“..มีการทดลองหลายครั้ง เรากังวลเสมอเกี่ยวกับผลเสียของยาทุกชนิดในเด็ก และที่้สำคัญเราไม่สามารถคาดการณ์ข้อมูลที่มาจากผู้ใหญ่สู่เด็กได้ เราต้องรอเพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยในเด็ก และตอนนี้สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว..”
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันทั่วโลกต่างคิดค้นวัคซีน รวมถึงยารักษาออกมาเพื่อหยุดยั้งวิกฤติครั้งนี้ แต่ทั้งนี้ การอนุญาตใช้วัคซีนและยาก็เป็นเพื่อใช้ในสภาวะฉุกเฉินเท่านั้น
วัคซีนส่วนใหญ่อนุญาตให้ใช้ในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในช่วงแรก ต่อมามีการคิดค้นและทดลองผลการศึกษายืนยันว่ามีความปลอดภัยสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12-17 ปี ทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่คลายความกังวลไปได้บ้าง เมื่อถึงเวลาที่เด็กๆ จะได้กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน
ส่วน ‘เด็กเล็ก’ ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี เป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงและน่ากังวล ที่ยังไม่มีวัคซีนที่มีผลการศึกษาเพียงพอว่าปลอดภัยสำหรับเด็กที่มีอายุน้อย
ขณะเดียวกัน บริษัทผลิตยาและวัคซีนที่ผลิตวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติสำหรับผู้ใหญ่ ต่างได้ทำการทดลองศึกษาเพื่อดูว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในวัยรุ่นและเด็กหรือไม่
“มีการทดลองหลายครั้ง เรากังวลเสมอเกี่ยวกับผลเสียของยาทุกชนิดในเด็ก และที่้สำคัญเราไม่สามารถคาดการณ์ข้อมูลที่มาจากผู้ใหญ่สู่เด็กได้ เราต้องรอเพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยในเด็ก และตอนนี้สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว” ศ. Deenan Pillay ผู้เชียวชาญด้านไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัย College London (UCL) กล่าวในการบรรยายเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564
ขณะนี้ วัคซีนชนิด mRNA จากไฟเซอร์และโมเดอร์น่า ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุมัติวัคซีนสำหรับเด็กอายุมากกว่า 12 ปี
ส่วนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี FDA ได้อนุมัติวัคซีนไฟเซอร์เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดแรกที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับเด็กในสหรัฐฯ
การอนุมัติดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เด็กๆ อเมริกันราว 28 ล้านรายได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นการขยายขอบเขตให้ครอบคลุมพลเมืองช่วงอายุต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่ม รับมือกับวิกฤตโรคระบาด
โดยเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะได้รับวัคซีน 10 ไมโครกรัม หรือน้อยกว่า 3 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณที่ฉีดให้แก่เด็กอายุมากกว่า 12 ปีและผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหวังว่า การลดปริมาณวัคซีนให้น้อยลงนี้ อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลงด้วย
“ในฐานะแม่และแพทย์ ฉันรู้ว่าผู้ปกครอง ผู้ดูแล เจ้าหน้าที่โรงเรียน และเด็กๆ กำลังรอการอนุญาต การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับเด็กที่อายุน้อย จะช่วยให้เรากลับไปยังจุดที่เข้าใกล้กับความปกติเดิมมากยิ่งขึ้น” ดร.เจเน็ต วูดค็อก รักษาการคณะกรรมการ FDA
ภาพจาก: cnbc
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2564 บริษัท ไฟเซอร์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานชุดใหม่เกี่ยวกับผลการทดลองทางคลินิกของวัคซีนป้องกันโควิด-19-19 ในเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี ราว 2,250 ราย โดยมีเด็กในกลุ่มยาหลอกติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 16 ราย ขณะที่กลุ่มที่วัคซีนติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และเมื่อคำนวณจากสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีน มีจำนวนมากกว่าผู้ที่ได้รับยาหลอกแล้ว เท่ากับว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในเด็กเล็กมากถึง 90.7%
ทั้งนี้ รายงาน ระบุด้วยว่า ไม่พบเด็กที่ได้รับวัคซีนแล้วติดโควิด-19 แสดงอาการรุนแรง หรือมีภาวะอักเสบทั่วร่างกาย หรือ MIS-C เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ยากในเด็ก หลังติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ ยังไม่มีรายงานพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันในเด็กที่เข้าร่วมการทดลองฉีดวัคซีน แต่ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะอาสาสมัครมีจำนวนไม่มากเพียงพอ ที่จะสามารถพบผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยากนี้ และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดภาวะดังกล่าวคือ เด็กวัยรุ่นชาย
โดย คอสตาริกา เป็นประเทศแรกในโลกที่มีกฎหมายกำหนดให้เด็กต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยได้ลงนามในข้อตกลงกับไฟเซอร์เพื่อเริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีทั้งหมด ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2565 เป็นต้นไป
ส่วนวัคซีนจาก จอห์สัน แอนด์ จอห์สัน ได้ลงทะเบียนเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปีแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลอง และแอสตร้าเซนเนก้า กำลังวางแผนที่จะดำเนินการทดลองวัคซีนในเด็กอายุไม่เกิน 6 ปีด้วยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ จากการสำรวจของมูลนิธิ Kaiser Family พบว่าผู้ปกครองของเด็กในกลุ่มอายุ 5-11 ปี มากกว่า 1 ใน 4 ต้องการให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด และ 2 ใน 3 ของผู้ปกครองกังวลว่าวัคซีนโควิด-19 จะส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ในอนาคตของบุตรหลาน
แม้ว่า สถาบันกุมารแพทย์อเมริกัน (American Academy of Pediatrics) ได้เผยแพร่วิดีโอที่โต้แย้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน แต่ความลังเลในการตัดสินใจให้เด็กๆ เข้ารับวัคซีนไม่ใช่แค่ความกลัวว่า จะส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์เท่านั้น ผู้ปกครองมากกว่า 3 ใน 4 ค่อนข้างกังวลเป็นอย่างมากว่าเด็กๆ อาจประสบกับผลข้างเคียงที่ร้ายแรง หรือไม่ทราบเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวจากวัคซีนโควิด-19
ทางด้าน สำนักงานยาแห่งยุโรป (European Medicines Agency) ได้ประกาศว่า จะเริ่มตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มอายุ 5-11 ปีในวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา
ภาพจาก: reuters
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2564 โฆษกของบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค เปิดเผยว่า วัคซีนซิโนแวคได้รับการอนุมัติจากทางการจีนสำหรับการใช้แบบฉุกเฉินกับเด็กอายุตั้งแต่ 3- 17 ปีแล้ว โดย บริษัทได้ทำการทดสอบวัคซีนกับเด็กและวัยรุ่นในระยะแรกเสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมจะเผยแพร่ผลการทดสอบลงในวารสารวิทยาศาสตร์แลนเซ็ต
ส่วนโฆษกของบริษัท ซิโนฟาร์ม บริษัทวัคซีนรายใหญ่อีกแห่งของจีน กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนฟาร์มในเด็กแล้วเช่นเดียวกัน
ล่าสุด จีนได้ประกาศเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่เด็กอายุ 3-11 ปีเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมีอย่างน้อย 5 มณฑลในจีน ได้แก่มณฑลหูเป่ย ฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน และไห่หนาน ได้ออกประกาศกำหนดให้เด็กอายุ 3-11 ปี ต้องได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนมณฑลเจ้อเจียงและหูหนาน ออกประกาศเช่นเดียว แต่มีผลบังคับใช้ในบางเมืองเท่านั้น
เช่นเดียวกับ เอกวาดอร์ ฉีดวัคซีนซิโนแวคที่ผลิตจากจีนให้กับเด็กอายุต่ำว่า 6 ปี และชิลี มีการฉีดซิโนแวคให้กับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป
ภาพจาก: bbc
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่ได้เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี โดย คิวบา เป็นประเทศแรกที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19-19 กับเด็กตั้งแต่อายุ 2-11 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดโรงเรียนได้ โดยฉีดวัคซีนอับดาลาและ โซเบอรานา เป็นวัคซีนที่ผลิตในลาตินอเมริกา
อินโดนีเซีน ได้มีการอนุมัติการใช้งานวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค กับเด็กอายุตั้งแต่ 6-11 ปี หลังจากการอนุมัติวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ โดยมีรายงานว่า อินโดนีเซีย มีวัคซีนซิโนแวค อยู่ในคลัง จำนวนมากกว่า 200 ล้านโดส จึงได้พยายามที่จะเคลียร์วัคซีนด้วยการนำไปฉีดเฉพาะให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (อ่านประกอบ: 'อินโดนีเซีย'เคาะฉีดวัคซีนซิโนแวคให้เด็ก 6-11 ปี ควบคู่โครงการเรียนทางไกล 2 เดือน)
ขณะที่ มาเลเซีย ประกาศว่า จะจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ตามคำแนะนำของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับไทย การฉีดวัคซีนให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณษเอกสาร ส่วนวัคซีนที่จะฉีดนั้น เป็นชนิด mRNA ของบริษัทไฟเซอร์
ทั้งหมดนี้ คือภาพถานการณ์ของแต่ละประเทศทั่วโลกกับการฉีดวัคซีนให้กับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ต้องติดตามต่อไปองค์การอนามัยโลกจะประกาศเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในเด็กเล็กอย่างไร
ภาพจาก: cnbc
เรียบเรียงจาก:
U.S. FDA authorizes first COVID-19 shot for young kids
COVID-19 vaccines for children: What are the side effects?
Covid vaccine to be mandatory for children in Costa Rica
Sinovac’s COVID-19 vaccine gains China nod for emergency use in kids, adolescents
Factbox: Countries vaccinating children against COVID-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ส่องสถานการณ์ทั่วโลกกับ 'การฉีดวัคซีนโควิดในเด็ก'
ภาพประกอบจาก: stanford.edu
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage