"...การที่จําเลยที่ 1 อ้างว่า เชื่อโดยสุจริตใจว่า สามารถทําสัญญาซื้อขายกับองค์การของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษได้ มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่กระทําตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือพอที่จะรับฟังให้เป็นคุณ แก่จําเลยที่ 1 ว่า มิได้มีเจตนากระทําความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ "ลับหลัง" นายพรชัย โควสุรัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ในฐานะจำเลย 2 คดีทุจริตดัง
คดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืน ให้จำคุก นายพรชัย เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญา
ส่วน คดีทุจริตก่อสร้างสะพาน วงเงิน 2.7 ล้านบาท ศาลอุทธรณ์ ก็มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี สำหรับจำเลยอีก 1 ราย ให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ยังได้สั่งออกหมายจับนายพรชัย มารับโทษตามคำพิพากษาทั้ง 2 คดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา นายพรชัย หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งแรก และได้สั่งออกหมายจับตัวนายพรชัยให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 แต่ยังไม่ได้ตัวนายพรชัยมา ขณะที่หมายจับดังกล่าวหมดอายุไปแล้ว
@นายพรชัย โควสุรัตน์
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้จำคุก นายพรชัย เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ก่อนที่ ศาลอุทธรณ์ จะมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ มีรายละเอียดสำคัญดังนี้
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้
ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุ นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
นายเกษม กลั่นยิ่ง จําเลยที่ 2 ดํารงตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และรักษาการในตําแหน่งผู้อํานวยการองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.)
นายบำเรอ ภานุวงศ์ จําลยที่ 3 ดํารงตําแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา และรักษาการในตําแหน่งผู้อํานวยการองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.)
หนึ่ง.
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2549 นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อสื่อการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ให้กับโรงเรียน ในโครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ฯ จํานวน 29 โรงเรียน ที่อยู่ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (จัดซื้อชุดทดลองและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์) กับองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่ นายเกษม กลั่นยิ่ง จําเลยที่ 2 มีอํานาจ หน้าที่ควบคุม กํากับดูแลรับผิดชอบอยู่ จํานวน 686 รายการ ตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 9/2550 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ในวงเงินงบประมาณ 21,630,000 บาท โดยวิธีกรณีพิเศษสินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าวองค์การค้าของ สกสค. ไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่เป็นสินค้าของบริษัท อินเทลเลคท์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ได้ทําสัญญาฝากขายและสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้าของ สกสค. โดยองค์การค้าของ สกสค. จะได้รับบําเหน็จตอบแทนในอัตราร้อยละ 5 ของยอดราคาจําหน่าย
สอง.
เมื่อระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2550 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อตามโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับโรงเรียนที่สังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กับองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 8/2551 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 ในวงเงิน 9,985,000 บาท ที่ นายบำเรอ ภานุวงศ์ จําเลยที่ 3 มีอํานาจหน้าที่ควบคุม กํากับดูแล รับผิดชอบอยู่ โดยวิธีกรณีพิเศษ สินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าว องค์การค้าของ สกสค. ไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่เป็นสินค้าของบริษัท อินเทลเลคท์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ได้ทําสัญญาฝากขายสินค้าและสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้าของ สกสค. โดยองค์การค้าของ สกสค. จะได้รับบําเหน็จตอบแทนในอัตราร้อยละ 5 ของยอดราคาจําหน่าย
สาม.
เมื่อระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อหนังสือสําหรับห้องสมุดตามโครงการพัฒนา ห้องสมุดโรงเรียนฯ จํานวน 10 โรงเรียน ที่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กับองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสติภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่ นายบำเรอ ภานุวงศ์ จําเลยที่ 3 มีอํานาจหน้าที่ควบคุม กํากับดูแลรับผิดชอบอยู่ จํานวนรวม 707 รายการ เป็นสินค้าของบริษัท สํานักพิมพ์เพชรกะรัต จํากัด จํานวน 397 รายการ และเป็นสินค้าของบริษัท ยูไนเต็ดเอ็มพอร์เรียม จํากัด จํานวน 310 รายการ ตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 16/2551 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ในวงเงิน 21,980,108 บาท โดยวิธีกรณีพิเศษ สินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าว องค์การค้าของ สกสค. ไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่เป็นสินค้าของบริษัท สํานักพิมพ์เพชรกะรัต จํากัด และบริษัท ยูไนเต็ดเอ็มพอร์เรียม จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ได้ทําสัญญาฝากขายสินค้าและสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้าของ สกสค. โดยองค์การค้าของ สกสค. จะได้รับบําเหน็จตอบแทนในอัตราร้อยละ 5 ของยอดราคาจําหน่าย
สี่.
เมื่อระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2551 นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ได้ดําเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนฯ จํานวน 12 โรงเรียน ที่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (จัดซื้อสมุดและหนังสือยืมเรียน) ตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 21/2551 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2551 ในวงเงิน 7,296,000 บาท กับองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่ นายบำเรอ ภานุวงศ์ จําเลยที่ 3 มีอํานาจหน้าที่ควบคุม กํากับดูแลรับผิดชอบอยู่โดยวิธีกรณีพิเศษ สินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าว องค์การค้าของ สกสค. ไม่ได้เป็นผู้ผลิต แต่เป็นสินค้าของบริษัท สหไทยศึกษาภัณฑ์กาฬสินธุ์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ได้ทําสัญญา ฝากขายสินค้าและสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้าของ สกสค. โดยองค์การค้า ของ สกสค. จะได้รับบําเหน็จตอบแทนในอัตราร้อยละ 5 ของยอดราคาจําหน่าย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ ซื้อชุดทดลองและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ จัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดซื้อหนังสือสําหรับห้องสมุด และจัดซื้อสมุดและหนังสือยืมเรียน ตามฟ้อง
นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 ใช้อํานาจดําเนินการจัดซื้อโดยชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 และมติ คณะรัฐมนตรีหรือไม่
นายเกษม กลั่นยิ่ง จําเลยที่ 2 และ นายบำเรอ ภานุวงศ์ จําเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทําความผิดหรือไม่
การไต่สวนพยานหลักฐานจากการพิจารณาของศาล ประกอบรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ได้ข้อเท็จจริงจาก ว่าที่ร้อยตรี ส. ผู้อํานวยการกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ดําเนินการขออนุมัติจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ ซื้อชุดทดลองและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ จัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดซื้อหนังสือสําหรับห้องสมุด และจัดซื้อสมุดและหนังสือยืมเรียน ซึ่งทั้งสี่โครงการได้เสนอผ่านผู้อํานวยการกองพัสดุและทรัพย์สินถึง นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 เพื่อพิจารณาอนุมัติ
โดยเสนอเพื่อพิจารณาให้กองพัสดุและทรัพย์สินได้ดําเนินการตรวจสอบและพิจารณาตามอํานาจ หน้าที่ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในการดําเนินการจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษจากองค์การค้าของ สกสค. ตามบันทึกปากคําผู้ให้ถ้อยคํากับคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ปป.ช. ประกอบบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริง
สรุปได้ความว่า ก่อนการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการ นายพรชัย โควสุรัตน์ จําเลยที่ 1 แจ้งนโยบายให้นาย ช. (เจ้าหน้าที่) ทราบว่า มีนโยบายจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการดังกล่าวด้วยวิธีกรณีพิเศษ โดยกําชับให้จัดซื้อโดยตรงกับองค์การค้าของ สกสค.อย่างเป็นการเร่งด่วน และแนะนําให้ติดต่อประสานงานกับบุคคลชื่อ ต. หรือ ข. ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทอินเทเลคท์ จํากัด และบุคคลชื่อ ต. และชื่อ ก.
นาย ช. แจ้งให้นาง พ. (เจ้าหน้าที่) และนางสาว ศ. (เจ้าหน้าที่) ทราบนโยบายของจำเลยที่ 1 แล้ว ให้ดําเนินการจัดซื้อให้เสร็จโดยเร็วตามที่ได้รับคําสั่งการจากจําเลยที่ 1
นาง พ. และ นางสาว ศ. ได้รีบดําเนินการจัดทําเอกสาร จัดหนังสือสอบถามราคา บันทึกขออนุมัติจัดซื้อ หนังสือเชิญเสนอราคา สัญญาซื้อขาย หนังสือส่งสําเนาสัญญาซื้อขาย
จนกระทั่งจําเลยที่ 1 ลงนามในสัญญาซื้อขายกับองค์การค้าของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษ ทั้งสี่โครงการ ซึ่งเป็นการจัดซื้อแต่ละโครงการใช้ระยะเวลาการดําเนินการไม่นาน
นางสาว ศ. ให้ข้อเท็จจริงว่าการจัดซื้อในโครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ (จัดซื้อชุดทดลองและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์) ใช้ระยะเวลาในการลงวันที่ในเอกสาร คือ ตั้งแต่วันที่ 12 -15 ธันวาคม 2549 วันที่ 18 ธันวาคม 2549 มีการลงนามในสัญญาซื้อขาย โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้ระยะเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 26 - 28 มีนาคม 2550 โครงการพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน (จัดซื้อหนังสือเฉพาะห้องสมุด) และโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนฯ (จัดซื้อสมุดและหนังสือยืมเรียน) จัดทําเอกสารทุกขั้นตอนในคราวเดียวกัน นางสาว ศ . จัดทําเอกสารต่าง ๆ ให้ครบถ้วนและรีบดําเนินการโดยด่วนที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามคําสั่งการและนโยบายของจําเลยที่ 1
เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว ฟังได้ว่า จําเลยที่ 1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ดําเนินการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการ โดยกําหนดให้จัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษและดําเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ติดต่อประสานข้อมูลรายละเอียด ของพัสดุที่จะจัดซื้อกับบุคคลที่จําเลยที่ 1 แนะนําไว้
การที่จําเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานมีอํานาจหน้าที่สั่งอนุญาตและสั่งอนุมัติเกี่ยวกับราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 มีอํานาจในการสั่งซื้อสั่งจ้างตามข้อบัญญัติ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตามระเบียบมติคณะรัฐมนตรี กฎ ประกาศ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการจะต้องจัดซื้อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อทั้งสี่โครงการ
การจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการแต่ละโครงการ มีราคาเกิน 2,000,000 บาท ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 ข้อ 15 กําหนดว่าการจัดซื้อหรือจ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งมีราคาเกิน 2,000,000 บาท ข้อ 19 กําหนดว่าการซื้อหรือ การจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการ บริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เป็นผู้ผลิตวัสดุหรือทํางานจ้างนั้นเอง และนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อหรือจ้าง (2) มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้ซื้อหรือจ้าง และกรณีนี้ให้รวมถึงหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดด้วย
เมื่อพิจารณาจากการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการ แต่ละโครงการใช้งบประมาณเกิน 2,000,000 บาท การจัดซื้อ ต้องดําเนินการโดยวิธีประกวดราคาตามที่กําหนดไว้ใน ข้อ 15 แต่หากจะจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษ ในข้อ 19 (2) กําหนดให้มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้ซื้อหรือจ้าง และกรณีนี้ให้รวมถึงหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดด้วย
การที่จําเลยที่ 1 สั่งการให้จัดซื้อพัสดุ ทั้งสี่โครงการแต่ละโครงการมีราคาเกิน 2,000,000 บาท โดยให้จัดซื้อด้วยวิธีกรณีพิเศษ โดยอาศัยอํานาจการสั่งซื้อตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหาร ราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 ข้อ 19 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2519 แจ้งตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร 0202/3 ลงวันที่ 14 มกราคม 2519 นั้น
มติคณะรัฐมนตรีที่จําเลยที่ 1 อ้างประกอบการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการยังมีผลใช้บังคับให้ จําเลยที่ 1 จัดซื้อทั้งสี่โครงการ โดยวิธีกรณีพิเศษได้หรือไม่
จากการพิจารณาหนังสือกรมบัญชีกลาง ลับ ด่วนที่สุด ที่ กค 0421.3/08605 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการได้รับสิทธิพิเศษขององค์การค้าของ สกสค.เรียนประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว 138 ลงวันที่ 19 กันยายน 2527 กรมบัญชีกลางได้ชี้แจงไว้ในข้อ ข....มีคําสั่งชี้แจงในหน้า 1554 และ 1555 ว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2527....เห็นชอบให้ยกเลิกมติสภาบริหาร คณะปฏิวัติและมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ให้ยกเลิกเฉพาะส่วน ได้แก่ ...2 .ให้ยกเลิกทั้งฉบับ ดังนี้ ...2.2 มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2519 แจ้งตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร 0202/ว 3 ลงวันที่ 14 มกราคม 2519 ...หากนับระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีมีมติคณะรัฐมนตรีตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว138 ลงวันที่ 19 กันยายน 2527 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2519 แจ้งตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร 0202/ว 3 ลงวันที่ 14 มกราคม 2519 จนกระทั่งถึงวันที่มีการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการ มีช่วงเวลาห่างกันไม่น้อยกว่ายี่สิบปี
มติคณะรัฐมนตรี ดังกล่าวย่อมเป็นที่ทราบกันแพร่หลายแล้ว หากผู้มีอํานาจจัดซื้อจัดจ้าง อย่างเช่นกรณีของจําเลยที่ 1 ตรวจสอบให้ชัดเจนถึงการใช้มติคณะรัฐมนตรีในการอ้างประกอบการจัดซื้อก็ย่อมจะทราบว่า มติคณะรัฐมนตรีที่ใช้อ้างนั้นถูกต้องหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานรัฐ
แต่การที่ จําเลยที่ 1 จัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการโดยวิธีกรณีพิเศษ โดยอ้างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2539 ข้อ 19 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2519 แจ้งตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร 0202/ว3 ลงวันที่ 14 มกราคม 2519 ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว
จึงเป็นการจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษที่ไม่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้จัดซื้อได้
การจัดซื้อทั้งสี่โครงการจึงเป็นการจัดซื้อที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 15, ข้อ 19 และเป็นการเสียหายแก่รัฐและองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์
การกระทําของจําเลยที่ 1 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157
การที่จําเลยที่ 1 สั่งการให้จัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการโดยวิธีกรณีพิเศษกับองค์การค้าของ สกสค. โดยมิได้ทําการจัดซื้อ โดยวิธีประกวดราคาเพื่อให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมกับผู้ค้าราย อื่นๆ จึงเป็นการกระทําโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออํานวยแก่องค์การค้าของ สกสค. เป็นผู้มีสิทธิ์ทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12
ที่จําเลยที่ 1 ต่อสู้คดีว่า การทําสัญญาซื้อขายทั้งสี่โครงการมีเจ้าหน้าที่พัสดุ หัวหน้าฝ่ายพัสดุ ผู้อํานวยการกองพัสดุและทรัพย์สินเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างโดยตรงย่อมรอบรู้กฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้ทําการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ก่อนที่จะมีการจัดซื้อทั้งสี่โครงการ มีองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งอื่นก็จัดซื้อจัดจ้างกับองค์การค้าของ สกสค.โดยวิธีกรณีพิเศษก่อนแล้ว
จําเลยที่ 1 เชื่อโดยสุจริตใจว่า สามารถทําสัญญาซื้อขายกับองค์การค้าของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษได้ มิได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่กระทําตามมติคณะรัฐมนตรี ตามนัยหนังสือสํานักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว138 ลงวันที่ 19 กันยายน 2527 เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่จําเลยที่ 1 สั่งการให้นาย ช. นาง พ. และนางสาว ศ. เจ้าหน้าที่พัสดุดําเนินการจัดซื้อพัสดุทั้งสี่โครงการ โดยวิธีกรณีพิเศษ เจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อพัสดุตามคําสั่งการของจําเลยที่ 1 แต่เป็นการจัดซื้อพัสดุที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากคําสั่งการของจําเลยที่ 1 โดยตรง
การที่จําเลยที่ 1 อ้างว่า เชื่อโดยสุจริตใจว่า สามารถทําสัญญาซื้อขายกับองค์การของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษได้ มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่กระทําตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือพอที่จะรับฟังให้เป็นคุณ แก่จําเลยที่ 1 ว่า มิได้มีเจตนากระทําความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด
สําหรับการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 นั้น เมื่อการกระทําของจําเลยที่ 1 เป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อันเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จําเป็นต้องปรับบทความผิดตาม มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
