"...โดยวางแผนร่วมกันให้ นาย A. ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 2 ทำหน้าที่เสนอโครงการขอเงินอดหนุนจาก อบจ. ซึ่ง ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ. มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินดังกล่าว เพื่อนำเงินอุดหนุนดังกล่าวไปเพื่อประโยชน์แก่ทีมสโมสรฟุตบอล ซึ่งเป็นทีมฟุตบอล ที่ดำเนินการในเชิงธุรกิจของเอกชน มีผลประโยชน์ มีรายได้เป็นของตนเอง มี ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ. เป็นประธานสโมสร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จำนวน 19,500,000 บาท ..."
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในจังหวัดพื้นที่ภาคกลางตอนบน ของพรรคการเมืองดังแห่งหนึ่ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พร้อมพวก 1 ราย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัด
กำลังจะถูกเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาผลการไต่สวนชี้มูลความผิดเป็นทางการ
กรณีการขอรับเงินอุดหนุนจาก อบจ. ตามโครงการเตรียมตัวนักกีฬาและเข้าร่วมการแข่งขันตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 9,500,000 บาท และโครงการส่งเสริมพัฒนาฟุตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2556 จำนวนเงิน 10,000,000 บาท ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 19,500,000 บาท
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เปิดเผยขึ้นเป็นทางการ เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลว่าขณะนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ ได้สรุปผลการไต่สวนเพื่อนำเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่เป็นทางการแล้ว
สำหรับพฤติการณ์การกระทำความคดีนี้ มีการระบุว่า เริ่มต้นจาก นาย A. ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 2 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ในการประสานแผนการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ เพื่อเสนอของบประมาณท้องถิ่นและภาคเอกชน ในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาไปสู่กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และดำเนินการจ่ายเงินงบประมาณและเงินอุดหนุนโครงการต่างๆ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ได้ใช้อำนาจในตำแหน่ง กระทำการร่วมกันกับ ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ.ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 1 ซึ่งมีอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าว ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยวางแผนร่วมกันให้ นาย A. ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 2 ทำหน้าที่เสนอโครงการขอเงินอดหนุนจาก อบจ. ซึ่ง ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ. มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินดังกล่าว เพื่อนำเงินอุดหนุนดังกล่าวไปเพื่อประโยชน์แก่ทีมสโมสรฟุตบอล ซึ่งเป็นทีมฟุตบอล ที่ดำเนินการในเชิงธุรกิจของเอกชน มีผลประโยชน์ มีรายได้เป็นของตนเอง มี ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ. เป็นประธานสโมสร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จำนวน 19,500,000 บาท
เบื้องต้น คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้สรุปผลการไต่สวนเป็นทางการแล้วว่า เห็นว่า
ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ.ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัตหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 127/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เห็นควรส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อไป ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91(1)
นอกจากนี้ ยังมีมูลความผิดกรณีพ้นจากตำแหน่ง ฐานเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด กระทำการเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นหรือที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นจะกระทำ และฐานเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 44/ 3 (3) และมาตรา 79 แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งสำนวนการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอีก โดยเห็นควรแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
นาย A. ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 11 และ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตบัญญัติประกอบรัฐธรนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 129/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ส่วนผลการพิจารณาสำนวนไต่สวนคดีนี้ ของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่จะออกมาเป็นอย่างไร?
ส.ส.รายนี้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบจ.ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 1 และ นาย A. ผู้ถูกกล่าวหา รายที่ 2 ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัด เป็นใคร?
อีกไม่นานสาธารณชนคงได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน