“…สำหรับประสิทธิผลของการใช้สมุนไพรรักษาภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย แต่ 80% ของคนที่ทานยาพื้นบ้านมีอาการดีขึ้น และในจำนวนนี้ 40-50% หายขาด ไม่กลับมาเป็นใหม่ เนื่องจากโดยหลักแล้ว ถ้าคนเรากินข้าวง่าย นอนหลับง่าย ร่างกายจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ถามว่าเมื่อกินสมุนไพรแล้วจะฟื้นฟูตัวเองจนมีสุขภาพเหมือนเดิมไหม มีหลายปัจจัยที่ต้องดู แต่ส่วนใหญ่หลายคนจะมีอาการดีขึ้นหลังจากทานสมุนไพร 2-3 สัปดาห์…”
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดขณะนี้ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 2 หมื่นรายต่อวัน ทำหลายคนวิตกกังวลว่าตัวเองจะติดโควิดหรือไม่ เพราะกลัวจะกระทบกับสุขภาพ หน้าที่การงาน และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดผู้หายป่วยจะมีจำนวนมากในระดับหนึ่ง แต่เมื่อหายป่วยแล้ว ก็อาจต้องเผชิญกับ 'ภาวะโควิดเรื้อรัง' หรือ Long COVID ที่ทิ้งอาการหลงเหลือเอาไว้อยู่ ซึ่งสามารถก่อความผิดปกติได้นับร้อย ยาวนานถึง 4-6 เดือน และในจำนวนผู้หายป่วยทั้งหมด มีโอกาสเป็นมากถึง 30%
ภาวะลองโควิดมีความซับซ้อนมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยโควิดที่มีอาการรุนแรงหรือไม่มีอาการเลยก็ตาม ต่างสามารถเป็นได้หมด และยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าเกิดมาจากสาเหตุใด บางรายอาจมีอาการไอเรื้อรัง สมองเสื่อมถอย สูญเสียรสชาติหรือกลิ่น ขณะที่บางคนอารุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลการรักษาที่ชัดเจน ทำได้เพียงรักษาตามอาการ
แต่มีเพียงข้อมูลที่ค้นพบว่า วัคซีนป้องกันโควิดสามารถช่วยลดการเกิดภาวะลองโควิดได้ถึง 41% ด้วยเหตุดังกล่าว ดูเหมือนว่าการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิดเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แต่เมื่อมีภาวะลองโควิดแล้ว จะสามารถรักษาอย่างไรได้บ้างนั้น สมุนไพรไทยบางตำรับนับเป็นอีกทางเลือกที่มีความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ดี และที่สำคัญเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยเอง ซึ่งสามารถช่วยลดงบประมาณในการจัดหายาจากต่างประเทศเข้ามารักษาอาการหลงเหลือนี้ได้
-
ไทยป่วยโควิดใหม่ 22,311 ป่วยหนัก 980 ตาย 42 เป็นผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วถึง 16 ราย
-
ภาวะ'Long Covid'ภัยแฝงก่อความผิดปกตินับร้อย อาการที่คนหายป่วย มีโอกาสเป็นกว่า 30%
-
วิเคราะห์อาการข้างเคียง-ความเสี่ยงระยะยาวจากโควิด-19 หลังพบไวรัสส่งผลกระทบถึงระบบสมอง
-
ทำความรู้จัก Long Covid เมื่อคนไข้ปลอดเชื้อ แต่ร่างกายกลับไม่หายป่วย
โดย นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผย สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า สมุนไพรไทยเป็นยาพื้นบ้านที่มีสรรพคุณและมีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิดได้ตั้งแต่ระยะแรก (ระยะเริ่มป่วย) ไปจนถึงระยะที่สี่ (ระยะที่มีอาการหลงเหลือ หลังหายป่วย เนื่องจากความเสียหายในระบบร่างกายต่างๆ)
จากประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโควิด หรือในทางการแพทย์แผนไทยเรียกว่า ‘กลุ่มไข้พิษไข้กาฬ’ ตามคัมภีร์ตักสิลาหมายถึงกลุ่มโรคทางเดินหายใจ จะมีอาการที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1 ไข้เอกโทษ หมายถึง ผู้ป่วยโควิดที่ได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ภายใน 3-5 วันหลังมีอาการ ส่วนใหญ่จะหายขาด มักจะไม่มีอาการหลงเหลือของโรค
ระยะที่ 2 ไข้ทุวันโทษ หมายถึง ผู้ป่วยโควิดที่อาจเข้าสู่ระบบการรักษาช้า หรือกรณีเชื้อมีความรุนแรง ทำให้ต้องรักษาตัวนาน 5-14 วันขึ้นไป ส่งผลให้เมื่อบางรายหายป่วยแล้ว จึงมีอาการหลงเหลืออยู่ เนื่องจากโรคโควิดได้ทิ้งร่องรอยหรือบาดแผลบนอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายเอาไว้