ส่วนปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จําเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่จําเลยที่ 1 ในการสั่งซื้อสื่อการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ (ซื้อชุดทดลองวิทย์และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์) ตามสัญญาซื้อขายเสขที่ 9/2550 หรือไม่ จําเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จําเลยที่ 1 ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 8/2551 จัดซื้อหนังสือสําหรับห้องสมุดตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 16/2551 และจัดซื้อสมุดและหนังสือยืมเรียนตามสัญญาซื้อขายเลขที่ 21/2551 หรือไม่
เห็นว่า จากรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ข้อเท็จจริงว่า องค์การค้าของ สกสค. เดิมเป็นองค์การค้าคุรุสภาซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติครู พ.ศ.2488 ต่อมามีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ได้กําหนดให้องค์การค้าของคุรุสภามาเป็นส่วนงานของสํานักงานคณะกรรมการ สกสค. และเปลี่ยน ชื่อเป็นองค์การค้า สกสค. มีวัตถุประสงค์ให้องค์การค้าของ สกสค. ดําเนินการทางธุรกิจทางการค้า จัดหารายได้และผลประโยชน์เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามระเบียบคณะกรรมการองค์การค้าของ สกสค. ว่าด้วยการดําเนินการทางธุรกิจขององค์การค้า สกสค. พ.ศ.2549 ผู้อํานวยการค้าองค์การค้า สกสค. มีอํานาจหน้าที่ควบคุม กํากับ ดูแลรับผิดชอบ
ขณะเกิดเหตุจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 เป็นผู้รักษาการในตําแหน่ง ผู้อํานวยการค้าของ สกสค. เมื่อองค์การค้าของ สกสค. ภายใต้การควบคุม กํากับ ดูแลรับผิดชอบ ของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ได้รับหนังสือแจ้งจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีว่า มีความประสงค์จะจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ (ชุดทดลองและอุปกรณ์ทาง วิทยาศาสตร์) ครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนังสือสําหรับห้องสมุดและหนังสือยืมเรียนจากองค์การค้าของ สกสค. สินค้าและครุภัณฑ์ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีมีความประสงค์ที่จะจัดซื้อนั้น องค์การค้าของ สกสค. มีสินค้าและครุภัณฑ์ ที่มีบริษัทเอกชนได้ทําสัญญาฝากขายสินค้าและสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้า ของ สกสค. พร้อมที่จะจําหน่ายให้กับองค์กาผู้บริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีตามที่แจ้งมา
องค์การค้าของ สกสค.ภายใต้การควบคุม กํากับ ดูแลรับผิดชอบของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดําเนินการทางธุรกิจทางการค้าก็ชอบที่จะสนองตอบกับการเสนอขอซื้อดังกล่าว โดยทําการค้าขายสินค้าและครุภัณฑ์กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนการจัดซื้อสินค้า หรือครุภัณฑ์ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจะจัดซื้อกับองค์การค้าของ สกสค.นั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจะจัดซื้อตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุ ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 ด้วยวิธีการตกลงราคา วิธีสอบราคา วิธีประกวดราคา วิธีพิเศษ วิธีกรณีพิเศษ ตามที่กําหนดไว้ในข้อ 12 ของระเบียบดังกล่าวนั้น จําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนในการกําหนดวิธีการดําเนินการทั้งสี่โครงการ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีว่าจะต้องใช้วิธีกรณีพิเศษตามระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 และจะต้องใช้มติคณะรัฐมนตรีฉบับใดประกอบเพื่อจัดซื้อทั้งสี่โครงการดังกล่าว
แม้จะได้ข้อเท็จจริง จากคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยไต่สวนข้อเท็จจริงพบข้อเท็จจริงว่า จําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 มิได้แจ้งให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีทราบว่ามีหนังสือ กรมบัญชีกลาง ที่ กค 0408.2/21771 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 เรื่องการยืนยันสิทธิพิเศษ ขององค์การค้าของคุรุสภา ตอบข้อหารือองค์การค้าของคุรุสภาว่ามติคณะรัฐมนตรีตามนัยหนังสือ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร 0202/ว 3 ลงวันที่ 14 มกราคม 2519 ถูกยกเลิกแล้ว
โดยมติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0203/ว138 ลงวันที่ 19 กันยายน 2527 และมิได้แจ้งว่าสินค้าและครุภัณฑ์ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจัดซื้อในสี่โครงการดังกล่าว
องค์การค้าของ สกสค.ไม่ได้เป็นผู้ผลิตหากแต่เป็นสินค้าและครุภัณฑ์ ของบริษัทเอกชนได้ทําสัญญาฝากขายโดยมีสัญญาความร่วมมือทางการค้ากับองค์การค้าของ สกสค.
การกระทําของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ดังกล่าว เป็นแต่เพียงความบกพร่องในการกระทําหน้า ของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 ในฐานะผู้มีอํานาจหน้าที่ควบคุม กํากับ ดูแลรับผิดชอบองค์การค้า ของ สกสค.ที่ไม่ได้แจ้งต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีให้ทราบโดยชัดเจนเท่านั้น
การกระทําของจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 มิใช่เป็นการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือหรือให้ ความสะดวกแก่จําเลยที่ 1 ในการกระทําความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด
คำพิพากษา
ศาลฯ มีคำพิพากษาว่า จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 การ กระทําของจําเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษจําเลยที่ 1 ทุกกรรมเป็นกระทง ความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 4 กระทง
การกระทําของจําเลยที่ 1 แต่ละกระทงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุก กระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง
เป็นจําคุกจําเลยที่ 1 มีกําหนด 20 ปี และยกฟ้องจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3
ทั้งหมดนี่ เป็นรายละเอียดในคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้จำคุก นายพรชัย เป็นเวลา 20 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ก่อนที่ ศาลอุทธรณ์ จะมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในเวลาต่อมา
ขณะที่ นายพรชัย หลบหนี ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่า นายพรชัย หลบหนีคดีไปอยู่ที่ไหน
อ่านประกอบ :
- สนง.ศาลฯแจงกำไล EM 'พรชัย โควสุรัตน์' ถูกทำลาย 03.45 น.วันที่ 9 พ.ย.2564
- 25 คดีทุจริตค้าง 'พรชัย' : จัดซื้อรถชมวิว อบจ.อุบลฯ คันละ 1 ล้าน แพงเกินจริง?
- 25 คดีทุจริตค้าง 'พรชัย' : อิศรา เปิดโปง อบจ.อุบลฯ ฮั้ว? ซื้อรถดับเพลิง 39.8 ล.
- 'พรชัย โควสุรัตน์' หนี! ไม่มาฟังคำพิพากษาอุทธรณ์คดีทุจริต-ศาลฯ ออกหมายจับทันที
- เลื่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ 2 คดีทุจริต 'พรชัย' อดีตนายก อบจ.อุบลฯ 10 พ.ย.นี้
- เจาะคดีทุจริตค้าง 'พรชัย โควสุรัตน์' 25 จาก 30 กว่าเรื่อง มากที่สุดในประเทศไทย
- พฤติการณ์ร้ายแรง! ศาลไม่ให้ประกันตัว'พรชัย'หลังถูกคุก 20 ปีคดีจัดซื้อครุภัณฑ์ สกสค.
- ป.ป.ช.ฟันซ้ำ! ‘พรชัย’นายก อบจ.อุบลฯ 2 คดี เช่ารถโดยมิชอบ-ซื้อสื่อการสอน
- เมียอดีตนายก อบจ. จดทะเบียนซื้อที่ดิน อ.เมืองอุบลฯ 16 แปลง
- พบ‘หญิงสาว’ ผู้แทน ‘ลูก’อดีตนายก โผล่‘ถือหุ้นใหญ่’ บ.รับเหมา อบจ.อุบลฯ
- ‘หุ้นใหญ่’บ.เจ้าของโฉนด 29 แปลง จ.อุบลฯ ที่แท้‘ผู้แทน’อดีตนายกโอนที่ให้ลูกสาว
- ตามหาคนขายที่ดินให้ บ.ใกล้ชิดบิ๊ก อบจ.อุบลฯ 'เจ้าของบ้าน'อ้างอยู่อีกหลังแต่'ร้าง'
- ขมวด 9 เรื่องฉาว อบจ.อุบลฯ ‘ผล ปย.ทับซ้อน’-รก.นายก ลูกน้องผู้บริหารคนเดิม
- เปิดภาพถ่ายชัดๆ ที่ดิน บ.คนใกล้ชิดนักการเมือง ใกล้อ่างเก็บน้ำ จ.อุบลฯ 29 แปลง
- ล็อคสอบภาษีบิ๊กธุรกิจ 48 ราย จ.อุบลฯ-บ.เครือข่ายนักการเมือง อบจ.โดนด้วย
- เปิด บ.คนใกล้ชิดนักการเมือง ซื้อที่ดิน จ.อุบลฯ บิ๊กลอต 29 แปลงเกือบ 400 ไร่
- โฉมหน้า 2 บ.ถูกอ้างอิง 'ราคากลาง' รถชมวิว อบจ.อุบลฯ คันละ 1 ล.-แห่งแรก'บ้านพัก'
- ผลสอบลับ! ฉบับผู้ว่าฯ จัดซื้อ 3 โครงการ 142 ล. อบจ.อุบลฯ ‘มีมูลทุจริต’
- เปิดโฉนดที่ดิน‘เมีย’ นักการเมือง ใกล้โครงการตัดถนนฉาว 30 ล. อบจ.อุบลฯ
- แกะรอย ‘หุ้นใหญ่’ บ.‘คู่เทียบ’ เครื่องสูบน้ำ 89 ล. ที่แท้เครือข่าย‘ลูกจ้าง’อบจ.อุบลฯ
- เปิดไส้ใน ‘รถชมวิว’ฉาว อบจ.อุบลฯ คันละ 1 ล. ‘คู่เทียบ’ขายเสื้อผ้า
- เผยโฉมรถชมวิว อบจ.อุบลฯ คันละ 1 ล. จาก บ.ขายรถอีแต๋น-ผู้ว่าฯสั่งสอบ
- เปิดตัว บ.คู่ค้ากล้อง CCTV. อบจ.อุบลฯ 72 ล.-'หุ้นใหญ่' โต้ สตง.ปัดปลอมผลงาน
- สตง.ฟัน อบจ.อุบลฯจัดซื้อกล้อง CCTV -รถดับเพลิง ใช้ผลงานปลอม-ล็อคสเปค
- เปิดปม!จัดซื้อกล้อง CCTV อบจ.อุบลฯ 72 ล. จาก บ.ปริศนา ซ่อมคอมฯ
- บ.‘คู่เทียบ’จัดซื้อเครื่องสูบน้ำ อบจ.อุบลฯ 338 ล. โยง‘ห้องเรียนอัจฉริยะ’ 280 ล.
- อบจ.อุบลฯ จัดซื้อเครื่องสูบน้ำบิ๊กลอต 338 ล. หจก.เครือญาตินักการเมือง
- ชัดๆ 9 อปท.จัดซื้อรถบรรทุกจาก บ.ที่ตั้ง'บ้านฝาสังกะสี'- 'เครือข่าย' เป็น'คู่เทียบ'
- บ.ที่ตั้ง‘บ้านฝาสังกะสี’ผู้ประกวดราคา อบจ.อุบลฯ คว้าจัดซื้อ อปท. 27 แห่ง 200 ล.
- อบจ.อุบลฯโชว์ข้อมูลในเว็บฯสืบ‘ราคากลาง’รถดับเพลิง 40 ล.จากเอกชน 4 ราย
- เผยโฉม บ.'คู่เทียบ' รถดับเพลิง อบจ.อุบลฯ 40 ล. ตามประกบ'ผู้ชนะ' หลายแห่ง
- เปิดตัว บ.ขายรถดับเพลิง อบจ.อุบลฯ40 ล. เป็นบ้านสังกะสี 'หุ้นใหญ่'เป็น พนง.ห้างฯ
- ที่แท้! สืบ‘ราคากลาง’จาก บ.ซ่อมคอมฯ! อบจ.อุบลฯ จัดซื้อรถดับเพลิง 40 ล.
- โชว์ชัดๆ!‘ผู้ชนะ’จัดซื้อรถดับเพลิง อบจ.อุบลฯ 40 ล.ใช้ ‘5 ตัวละคร’ เดียว‘คู่เทียบ’
- อบจ.อุบลฯ ยันสร้างถนน4เลน ไม่เอื้อปย.'เมีย'ผู้บริหาร-แค่ตัดผ่านที่ดินชายชรา
- เปิดโปง! อบจ.อุบลฯจัดซื้อรถดับเพลิง40 ล. ‘ผู้ชนะ-คู่เทียบ’กลุ่มเดียวกัน
- ป้ายหมู่บ้านจัดสรรโผล่ปลายถนน30 ล. อบจ.อุบลฯ ชื่อพ้อง‘เมีย’นักการเมืองใหญ่
- ชำแหละ พฤติการณ์ อบจ.อุบลฯ ซิกแซกงบฯก่อสร้างถนน30 ล. เอื้อเอกชน
- สตง.ส่งหนังสือเบรก! อบจ.อุบลฯตัดถนน 30 ล.ผ่านป่าสงวนฯ เข้าที่ดินนักการเมือง
- 10 ผู้ถือหุ้นปริศนา!3 บริษัทกลุ่มเครือญาติ“พรชัย”นายก อบจ.อุบลฯ 8.8 ล้าน