"...สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบฐานข้อมูลคดียึดทรัพย์ของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า อดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่น อีก 2 ราย ที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือร่ำรวยผิดปกติด้วย คือ 1. พลตำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 166,431,354.74 บาท 2. นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 4,938,760 บาท ..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อขอให้ทรัพย์สิน ของอดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่น จำนวนหลายราย ที่ถูกตรวจสอบพบว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือร่ำรวยผิดปกติ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 746,631,860.07 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
เบื้องต้น มีรายงานข่าวว่า ในกลุ่มอดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่น ที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือร่ำรวยผิดปกติในช่วงปี 2563 ดังกล่าว มีจำนวน 4 ราย
โดย 2 ใน 4 ราย มี นายสมพงษ์ ธรรมเจริญ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นนักการเมืองท้องถิ่นรายล่าสุด ที่ถูก สำนักงาน ป.ป.ช. ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หลังถูกตรวจสอบพบว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวน 91,179 บาท
ส่วน นายนพรัตน์ เบญจวัฒน์นานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นอดีตข้าราชการที่ถูกยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินมากที่สุด เป็นจำนวนเงินกว่า 575,170,566.33 บาท
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบฐานข้อมูลคดียึดทรัพย์ของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า อดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่น อีก 2 ราย ที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือร่ำรวยผิดปกติด้วย คือ
1. พลตำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 166,431,354.74 บาท
2. นายสถาพัฒน์ สุทธิศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนราธิวาส มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 4,938,760 บาท
เมื่อนับยอดรวมวงเงินทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติของ อดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นทั้ง 4 ราย จะอยู่ที่ตัวเลข 746,631,860.07 บาท พอดี
อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายปี 2563 จนถึงปี 2564 มีคดียึดทรัพย์ อดีตราชการและนักการเมือง 2 รายใหญ่ ที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ไปแล้ว คือ
1. นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภรรยาของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง (กีร์) อดีตนักร้อง -นักการเมืองชื่อดัง มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 42,816,226.64 บาท
โดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ที่ประชุมศาลฎีกามีคำพิพากษาในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ทรัพย์สินจำนวน 42,816,226.64 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้น
2. นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ อร 2/2562 ระหว่าง อสส. ผู้ร้อง นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ถูกกล่าวหา คดีร่ำรวยผิดปกติ
โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของนายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ราย มูลค่า 607,239,100 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
นอกจากนี้ในส่วนของทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำขอไปนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการด้วย
หากนับรวมมูลค่าทรัพย์สิน ทั้ง 6 คดี จะมีมูลค่าสูงถึง 1,396,687,186.71 บาท
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อขอให้ทรัพย์สิน ของอดีตข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นเพิ่มเติมอีก จำนวน 7 ราย
ส่วนจะเป็นใครบ้าง? วงเงินเท่าไร? อีกไม่นานสาธารณชนคงได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน