อัตราการฉีดวัคซีนของเราแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการพุ่งขึ้นของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทางการก็ต้องมีการศึกษาอย่างระมัดระวัง เพราะนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราในการจะเข้าสู่ระยะการใช้ชีวิตต่อไป ในจุดที่เราจะสามารถเปิดตลาดการท่องเที่ยวด้วยการจัดการที่ปลอดภัยได้
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรนาไวรัสในปัจจุบัน พบข้อมูลว่ามีการติดเชื้อมากขึ้นในหลายประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 20,000 ราย เป็นระยะเวลา 2 วันติดแล้ว อย่างไรก็ตามแต่หลายประเทศที่ว่ามานี้นั้นก็ยังคงเดินหน้าเปิดประเทศต่อไป
โดยหนึ่งในประเทศที่ว่ามานี้นั้นก็คือประเทศมาเลเซีย ซึ่งสำนักข่าวอัลจาซีร่าของประเทศกาตาร์เองก็ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุที่ว่าทำไมประเทศมาเลเซียจึงยังเร่งเปิดประเทศแม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเป็นจำนวนมาก โดยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอารายงานข่าวดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์แล้วที่ประเทศมาเลเซียได้เสนอให้มีการเปิดพรมแดง ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ภาคส่วนว่าด้วยการท่องเที่ยวนั้นรอมานานแล้ว เนื่องจากประเทศมาเลเซียต้องเผชิญกับปัญหาความไม่แน่นอนจากโรคระบาดมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี
โดยบริษัท Apple Vacations Sdn Bhd ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศต้องอยู่ในสภาพที่หยุดนิ่งนับตั้งแต่ที่มีการปิดพรมแดนในช่วงเดือน มี.ค. 2563 ขณะที่นาย โก ยอก เฮง หรือที่รู้จักในชื่อว่าโกซานได้กล่าวว่ายอดขายของบริษัทนั้นตกลงไปถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศเองก็สามารถช่วยเหลือกิจการได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อัตราการฉีดวัคซีนของเราแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการพุ่งขึ้นของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทางการก็ต้องมีการศึกษาอย่างระมัดระวัง เพราะนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราในการจะเข้าสู่ระยะการใช้ชีวิตต่อไป ในจุดที่เราจะสามารถเปิดตลาดการท่องเที่ยวด้วยการจัดการที่ปลอดภัยได้” นายโกซานกล่าว
ขณะที่ทางด้านของนายแครี จามาลุดดิน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปิดพรมแดนขึ้นอีกครั้งภายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงกำลังดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติงานมาตรฐานและจะยกเลิกข้อจำกัดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ทั้งนี้ข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีการดำเนินการเปิดพรมแดนนั้นคาดว่ามาจากการกระบวนของสภาที่ปรึกษาของรัฐบาลเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่มีประธานที่ประชุมคือนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในการประชุมได้เสนอให้เริ่มต้นการเดินทางแบบปลอดการกักกันโรคภายในวันที่ 1 มี.ค.
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ภาคส่วนผู้ประกอบการโรงแรมและทัวร์ต่างมีความยินดีกับข้อเสนอการเปิดประเทศนี้ แต่ปรากฎว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพและนักการเมืองบางคนได้แสดงความกังวลเนื่องจากสภานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
ดังนั้นในช่วงเวลาก่อนที่จะตัดสินใจครั้งสุดท้ายก็จะต้องมีการนำเสนอแผนปฏิบัตินี้ไปให้กับคณะกรรมการจัดการด้านโควิดอันมีประธานคือนายอิสมาอิล ซาบรี ยาขอบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และรัฐมนตรีคนอื่นที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศพิจารณาเสียก่อน
มาเลเซียดำเนินการฉีดวัคซีนในเด็ก (อ้างอิงวิดีโอจาก NST Online)
@ผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ
นายหมิง ลุก แทน หัวหน้าแผนกหัวหน้าธุรกิจมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่โรงแรมโอโย โฮเต็ล แอนด์ โฮมส์ ได้กล่าวว่าอุตสาหกรรมโรงแรมนั้นได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าลูกค้าของโรงแรมมักจะให้ความสำคัญในการเลือกเข้าพักสถานที่ที่มีความปลอดภัย มีการระบายอากาศที่ดีและถูกสุขลักษณะอนามัย
“ในขณะที่ทุกประเทศ นั้นต้องการที่จะสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ ด้วยความต้องการจะเปิดรับนักเดินทางจากต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดรับนักเดินทางที่ว่ามานี้ก็ต้องดำเนินไปด้วยแนวทางอย่างระมัดระวังและต้องทยายเปิดผ่านฟองอากาศหรือทราเวิลบับเบิ้ลมากกว่าการเปิดทั้งหมดเพียงครั้งเดียว” นายหมิงกล่าว
นายหมิงกล่าวต่อไปว่า เริ่มเป็นที่น่าสงสัยแล้วว่าการแบนไม่ให้มีการเดินทางนั้นเป็นผลดีในแง่ของสาธารณสุขจริงหรือไม่ ณ ช่วงเวลานี้ของการแพร่ระบาด ในขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจเชิงลบนั้นสามารถวัดได้ชัดเจนจากมาตรวัดทางการดำเนินงานด้านการเงิน ผลประโยชน์ทางสังคม ประโยชน์ที่ได้จากการห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่ง ณ เวลาเหล่านี้มาตรวัดดังกล่าวยังไม่สามารถวัดได้จนเห็นตัวเลขชัดเจน
อย่างไรก็ตามทาทงด้านของ นพ.ลิม ฉี ฮั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักวิจัยที่สถาบัน Agora Society Malaysia ได้กล่าวว่าทางการนั้นควรที่จะพิจารณาว่าจะคงมาตรการควบคุมโรคเอาไว้ก่อนเพื่อจะควบคุมไวรัส
“รัฐบาลสามารถที่จะทบทวนและแก้ไขคำสั่งควบคุมโรคนี้ได้หลังจากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้มีการลดลงแล้ว” นพ.ลิมกล่าวและคาดว่าจำนวนการติดเชื้อที่พุ่งสูงนั้นจะเข้าสู่ทิศทางขาลงได้ในเดือน พ.ค.
นพ.ลิมกล่าวต่อไปว่าจากการถอดข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานในวันที่ 28 ม.ค. แสดงให้เห็นว่าผู้ติดเชื้อในประเทศมาเลเซียคิดเป็นจำนวนกว่า 90.7 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ขณะที่ทางการมาเลเซียได้ดำเนินการทดสอบตัวอย่างประมาณ 1,200 ตัวอย่างต่อเดือน ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่ามีผู้ป่วยเฉลี่ยประมาณ 26,000 รายต่อวัน ซึ่งถือว่ามีการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้บางประเทศในทวีปยุโรปรวมไปถึงเดนมาร์กและสหราชอาณาจักรก็ได้มีการยกเลิกมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ในทางปฏิบัติไปแล้วทั้งหมดเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ประเทศมาเลเซียนั้นมีมาตรการเกี่ยวกับนักเดินทางว่า เฉพาะแค่ชาวมาเลเซียที่มีถิ่นพำนักถาวร และผู้ที่ถือวีซ่าซึ่งถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถเข้าประเทศมาเลเซียได้ภายใต้นโยบายการตรวจสอบและกักกันอย่างเข้มงวด
ประเทศมาเลเซียเปิดเกาะลังกาวีเป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยว (อ้างอิงวิดีโอจาก Kensho Quest)
โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ประเทศมาเลเซียได้มีการเปิดทราเวิลบับเบิลไปแล้วกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางสำหรับนักเดินทางสัญชาติสิงคโปร์และสัญชาติมาเลเซียที่ฉีดวัคซีนแล้ว และ ณ เวลานี้ก็กำลังมีการพูดคุยกับประเทศไทยและอินโดนีเซียเพื่อจะเปิดเส้นทางการเดินทางเพิ่มเติมอีก ขณะที่ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศมาเลเซียมีนักท่องเที่ยวแค่ 4.3 ล้านคน คิดเป็นจำนวนลดลงกว่า 83.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมา
นี่จึงเป็นเหตุทางภาคส่วนโรงแรมชั้นนำอย่าง Ascott Limited จำเป็นต้องปรับการให้บริการของโรงแรมเป็นการให้บริการนักท่องเที่ยวในประเทศ ในระหว่างรอการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยนายมอนดี เมกจา ผู้จัดการบริษัทโรงแรมในระดับประเทศได้กล่าวว่าสิ่งที่ทำให้โรงแรมยังประกอบการต่อได้ ก็เนื่องจากฐานลูกค้าในระยะยาวและเริ่มเห็นว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากรัฐบาลมาเลเซียได้ยกเลิกการห้ามเดินทางข้ามรัฐในช่วงเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา
“ผมคิดว่าผู้คนจำนวนมากคงจะต้องเฝ้าระมัดระวังในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการกลับไปเดินทางด้วยเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง” นายเมกจากล่าว
ผู้จัดการโรงแรมกล่าวต่อว่าแม้ว่าเราจะยังคงต้องผูกอยู่กับการเดินทางภายในประเทศมาเลเซีย แต่ในปีนี้ด้วยการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวใหม่ของประเทศอีกจำนวน 4 แห่ง เราก็คาดหวังว่าน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ได้เคยคาดการณ์เอาไว้
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/economy/2022/2/23/for-malaysian-tourism-decision-on-borders-an-anxious-wait