"...ให้แจ้งองค์การบริหาร ส่วนตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป และขอให้อัยการสูงสุด ร้องขอต่อศาลให้ริบทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้ให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาโดยมิชอบ เนื่องจากการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามนัยมาตรา 82 วรรคสอง และมาตรา 83 (2) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ..."
ปัญหาทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล
เป็นอีกหนึ่งกรณีทุจริตที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวน และชี้มูลความผิดทางอาญาผู้เกี่ยวข้องเป็นทางการ
เรื่องราวนี้ เกิดขึ้นที่จังหวัดมหาสารคาม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เป็นกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำงบประมาณ พ.ศ. 2557 นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกับพวก 8 เรื่อง คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดมหาสารคาม (ก.อบต.จังหวัดมหาสารคาม) 1 เรื่อง ในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม กรณี จัดสอบบรรจุพนักงานส่วนตำบล เรียกรับเงินรายละ 5-7 แสน
จุดเริ่มต้น
จากกรณีเมื่อปี พ.ศ. 2557 องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ได้ดำเนินการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 31 แห่ง ซึ่งดำเนินการจัดสอบโดยมหาวิทยาลัย 2 แห่ง แห่งแรกมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ดำเนินการจัดสอบ 19 แห่ง แห่งที่สองจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการจัดสอบ 12 แห่ง
จากการดำเนินการไต่สวนและคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลผู้กระทำความผิด ดังนี้
1. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 8 คน กับพวก ทุจริตในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคล เป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557
ลักษณะพฤติการณ์กระทำความผิดและมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฐานเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินหรือ เอกสารใดอันเป็นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้ หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ฐานปลอมเอกสาร ฐานปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ และฐานใช้เอกสาร และเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 158 มาตรา 161 มาตรา 162 (1), (4) มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
2. กลุ่มคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดมหาสารคาม (ก.อบต.จังหวัดมหาสารคาม)
กรณีผู้ทรงคุณวุฒิกับพวก (ก.อบต.จังหวัดมหาสารคาม) คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดมหาสารคามกับพวก ทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลประจำงบประมาณ พ.ศ. 2557 ขององค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
ลักษณะพฤติการณ์กระทำความผิดและมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะ ก.อบต.จังหวัดมหาสารคาม และ/หรือในฐานะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันฯ และ/หรือในฐานะกรรมการสอบฯ ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) ที่ร่วมกันลงมติให้ยุติการตรวจสอบไต่สวนข้อเท็จจริง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งกรณีที่เป็นกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันฯ จัดทำและรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการสอบแข่งขันฯ อันเป็นเท็จ และกรณีที่เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ ไม่ได้ลงคะแนนในตารางการให้คะแนน หรือลงคะแนนด้วยดินสอแต่ลงลายมือชื่อด้วยปากกา หรือกระทำการให้ได้บุคคลตามที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาต้องการ มีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 161 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83 และกรณีมีการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมและค่าพาหนะ ทั้งที่ไม่ได้มีการประชุมจริง มีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และกรณีที่มีส่วนร่วมในการเรียกรับเงินในขบวนการทุจริตการสอบด้วย มีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 83 และกรณีที่เป็นข้าราชการในตำแหน่งอื่นด้วย มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงอีกด้วย
ความผิดทางอาญา
คณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)
ความผิดทางวินัย
ผู้บริหารท้องถิ่น ส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ พนักงานส่วนตำบล เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
แจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กับผู้ถูกกล่าวหา ซี่งได้รับเงินเนื่องมาจากการร่วมกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
เปิดรายชื่อผู้ถูกกล่าวหา
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เกี่ยวกับคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายสัมพันธ์ เนื่องโคตะ นางสาวกาญจนา จวงสมุทร นางสาวสุปราณี คำมณี นายณัฐพงษ์ แข็งแรง นายสมชาย ศิริทุย นางวรางคณา มีเมืองเก่า หรือทับชา นางสาวสุนิศา สำราญดี นางสาวพัทธนันท์ ชัยชนะวงศ์ นางสาวนิตยา ชูเดช นางสาวกรรฐิการ์ ประญันโต นายวินัย ศรีทอง นางสาวยุวธิดา ประสานทอง นายนิพนธ์ แพงพันตอง นายสมพร ชินชาด นายชานน ป้องชารี นายสมคิด มะธิปะโน นายอดิศักดิ์ อำไพศรี นายกิตติกร ศิลป์อ่อน นายศิริ มะลิลา นายปราโมทย์ รวิยะวงศ์ นางหทัยรัตน์ ประสานทอง สิบเอก ศักดิ์ชานนท์ คำแก้ว และนายอัตถกร สอนภักดี
ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางสาวกาญจนา จวงสมุทร นางสาวสุปราณี คำมณี นายสมชาย ศิริทุย นายสมคิด มะธิปะโน นายอดิศักดิ์ อำไพศรี นายกิตติกร ศิลป์อ่อน นายปราโมทย์ รวิยะวงศ์ และนางหทัยรัตน์ ประสานทอง และส่งสำนวนการไต่สวน ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายสัมพันธ์ เนื่องโคตะ และนายศิริ มะลิลา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
นอกจากนี้ ยังให้แจ้งองค์การบริหาร ส่วนตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป และขอให้อัยการสูงสุด ร้องขอต่อศาลให้ริบทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้ให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาโดยมิชอบ เนื่องจากการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามนัยมาตรา 82 วรรคสอง และมาตรา 83 (2) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ส่วนรายละเอียดข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป