"...ความเคลื่อนไหวล่าสุด ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง เป็นผู้ก่อตั้ง "ตัวละครเอก" ในคดีทุจริตระบายข้าวโครงการจำนำข้าวจีทูจี มีประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างมากอยู่เช่นกัน เมื่อสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ทำธุรกิจขายสว่านไฟฟ้า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มูลค่าหุ้นกว่า 690,359,000 บาท ปัจจุบันมีสถานะเป็นบริษัทร้างสิ้นสภาพนิติบุคคลไปแล้ว..."
ในขณะที่สังคมไทยกำลังตื่นตัว ต่อกรณีปรากฏข่าวว่า ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมใช้กลไกทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ดำเนินการบริหารโทษ (ลดโทษ) กับบุคคลที่ได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวโครงการจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ได้แก่ 1. นายภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก 36 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี 2. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กำหนดโทษจำคุก 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 10 ปี 3. นายมนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก 40 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี 4. นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ 48 ปี ล่าสุด เหลือวันต้องโทษ 6 ปี 3 เดือน
จนถึงขนาดต้องมีการยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง เป็นผู้ก่อตั้ง "ตัวละครเอก" ในคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว มีประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างมากอยู่เช่นกัน
เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ทำธุรกิจขายสว่านไฟฟ้า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มูลค่าหุ้นกว่า 690,359,000 บาท
ปัจจุบันมีสถานะเป็นบริษัทร้างสิ้นสภาพนิติบุคคลไปแล้ว
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปัจจุบันยังไม่แจ้งจดทะเบียนเลิกกิจการ
ข้อมูลปัจจุบัน ระบุว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 29 มกราคม 2547 ทุน 1,008,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 33/4 อาคารเดอะไนท์ ทาวเวอร์ เอ ชั้น 35 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ ปรับปรุงคุณภาพข้าวสาร เพื่อขายและขนส่งทางน้ำ
ปราฏชื่อ นายชัยสิทธิ์ พุ่มศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2557 บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 68.4880% มูลค่า 690,359,000 บาท บริษัท จัสมิน เซอร์เวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 15.0795% มูลค่า 152,001,000 บาท นาง รัตนา แซ่เฮ้ง 9.4880% มูลค่า 95,639,000 บาท นางสาว เรืองวัน เลิศศลารักษ์ 6.9443% มูลค่า 69,999,000 บาท หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ น.ส. วิไลลักษณ์ สิทธิจันทรเสน นางสาว จาสุรี นาจารย์ คนละ 0.0001% มูลค่าหุ้นคนละ 1,000 บาท
นำส่งงบการเงินล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2556 แจ้งว่า มีรายได้รวม 14,189,916,894.51 บาท ต้นทุนขาย หรือบริการ 13,455,716,831.90 บาท กำไรสุทธิ 103,926,885.08 บาท
เมื่อตรวจสอบข้อมูล บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด พบว่า บริษัทแห่งนี้ถูกระบุว่า เป็นบริษัทร้างและสิ้นสภาพนิติบุคคลตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนแล้ว ตามความในมาตรา 1273/3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564
สำหรับข้อมูล บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด นั้น จดทะเบียนจัดตั้ง วันที่ 29 มีนาคม 2534 ทุน 1,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 48/8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจ นำเข้าเครื่องมือและสว่านไฟฟ้า
ปรากฏชื่อ นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2560 นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9800% มูลค่า 999,800 บาท หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาง วิไลลักษณ์ สุระมนต์ และ นางสาว สุธิดา จันทะเอ คนละ 0.0100% มูลค่าหุ้นคนละ 100 บาท
นำส่งงบการเงินล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2559 แจ้งว่า ไม่มีรายได้ รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 20,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 20,000 บาท
ส่วนความเกี่ยวกับระหว่างบริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด กับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นั้น สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบพบว่า ในช่วงปลายปี 2556 บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จากนางสุดา คุณจักร (นางสุดา เป็นน้องสาวนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด) ภรรยา นายสมยศ หรือ นายแพทย์สมยศ คุณจักร ผู้อำนวยการยศการคลินิก และนายแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเป็นแพทย์ที่ปรึกษา ด้าน โสต-คอ-นาสิก โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
มาเป็นบริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ตั้งอยู่ย่านคลองเตย ทำธุรกิจนำเข้าเครื่องมือและสว่านไฟฟ้า จากต่างประเทศแทน
ขณะที่บริษัท คาล เอเซียฯ แจ้งงบดุลแสดงผลประกอบการ ปี 2555 ระบุว่ามีรายได้รวม 544,098 บาท รายจ่ายรวม 165,253.50 บาท มีกำไรสุทธิ 344,517.82 บาท แต่มูลค่าหุ้น ที่บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ถืออยู่ในบริษัทสยามอินดิก้า อยู่ที่วงเงิน 655,359,000 บาท
ณ วันที่ 2 พ.ย.56 นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง แจ้งที่อยู่บ้านเลขที่ 999 หมู่ 4 ต.บ้านเป้า อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง อายุ 24 ปี (ในขณะนั้น) ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 9,998 หุ้น มูลค่า 999,800 บาท
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา เคยติดต่อไปยังนายพีระวัฒน์ เมืองตั้ง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท คาล เอเซียฯ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเข้าไปถือหุ้นใหญ่บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ดังกล่าว
นายพีระวัฒน์ กล่าวชี้แจงสั้นๆ ว่า ข้อมูลของบริษัท คาล เอเซียฯ ก็เหมือนกับที่ปรากฎเป็นข่าวไปทุกอย่าง"
"แต่ผมยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เนื่องจากติดประชุมอยู่ ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
เมื่อถามว่า บริษัท คาล เอเซียฯ เข้าไปถือหุ้นบริษัทสยามอินดิก้าได้อย่างไร นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราเข้าไปซื้อหุ้นต่อมาอีกที"
เมื่อถามว่า มีการจ่ายเงินค่าหุ้น จำนวน 655 ล้านบาท หรือไม่ นายพีระวัฒน์ ตอบว่า "เราจ่ายเงินค่าหุ้น"
ก่อนจะระบุว่า "ติดประชุมอยู่ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก ขอให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง"
และวางสายโทรศัพท์ไป ไม่เคยติดต่อได้อีกเลย
(อ่านประกอบ : บ.ขายสว่านไฟฟ้า เปลี่ยนชื่อกก.-ผู้ถือหุ้นอุตลุด ก่อนโผล่ "สยามอินดิก้า", "ผู้ทำบัญชี"ยัน บ.ขายสว่านไม่ทำธุรกิจ 2-3 ปี ก่อนโผล่ถือหุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า", หนุ่มลำปางยันบ.ขายสว่านมีรายได้หลักพัน จ่ายเงินซื้อหุ้น"สยามอินฯ" 655ล.)
ต่อมา เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ศาลแพ่ง มีคำสั่งยึดทรัพย์บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และผู้เกี่ยวข้อง เป็นที่ดิน เงินฝากบัญชีธนาคาร เงินลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท
ในคำพิพากษาศาลแพ่ง มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับ นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง ไว้ดังนี้
ในการพิจารณาคดีของศาลแพ่งดังกล่าว มีรายการทรัพย์สินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในชื่อนายณัฐพงษ์ ปิยะพิทักษานนท์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินด้วย
หลังจาก ปปง. ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2556 มีการถอนเงินสดจากบัญชี ของ นายสุธี เชื่อมไธสง พนักงานในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งมีเงินที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการระบายข้าวจำนวนมากเป็นหลักหมื่นล้านบาท เพื่อนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นางสาวพัชรินทร์ อัศวานุชิต จำนวน 3 ฉบับ ระบุชื่อ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ลูกชายของนายอภิชาติ เป็นผู้ซื้อ เพื่อนำมาใช้ในการซื้อที่ดินต่อจาก นางสาวพัชรินทร์ จดทะเบียนโอนที่ดิน เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2556
ก่อนที่ นายสรวิศ จะจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นชื่อ ของนายณัฐพงษ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2560
ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ได้ให้ปากคำกับ ปปง.ว่า เงินที่ใช้ในการซื้อที่ดินดังกล่าว ได้ตกลงรับเงินมาจากนายวรวุฒิ เมืองตั้ง ทั้งหมด จำนวน 25 ล้านบาท
แต่เงินดังกล่าว เป็นของนายวรวุฒิหรือไม่ ไม่ทราบ
โดยนายวรวุฒิ ได้ทยอยโอนเงินเข้ามาในบัญชีของ นายณัฐพงษ์ ซึ่งจะมีนายพีระวัฒน์ ลูกชายนายวรวุฒิ และนางอังคลิภา ลูกสะใภ้ของนายวรวุฒิ เป็นผู้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีให้ จนครบ
ขณะที่ จากการตรวจสอบของ ปปง.พบว่า นาย พีระวัฒน์ เมืองตั้ง มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายสรวิศ จันทร์สกุลพร เคยร่วมกันลงทุนเปิด บริษัท พีเอสเอส (2556) และจากการตรวจสอบข้อมูลรายงานธุรกรรมเงิดสดของนายสุธี น่าเชื่อว่ามีการถอนเงินสดจากบัญชีนายสุธี และฝากเข้าบัญชี บริษัท พีเอสเอส (2556) จำนวน 16,250,000 บาท
นอกจากนี้ บริษัทสยามอินดิก้าฯ เคยโอนเงินให้กับ นายพีระวัฒน์ ในช่วงวันที่ 6 ม.ค.2559-วันที่ 21 มิ.ย.2559 จำนวน 66 ครั้ง เป็นเงิน 497,390,242.87 บาท ด้วย
จึงน่าเชื่อว่า ทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของ นายณัฐพงษ์ มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางเงินในการทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี
ในการพิจารณาคดี นายณัฐพงษ์ ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลว่า ที่ดินดังกล่าว ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเงินที่ นายวรวุฒิ นายพีระวัฒน์ และนางอังคลิภา ด้วย
ศาลฯ จึงเห็นสมควรให้ ยึดทรัพย์ ทรัพย์สินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของ นายณัฐพงษ์ ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งหมดเป็นข้อมูลของ บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มูลค่ากว่า 690,359,000 บาท ที่สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบพบไว้แล้ว
ก่อนที่จะถูกแจ้งมีสถานะร้างสิ้นสภาพนิติบุคคลในปัจจุบัน
อ่านประกอบ :
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (1) : ชำแหละเครือข่ายสยามอินดิก้า-บัญชีหมื่นล. 'สุธี'
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (2) : คำให้การ ผู้สอบบัญชี VS คำโต้แย้งสยามอินดิก้า
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (3) คำให้การ 'สรวิศ' ลูกเสี่ยเปี๋ยง ก่อนโดนยึดทรัพย์
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (4)'ข้อมูลภาษี-แคชเชียร์เช็ค' หลักฐานมัด 'ลูกเสี่ยเปี๋ยง'
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (5) บ.ฮินตัน เกาะเวอร์จิน ผู้ให้กู้ยืมเงินปริศนา 5 พันล.
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (6) เส้นทางเงินกู้ 5 พันล. บ.เกาะเวอร์จิน & สยามอินดิก้า
- ตามรอยปปง.ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (7) เส้นทางเงิน 685 ล. โอนเข้าบัญชี 'น้องเสี่ยเปี๋ยง'
- ตามรอย ปปง. ล่าเงินทุจริตจำนำข้าว (8) สยามอินดิก้าโอนเข้าบัญชี หนุ่มลำปาง 497 ล.