ระยะที่ 3 ไข้ตรีโทษ หมายถึง ผู้ป่วยโควิดที่ปลอดเชื้อแล้ว แต่ยังมีอาการหลงเหลือต่อเนื่องนานกว่า 14 วัน
ระยะที่ 4 ไข้สันนิบาต หมายถึง ผู้ป่วยโควิดที่ปลอดเชื้อแล้ว แต่ยังมีอาการหลงเหลือต่อเนื่องนานกว่า 14 วัน และร่างกายมีความผิดปกติ ระบบร่างกายได้รับความเสียหายมาก เช่น เนื้อเยื่อเป็นพังผืด เนื้อเยื่อในสมองขาดเลือด เป็นต้น
เปิดชื่อ 12 ตำรับยาไทยรักษาลองโควิด
สมุนไพรมีหลายตำรับมาก แต่ในการรักษาภาวะลองโควิดนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้คัดเลือก 12 ตำรับยาไทยมาจากบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่จะเป็นตัวช่วยให้สามารถฟื้นฟูสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยได้ มีข้อมูลดังนี้
-
ยาฟ้าทะลายโจร ลดไข้ ต้านการอักเสบ
-
ยาห้าราก แก้ไข้ กระทุ้งพิษ
-
ยาประสะจันทน์แดง ลดไข้ แก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ
-
ยาจันทลีลา บรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู
-
ยาหอมนวโกฐ แก้ลมวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน แก้ลมปลายไข้ (ลมปลายไข้ หมายถึง อาการผิดปกติหลักจากเจ็บป่วย เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ฯ)
-
ยาตรีผลา บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ปรับสมดุลธาตุ
-
ยาแก้ไอมะขามป้อม ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ
-
ยาประสะมะแว้ง บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ลดอาการระคายคอ
-
ยาขิง บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม แก้จุกเสียดท้อง
-
น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) แก้อาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ช่วยให้เจริญอาหาร
-
ยาแก้ลมแก้เส้น แก้อาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บแน่นหน้าอก ปวดจุกท้อง
-
ยาศุขไสยาสน์ แก้อาการนอนไม่หลับ อาการอารมณ์เปลี่ยนแปลง แก้อ่อนเพลีย
วิธีการทานสมุนไพร
นพ.ขวัญชัย กล่าวถึงการดูแลภาวะลองโควิดว่า สมุนไพรไทยสามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มมีอาการ ซึ่งควรจะได้รับยาสมุนไพรตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการรีบทานหลังมีอาการไม่นาน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะลองโควิดได้ ดังนั้นในช่วงระยะเริ่มป่วยแพทย์แผนไทยจะเน้นการรักษาที่ใช้ยามีฤทธิ์กระตุ้น คือ ยาฟ้าทะลายโจร เพื่อลดไข้ ลดการอักเสบภายในอวัยวะร่างกายของเราก่อน
แต่ถ้าหากอาการมีแนวโน้มยังไม่ดี ดูรุนแรงขึ้น แพทย์แผนไทยจะใช้หลักการจ่ายยาที่เรียกว่า ‘รุ’ หรือแปลว่าการขับพิษหรือเอาเชื้อโรคออกจากร่างกาย ซึ่งจะใช้ยาห้ารากเข้ามากินร่วมกับยาฟ้าทะลายโจรประมาณ 3-5 วัน
โดยระหว่างวันที่ 3-5 ของการรักษานั้น จะมีการใช้หลักการจ่ายยาที่เรียกว่า ‘ล้อม’ ด้วย เพื่อไม่ให้อาการกำเริบ เช่น ยาประสะจันทน์แดง หรือยาจันทลีลา บรรเทาอาการไข้ตัวร้อน
หลังจากนั้นก็จะมีการจ่ายยาที่เรียกว่า ‘แปรไข้’ คือ ให้อาการป่วยจากที่ร้ายกลับกลายเป็นดี ให้ร่างกายสามารถต่อสู่กับเชื้อโควิดได้ดีขึ้น โดยแพทย์แผนไทยจะให้ยาขาวควบคู่ไปด้วย
“หากใช้ตำรับยาไทย 3-4 ขนานไม่ได้ผล ปลอดเชื้อแล้วแต่ยังหลงเหลืออาการลองโควิดอยู่ เราจะใช้หลักการจ่ายยาที่เรียกว่า ลมปลายไข้ คือจะเน้นให้ทานตำรับยาไทยที่เน้นฟื้นฟูธาตุร่างกายของเรา ซึ่งประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ เพราะการเกิดภาวะลองโควิด หมายความว่า ธาตุทั้ง 4 อย่างใดอย่างหนึ่งได้รับความเสียหาย เราก็จะให้ยาฟื้นฟูไปตามลักษณะอาการ เพื่อปรับสมดุลในร่างกาย เช่น ยาหอมนวโกฐ ยาตรีผลา ยาแก้ลมแก้เส้น ยาศุขไสยายส์ น้ำมันกัญชา” นพ.ขวัญชัย กล่าว
80% ของคนที่ทานยาพื้นบ้านมีอาการดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์
นพ.ขวัญชัย กล่าวอีกว่า สำหรับประสิทธิผลของการใช้สมุนไพรรักษาภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย แต่ 80% ของคนที่ทานยาพื้นบ้านมีอาการดีขึ้น และในจำนวนนี้ 40-50% หายขาด ไม่กลับมาเป็นใหม่
เนื่องจากโดยหลักแล้ว ถ้าคนเรากินข้าวง่าย นอนหลับง่าย ร่างกายจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ถามว่าเมื่อกินสมุนไพรแล้วจะฟื้นฟูตัวเองจนมีสุขภาพเหมือนเดิม เหมือนช่วงก่อนติดโควิดหรือไม่ ตรงนี้มีหลายปัจจัยที่ต้องดูประกอบกันไป แต่ส่วนใหญ่หลายคนจะมีอาการดีขึ้นหลังจากทานสมุนไพร 2-3 สัปดาห์
ทั้งนี้ การจะรักษาภาวะลองโควิดด้วยสมุนไพร ควรจะปรึกษาแพทย์ ไม่ควรหาซื้อรับประทานเอง เนื่องจากแพทย์จะต้องมีการประเมินธาตุเจ้าเรือน ซึ่งแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นจะมีการตรวจเช็คสุขภาพร่างกายทุก 2 สัปดาห์ เพื่อปรับขนานยา หากอาการดูมีแนวโน้มยังไม่ดีขึ้น จะมีการเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาขนานใหม่ แต่หากอาการเริ่มดีขึ้น จะมีการลดขนาดยา
“ร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนชอบหรือถูกกับสมุนไพรไทยแบบนี้ ขณะที่อีกคนอาจไม่ชอบหรือไม่ถูกกัน ดังนั้นการรักษาภาวะลองโควิดควรจะพบแพทย์ เพราะคุณหมอจะมีการตรวจเช็คอาการออนไลน์ ตรวจวิเคราะห์โรค และจัดยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทุกคนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือปรึกษาการเข้ารับการรักษาได้ที่ Line : @morthai-covid” นพ.ขวัญชัย กล่าว
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ประหยัดงบประมาณ
นพ.ขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้สมุนไพรหรือตำรับยาพื้นบ้านมารักษาภาวะลองโควิด นอกจากจะเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาไทยแล้ว ที่สำคัญยังช่วยลดงบประมาณของประเทศได้อีกด้วย ยืนยันว่าสมุนไพรไทยให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่น้อยไปกว่ายาที่มาจากต่างประเทศ ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้มอบงบประมาณ 200 กว่าล้านในการใช้สมุนไพรไทยดูแลผู้ป่วยโควิด ซึ่งเราสามารถดูแลคนไข้ได้ถึง 700,000 ราย
ขณะที่ยาจากต่างประเทศจะต้องใช้งบประมาณในการนำเข้าถึงหมื่นล้านบาท ถึงจะเพียงพอต่อการใช้รักษาคนไข้ภายในประเทศ
คาดโควิดไทยถึงจุดพีค มี.ค.นี้ ย้ำป้องกันตัวเองสูงสุดสำคัญ
นพ.ขวัญชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนทุกคน ไม่ต้องวิตกกังวลใจไป การแพร่ระบาดของโอไมครอน ดูเหมือนจะเป็นความโชคดี เพราะว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอาการรุนแรง อัตราการเป็นปอดอักเสบหรือต้องใส่ท่อช่วยหายใจมีจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับช่วงเดลต้าระบาด
โอไมครอนดูจะติดต่อได้ง่าย ติดได้กระทั่งคนที่ฉีดวัคซีนไม่ว่าจะ 1 เข็ม หรือ 4 เข็มแล้วก็ตาม และยังเป็นปัญหาสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงอายุ ป่วยเรื้อรัง (กลุ่ม 608) อาจเสี่ยงป่วยโควิดรุนแรงได้
ดังนั้นถ้าตรวจแล้วพบผลติดเชื้อ ขอให้รีบเข้าสู่ระบบการรักษา อย่างไรก็ตามตนเองเชื่อว่าเราจะฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้ และขออย่าการ์ดตก การป้องกันตัวเองสูงสุดยังสำคัญ เน้นย้ำให้เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ สแกนไทยชนะหรือหมอชนะ และตรวจ ATK
ทั้งนี้คาดว่าในเดือน มี.ค.นี้ การระบาดของโควิดไทยจะถึงจุดพีคแล้ว และสถานการณ์ภายในประเทศจะดีขึ้นตามลำดับ แต่เรายังต้องอยูร่วมกับโควิด จึงขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด
สมุนไพรไทยนับเป็นอีกทางเลือกในการดูแลผู้ป่วยที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แตกต่างไปจากยาของต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ฟื้นฟูอาการลองโควิดได้อีกด้วย โดยกว่า 80% ของผู้ทานสมุนไพรต่างมีอาการดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ ถือเป็นตัวช่วยให้คนไทยสามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีได้ท่ามกลางวิกฤติโควิด