาง แต่เมื่อมาถึงให้ตรวจ RT-PCR พักโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (SHA Extra Plus) ตรวจ ATK วันที่ 5 ประกัน 20,000 USC เริ่มวันที่ 1 เมษายน ทั้งนี้ที่ประชุมหารือเรื่องการลดเงินประกัน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย โดยจะขอดูอีกสักพักเพื่อพิจารณาปรับอีกครั้ง
จากกรณีดังกล่าวนั้นสำนักข่าอิศรา (www.isranews.org) ได้สืบค้นรายงานต่างประเทศเพื่อจะสำรวจรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกข้อจำกัดอันเกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 โดยมีรายละเอียดน่าสนใจดังนี้
@ประเทศแคนาดา
สำหรับนักเดินทางที่ต้องการจะไปประเทศแคนาดา ประเทศแคนาดาได้มีการประกาศว่าจะมีการยกเลิกมาตรการตรวจหาเชื้อโควิดสำหรับนักเดินทางที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว โดยจะเริ่มมาตรการใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้
อนึ่งเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ก่อนหน้านี้ ประเทศแคนาดาได้ใช้มาตรการสุ่มตรวจนักเดินทางที่เดินทางมาถึงประเทศแคนาดา ไม่ว่านักเดินทางคนนั้นจะมีการฉีดวัคซีนมาแล้วหรือไม่ได้ฉีด
แต่อย่างไรก็ตามข้อกำหนดการตรวจหาผู้ติดเชื้อนั้นจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงสำหรับนักเดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยผู้ที่จะถึประเทศแคนาดาได้นั้นมีความจำเป็นจะต้องแสดงผลตรวจหาโควิดเป็นลบจากวิธีการตรวจแบบ RT-PCR เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนที่จะออกเดินทาง หรือหลักฐานว่ามีผลตรวจโควิดเป็นบวกเป็นระยะเวลา 10-180 วันก่อนจะเดินทางมาถึงประเทศแคนาดา
@ประเทศเม็กซิโก
ประเทศเม็กซิโกนั้นไม่มีการระบุถึงข้อกำหนดด้านการตรวจหาเรื่องหรือข้อกำหนดจากวัคซีนแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างยิ่งถ้าหากจะมีการเข้าประเทศเม็กซิโกผ่านทางพรมแดนของประเทศสหรัฐฯ
@ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน
ไม่มีข้อกำหนดในการตรวจหาเชื้อหรือว่าข้อกำหนดด้านวัคซีนสำหรับผู้เดินทางเข้าสู่สารณรัฐโดมินิกัน โดยประเทศนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียนที่มีการผ่อนปรนข้อกำหนดการเข้าประเทศมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามอาจจะมีการตรวจสุขภาพแบบสุ่มตรวจเกิดขึ้นบ้างสำหรับผู้เดินทาง
@ประเทศคอสตาริก้า
นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป นักเดินทางต่างประเทศจะไม่ต้องมีการแสดงหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนหรือว่ากรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางสำหรับไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งในช่วงเดือน มี.ค.นี้นั้น หลักฐานดังกล่าวยังคงจะเป็นสำหรับการเข้าประเทศคอสตาริก้า
@ประเทศอารูบา
นับแต่วันที่ 19 มี.ค.เป็นต้นไป นักเดินทางไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจก่อนเดินทางเป็นลบหรือว่าผลยืนยันการฉีดวัคซีน อย่างไรก้ตาม นักเดินทางทุกคนจะต้องมีประกันสำหรับผู้มาเยือนอารูบา
@ประเทศเบลีซ
ผู้ที่เดินทางซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีผลการตรวจโควิดเป็นลบก่อนเดินทาง แต่นักเดินทางทุกคนจะเป็นต้องมีประกันสุขภาพสำหรับการเดินทางที่ถูกต้อง และจะต้องพำนักในสถานที่ที่ถูกรับรองโดยรัฐบาล
@ประเทศเอลซัลวาดอร์
ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้มีการยกเลิกข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางและข้อกำหนดด้านวัคซีนตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564
@หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา
หมู่เกาะแห่งนี้ถือว่ามีข้อแตกต่างจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนักเดินทางนั้นจะต้องมีผลการตรวจหาโควิดเป็นลบจึงจะสารมารถเข้าประเทศได้ ขณะที่นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนเดินทางแต่อย่างใด
@ประเทศเปอร์โตริโก
ผู้เดินทางเข้าเปอร์โตริโกนั้นไม่ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดด้านการตรวจหาเชื้อโควิด ถ้าหากมีผลการฉีดวัคซีนมาแสดง โดยข้อกำหนดนี้มีผลสำหรับผู้เดินทางที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
@ทวีปยุโรป
ในหลายประเทศในทวีปยุโรปนั้นเริ่มที่จะมีการยกเลิกมาตรการการตรวจหาเชื้อสำหรับนักเดินทางต่างประเทศแล้ว และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปยังได้มีการยกเลิกการบังคับการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและผู้ที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการติดเชื้อเป็นระยะเวลาไม่นาน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าทวีปยุโรปนั้นได้ยุติมาตรการห้ามการเดินทางอันไม่จำเป็น
รายงานข่าวองค์การอนามัยโลกหรือ WHO แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาดหลังจากที่มีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันไวรัส (อ้างอิงวิดีโอจาก Euronews)
ทั้งนี้การห้ามการเดินทางนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ประเทศอื่นๆอันเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรปหรือว่าอียูได้มีการยกเลิกมาตรการการทดสอบหาเชื้อโควิดสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมีประเทศได้แก่ ฝรั่งเศส,เยอรมนี,อิตาลีโปรตุเกส,สเปน,สวิตเซอร์แลนด์,สาธารณรัฐเชก และตุรกี
ส่วนประเทศถัดจากนี้นั้นเป็นอีกหลายประเทศที่ได้มีการผ่อนปรนสำหรับนักเดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือว่าได้รับวัคซีนบางส่วน และประเทศเหล่านี้ยังรวมไปถึงประเทศที่มีการผ่อนปรนสำหรับนักเดินทางที่มีความจำเป็นจะต้องฉีดวัคบูสเตอร์เพื่อให้ได้สถานะการฉีดวัคซีนครบโดส โดยมีรายชื่อประเทศดังต่อไปนี้
@ประเทศไอร์แลนด์
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้มีการยกเลิกข้อกำหนดด้านการฉีดวัคซีนและการทดสอบหาเชื้อโควิดตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการเข้าประเทศที่ระบุไว้โดยสหราชอาณาจักร ถ้าหากผู้เดินทางต้องการเข้าไปยังภูมิภาคไอร์แลนด์เหนือ
@สหราชอาณาจักร
นับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.เป็นต้นมา นักเดินทางจากต่างประเทศ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบหรือว่าผลการฉีดวัคซีนเพื่อที่จะเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น สหราชอาณาจักรได้มีการออกข้อกำหนดว่าหลังจากถึงประเทศแล้วจะต้องมีการแสดงผลการตรวจหาเชื้อไวรัสและต้องมีการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเป็นจำนวนมาก
@ภูมิภาคยุโรปตอนเหนือ
ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคยุโรปตอนเหนือแล้วโดยมากจะมีการปิดพรมแดนสำหรับผู้เดินทางตลอดช่วงเวลาของการระบาด แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศดังต่อไปนี้ได้มีการเปิดรับนักเดินทางได้อย่างไม่มีข้อจำกัดแล้ว ได้แก่ ไอซ์แลนด์,กรีนแลนด์,นอร์เวย์ และฟินแลนด์
โดยประเทศฟินแลนด์นั้นเพิ่งจะมีการเพื่อประเทศอย่างไม่มีข้อจำกัดเฉพาะกับกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นเดียวกับปะเทศไอซ์แลนด์ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆในยุโรปที่ได้ยกเลิกข้อจำกัดและเปิดให้เข้าประเทศได้อีกครั้ง
@ประเทศในกลุ่มบอลข่าน
ประเทศในกลุ่มภูมิภาคบอลข่านเหล่านี้ เป็นประเทศที่ผู้เดินทางสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยมีประเทศได้แก่ ฮังการี,มอนเตเนโกร,โรมาเนีย และสโลวีเนีย
ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ของฝรั่งเศสประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการตัดสินใจที่มีแรงจูงใจทางการเมือง (อ้างอิงวิดีโอจาก WION)
@ทวีปแอฟริกา
ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและผู้ที่เพิ่งหายป่วยจากโควิดสามารถเดินทางเข้าประเทศแอฟริกาได้บางประเทศโดยไม่มีข้อจำกัด อย่างไรก็ตามประเทศส่วนมากในภูมิภาคนี้ยังคงมีการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19
@ประเทศอียิปต์
ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนนั้นจะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดการตรวจหาเชื้ออันเป็นข้อบังคับของผู้เดินทางที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
@ประเทศตูนีเซีย
ประเทศตูนีเซียไม่มีการระบุข้อกำหนดในเรื่องของการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศแต่อย่างใด
@ประเทศมอริเชียส
ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องมีการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางถ้าหากผู้เดินทางได้มีการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อหลังจากมาถึงแล้วถึงว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในวันแรกของการเข้าพัก
@ประเทศในตะวันออกกลางและในเอเชีย
การเดินทางในภูมิภาคเหล่านี้นั้นยังคงเป็นสิ่งที่ไม่มีข้อจำกัดสำหรับนักเดินทางที่แม้จะไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยในหลายประเทศในเอเชียนั้นมีการกำหนดให้นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมีความจำเป็นจะต้องได้รับการตรวจหาโควิดจึงจะเข้าประเทศได้ อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่ใกล้กับเอเชียและในเอเชียที่เริ่มจะมีการผ่อนปรนในด้านการตรวจหาเชื้อบ้างแล้ว
@ประเทศจอร์แดน
ประเทศจอร์แดนนั้นไม่มีข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อสำหรับทั้งนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม
@ประเทศอินเดีย
ประเทศอินเดียไม่ได้มีข้อบังคับในด้านการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่ผู้ซึ่งยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้นจำเป็นต้องมีผลตรวจหาเชื้อก่อนที่จะเดินทางมาถึง
@ประเทศเนปาล
ประเทศเนปาลอนุญาตให้ผู้เดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่มีข้อจำกัด ขณะที่ผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้นยังไม่สามารถเข้าประเทศได้ ณ เวลานี้
@ประเทศมัลดีฟส์
ประเทศมัลดีฟส์ได้ยุติมาตรการฉุกเฉินด้านสุขภาพไปตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ ณ เวลานี้ไม่มีข้อกำหนดทั้งในด้านการฉีดวัคซีนหรือข้อกำหนดด้านการตรวจหาเชื้อสำหรับนักท่องเที่ยว และมีรายงานด้วยว่าไม่มีการใช้มาตรการกักตัวแล้วเช่นกัน
@ประเทศเซเชลส์
ประเทศเซเชลส์ยังเป็นอีกประเทศที่ได้ยกเว้นข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อ โดยนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางมาถึงอีกต่อไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีผลไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวอิศรา รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่าสำนักข่าวลาวเทียนไทม์ส ของสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือ สปป.ลาวยังได้มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดประเทศเวียดนาม และประเทศกัมพูชา ที่เป็นประเทศซึ่งมีกำหนดการยกเลิกมาตรการตรวจหาเชื้อโควิดเอาไว้ มีรายละเอียดดังนี้
@ประเทศเวียดนาม
ในวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามได้มีการระกาศว่าจะมีการเปิดประเทศสำหรับชาวต่างชาติที่มีผลการตรวจ RT-PCR เป็นลบเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง หรือว่าผลการตรวจ ATK เป็นลบเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
โดยผู้ที่ไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้ก่อนออกเดินทางมาเวียดนามจะสามารถตรวจหาเชื้อได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเดินทางมาถึง และจะได้รับอนุญาตให้ออกนอกที่พักอาศัยได้หากมีผลตรวจเป็นลบ ซึ่งผู้เดินทางทุกคนนั้นจะต้องมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นติดตามตำแหน่ง ขณะที่เด็กซึ่งอายุต่ำกว่า 2 ปีไม่จำเป็นต้องได้รับการทดสอบหาเชื้อแต่อย่างใด
@ประเทศกัมพูชา
ขณะที่ประเทศกัมพูชาที่มีอัตราการฉีดวัคซีนอยุ่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์นั้นได้มีการลดข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 17 มี.ค.เพื่อหวังที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีประเทศ
เรียบเรียงจาก:https://www.forbes.com/sites/geoffwhitmore/2022/03/18/countries-to-visit-with-no-covid-19-testing-requirements/?sh=6d34a9814f1e,https://laotiantimes.com/2022/03/21/vietnam-cambodia-and-thailand-open-to-free-independent-travel/