"...สำนักข่าวอิศรา สืบค้นฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่า อบจ.เลย เคยปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาจัดซื้อ อุปกรณ์ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน กับ องค์การค้าของ สกสค. ตามสัญญาเลขที่ 1/2551 มูลค่างานตามสัญญา 5,000,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 19 ต.ค.2550 สิ้นสุดสัญญา 17 ม.ค.2551 ..ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า เกี่ยวกับคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้มีมติชี้มูลความผิด นายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ และพวก มาสักระยะแล้ว ..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ได้เผยแพร่ข่าวผลการชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา นายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เลย กับพวก กำหนดราคามาตราฐานในการเสนอราคาจัดซื้ออุปกรณ์ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ด้วยวิธีพิเศษ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคาบางราย เป็นทางการ
ระบุว่า เป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน งบประมาณ 5,000,000 บาท เพื่อมอบให้โรงเรียนเหมืองแบ่งวิทยา อ.วังสะพุง จ.เลย ด้วยวิธีกรณีพิเศษ กับ องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและมีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะที่เอื้อประโยชน์ให้องค์การค้าของ สกสค. ที่ทำสัญญาฝากขายไว้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลยโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคากันอย่างเป็นธรรม
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่า อบจ.เลย เคยปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาจัดซื้อ อุปกรณ์ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน กับ องค์การค้าของ สกสค. ตามสัญญาเลขที่ 1/2551 มูลค่างานตามสัญญา 5,000,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 19 ต.ค.2550 สิ้นสุดสัญญา 17 ม.ค.2551
ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า เกี่ยวกับคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้มีมติชี้มูลความผิด นายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ และพวก มาสักระยะแล้ว
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของนายธนาวุฒิ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัตัหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ นายธนาวุฒิ ยังมีความผิดทางวินัยฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งได้ ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2546 มาตรา 79
แต่มีกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย 1 เสียง คือ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ที่เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของนายธนาวุฒิ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นความเสียหายแก่รัฐ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ มาตรา 157 ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ โดยทุจริตทำการออกแบบ กำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนอันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใด ได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมีให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 11 และ มาตรา 12
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ นายธนาวุฒิ ที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยดังกล่าวแล้ว ยังมี นายเยี่ยมยรรยง อ่อนโก้ก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางศิริพร สีดาราช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางทองดี ศุภสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางสาวฉวีวรรณ บัวระภา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา และวินัยร้ายแรงด้วย
ส่วนนายบำเรอ ภานุวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
เบื้องต้น ที่ประชุมได้มีมติ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ นายเยี่ยมยรรยง อ่อนโก้ก นางศิริพร สีดาราช นางทองดี ศุภสาร และนางสาวฉวีวรรณ บัวระภา ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายเยี่ยมยรรยง อ่อนโก้ก นางศิริพร สีดาราช นางทองดี ศุภสาร และนางสาวฉวีวรรณ บัวระภา และ ส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็น ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับนายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป โดยให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนนายธนาวุฒิ พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อนึ่ง เกี่ยวกับคดีจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กับองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ในช่วงที่ผ่านมานั้น เคยมีคดีของ นายพรชัย โควสุรัตน์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี ที่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนลงโทษจำคุก เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญาไปแล้ว ขณะที่ นายพรชัย หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาศาล มีการสั่งออกหมายจับตัวนายพรชัย แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ตัวมา
ส่วนผลการต่อสู้คดีนี้ของ นายธนาวุฒิ และพวก ในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูกันต่อไป
แบบห้ามกระพริบตาโดยเด็ดขาด
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า นายธนาวุฒิ เป็นสามี นางใยอนงค์ ทิมสุวรรณ มีตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี