"...ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี เป็นจริงตามข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ระบุไว้ในคำสั่งให้ พ้นตำแหน่งนายกอบต. นบปริง พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นการละเลยต่อหน้าที่หรือกระทำการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อบต.หรือราชการอย่างร้ายแรง ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งให้ ผู้ฟ้องคดี พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.นบปริง จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว..."
ให้นับโทษจำคุก นายประจวบ ก้ามจำรูญ ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำ ที่ อท 50/2561 หมายเลขแดง ที่ อท 4/2562 ของศาลนี้
คือ คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ที่ตัดสินลงโทษความผิดในส่วนของ นายประจวบ ก้ามจำรูญ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ในฐานะจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 7 ปี ในคดีดำเนินโครงการขุดคลองหราเพื่ออนุรักษ์เชิงนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการของทางราชการ และหลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม
พร้อมกับ นายวิชัย ไพรสงบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา จำเลยที่ 1 โดนจำคุก 6 ปี 8 เดือน และนายมาโนชญ์ ฐิระพันธ์ อดีตกำนันตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา จำเลยที่ 3 จำคุก 4 ปี 8 เดือน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นฐานข้อมูลคดีทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ตัดสินคดี นายประจวบ ก้ามจำรูญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ทุจริตต่อหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เป็น ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษจำคุก และไม่คุมความประพฤติจำเลย
หลังจากที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 รวมทั้งสิ้นจำคุก 12 ปี ปรับ 100,000 บาท โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
เมื่อนับรวมโทษทั้ง 2 คดี ต่อกัน เท่ากับว่า นายประจวบ จะต้องรับโทษจำคุก เป็นเวลาถึง 19 ปี
จากการสืบค้นข้อมูลยังพบด้วยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2559 ศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่ นายประจวบ ก้ามจำรูญ เป็นผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง ผู้ราชการจังหวัดพังงา เป็นผู้ถูกฟ้องคดี กรณีถูกออกคำสั่งให้พ้นตำแหน่ง นายก อบต.นบปริง อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา เนื่องจากถูกสอบสวนพบมีพฤติการณ์ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 6 ประการ คือ
1. แก้ไขแบบประเมินของพนักงานจ้างสองราย จากที่ผู้บังคับบัญชาประเมินให้ผ่านเกณฑ์ แก้เป็นไม่ผ่านเกณฑ์ จากนั้นได้รายงานผลการประเมินไปยังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดพังงา เพื่อขอรับความเห็นชอบให้พนักงานทั้งสองรายพ้นจากตำแหน่ง
2. แจ้งยกเลิกสัญญาจ้างพนักงานทั้งสองราย ทั้งที่ คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดพังงา ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ ทำให้พนักงานจ้างทั้งสองรายได้รับความเดือนร้อน
3. จงใจไม่ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลพังงา ที่มีมติให้ อบต.นบปริง แต้งตั้งพนักงานจ้างตามภารกิจ ตำแหน่งผู้ดูแลเด็กเป็นหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
4. สั่งการให้บุคคลซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ใน อบต.นบปริง เข้ารับการฝึกอบรมและมีส่วนรู้เห็นในการแอบอ้างชื่อของ เลขานุการ นายก อบต. เพื่อเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการดังกล่าว และเป็นผู้อนุมัติให้เบิกเงินจำนวนดังกล่าว ทั้งที่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีสิทธิ
5. สั่งการให้รองนายก อบต. พ้นตำแหน่งโดยออกเลขคำสั่งและลงวันที่ท้ายคำสั่งย้อนหลัง ไม่ได้แจ้งคำสั่งให้ผู้รับคำสั่งทราบเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงไม่เปิดโอกาสให้บุคคลดังกล่าวชี้แจงแสดงเหตุผล
6. อนุมัติโครงการแข่งขันนกกรงหัวจุกสนับสนุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าชมรมนกกรงหัวจุก สามารถรับการสนับสนุนงบประมาณได้หรือไม่ และเมื่อไม่มีการแข่งขัน ยังเพิกเฉยไม่สั่งการหรือดำเนินการใด ๆ
ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี เป็นจริงตามข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ระบุไว้ในคำสั่งให้ พ้นตำแหน่งนายกอบต. นบปริง พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นการละเลยต่อหน้าที่หรือกระทำการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อบต.หรือราชการอย่างร้ายแรง
ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งให้ ผู้ฟ้องคดี พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.นบปริง จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
การถูกสั่งให้พ้นตำแหน่ง นายกอบต. นบปริง , โดนลงโทษจำคุก 19 ปี
จึงนับเป็นวิบากกรรมสำคัญ ของ นายประจวบ ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ในส่วนของคดีความทางอาญา คดียังไม่สิ้นสุด นายประจวบ ยังมีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร พฤติการณ์ของ นายประจวบ นับเป็นกรณีศึกษาสำคัญ เพื่อไม่ให้บุคคลอื่น กระทำผิดซ้ำรอย ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่างได้ชัดเจนอีกกรณีหนึ่ง