“..หลังจากอิสราเอลเปิดโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ 2 สัปดาห์ เกิดการระบาดของโควิด-19 แผ่กระจายไปทั่วห้องเรียน มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 130 รายในโรงเรียนเดียว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดโรงเรียนหลายสิบแห่งที่นักเรียนและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ..”
1 พ.ย.2564 เด็กนักเรียนในประเทศไทย จะได้กลับไปเรียนหนังสือตามปกติที่โรงเรียน หรือที่เรียกว่า ‘ออนไซต์ (On-site)’ สำหรับภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
แม้ว่าการเปิดให้นักเรียนกลับไปที่โรงเรียนครั้งนี้จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นที่ตั้งสูงสุด และมีการเร่งระดมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนตั้งแต่ เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
แต่ผู้ปกครอง และหลายภาคส่วนในสังคมบางกลุ่ม ยังมีความกังวลต่อการเปิดเรียนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวมข้อมูลสถานการณ์ของประเทศ ‘อิสราเอล’ ที่ได้มีการเปิดเรียนที่โรงเรียน เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และได้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูง มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
‘อิสราเอล’ เป็นชาติแรกของโลกที่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 จนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงและรัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เกือบทั้งหมดในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ขนานใหญ่ตั้งแต่เดือน ม.ค. และประชาชนส่วนใหญ่เกิน 50% ฉีดครบ 2 โดส แล้วเมื่อ มี.ค. แต่เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากวัคซีนไฟเซอร์ จะเริ่มลดลง 6-8 เดือนหลังจากการฉีดครบโดส ทำให้ภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ลดลงตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันที่เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ระบาด ทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. จนมีจำนวนเกิน 1,000 คนต่อวันในช่วงกลางเดือน ก.ค. และเกิน 2,000 คนต่อวัน
ภาพจาก: haaretz.com
‘การกลับมาเรียนที่โรงเรียนตามปกติ’ ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา อาจเป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้การระบาดสูงขึ้น แม้ว่าครูและบุคลากรทุกคนในโรงเรียนจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่นักเรียนส่วนน้อยเท่านั้นที่เคยได้รับวัคซีน
หลังจากการเปิดโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ 2 สัปดาห์ เกิดการระบาดของโควิด-19 แผ่กระจายไปทั่วห้องเรียน มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 130 รายในโรงเรียนเดียว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดโรงเรียนหลายสิบแห่งที่นักเรียนและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ การตัดสินใจปิดโรงเรียนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีการยืนยันผู้ป่วยมากกว่า 200 รายในหมู่นักเรียนและเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนต่างๆ
กระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า มีนักเรียนและบุคคลากรในโรงเรียนติดเชื้อ อย่างน้อย 244 ราย ทำให้โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียน อย่างน้อย 42 แห่ง ถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด นักเรียนและครูมากกว่า 6,800 คนถูกกักตัวที่บ้านตามคำสั่งของรัฐบาล
เป็นการพลิกกลับอย่างฉับพลัน ภายหลังเกิดระบาของโควิด-19 ครั้งใหญ่ในอิสราเอล เนื่องจากทางการได้ยกเลิกมาตรการต่างๆ หลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 300 ราย ทำให้ นาย Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัยชนะเมื่อต้นเดือน พ.ค. จากการระบาดใหญ่ และกล่าวว่าให้ชาวอิสราเอลไปร้านอาหารและ 'สนุกกับตัวเอง'
แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้องพิจารณาบังคับใช้ฟื้นฟูมาตรการต่างๆ ใหม่ ซึ่งรวมถึงการปิดโรงเรียนทั้งหมด แม้ว่านาย Yoav Gallant รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ จะอ้างว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงเรียนของอิสราเอลโดยรวมยังต่ำอยู่ และการปิดโรงเรียนทั้งหมดก็ไม่สมเหตุสมผล
ภาพจาก: dailynews.co.th
โรงเรียนต่างๆ เริ่มเปิดอีกครั้งในต้นเดือน พ.ค. โดยแบ่งชั้นเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ ของนักเรียน เพื่อป้องกันการระบาดในวงกว้าง และวางกำหนดการว่า ภายในวันที่ 17 พ.ค. ข้อจำกัดด้านขนาดชั้นเรียนถูกยกเลิก แต่ก็เกิดการระบาดคลัสเตอร์ใหญ่ ในโรงเรียน Gymnasia Rehavia โรงเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายในกรุงเยรูซาเล็ม มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 130 ราย แบ่งเป็น นักเรียน 116 ราย และครู 14 ราย ทำให้ต้องปิดโรงเรียน
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เร่งตรวจสอบว่า ไวรัสแพร่กระจายไปที่นั่นอย่างไร ครูคนหนึ่ง เปิดเผยกับสำนักข่าว NPR ว่า มีการตรวจพบว่านักเรียนคนหนึ่งในระดับชั้น ม.1 ติดเชื้อ และทั้งระดับชั้นถูกสั่งให้กักตัวที่บ้าน จากนั้น มีการตรวจพบว่า นักเรียนชั้น ม.3 มีผลตรวจเป็นบวก และโรงเรียนก็ปิดตัวลง
“มันเป็นความผิดพลาดที่จะกลับไปเรียนในรูปแบบนี้” ครูคนนั้นกล่าว
เมื่อ Collège des Frères โรงเรียนโรมันคาธอลิกของฝรั่งเศสในเมืองจาฟฟา ประกาศว่า มีผู้ปกครองของนักเรียนบางคน มีผลตรวจเป็นบวก และเพื่อนร่วมชั้นของลูกๆ ของเขาถูกส่งกลับบ้าน แต่ทั้งนี้ผู้ปกครองหลายรายในระดับชั้นอื่นๆ ที่กังวถึงความปลอดภัยของบุตรหลาย จึงได้ตัดสินใจให้ไม่ให้นักเรียนหยุดการไปเรียนที่โรงเรียน แม้ว่าโรงเรียนที่ยังคงเปิดอยู่
นพ.Arnon Afek แพทย์ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยาและการจัดการทางการแพทย์ กล่าวถึงการระบาดในโรงเรียน ว่า ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลย เกี่ยวกับการเกิดคลัสเตอร์ในโรงเรียน เพราะกรณีนี้เกิดขึ้นในเกาหลีใต้และสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน
หลังจากการจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการติดเชื้อในโรงเรียน รัฐบาลได้ประกาศฟื้นฟูระเบียบบังคับมาตรการป้องกันตนเองต่างๆ เพื่อชะลอการระบาด เช่น บังคับใส่หน้ากากภายในอาคาร ในโรงเรียน และในขนส่งสาธารณะ การบังคับใช้ Green Passport กับงานอีเวนต์ภายในอาคารที่มีผู้เข้าร่วมงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป และเมื่อเดือน มิ.ย. ได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่เด็กนักเรียนอายุ 12-15 ปี และอนุมัติให้มีการฉีดโดสที่ 3 แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
อีกทั้ง อนุมัติให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ขนาด 1 มิลลิลิตร (ปกติ 3 มิลลิลิตร) ให้แก่เด็กกลุ่มเสี่ยงอายุ 5-11 ปี คือ มีอาการของโรคอ้วน โรคปอดเรื้อรัง ความผิดปกติของพัฒนาการระบบประสาท ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะโลหิตจางเซลเคียว หรือโรคภูมิต้านทานตนเองแบบรุนแรงชนิดต่าง ๆ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ภาพจาก: timesofisrael.com
สำหรับปัจจัยที่ทำให้อิสราเอลควบคุมการระบาดให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทยอยลดลง หลังการเปิดโรงเรียนในเดือน ก.ย. คือ การที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ ได้ทันท่วงที แต่อีกปัจจัยสำคัญและน่าจะมีผลเป็นอย่างมาก คือ เดือน ก.ย. เป็นเดือนแห่งวันหยุดสำคัญทางศาสนา ต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งมีข้อห้ามทำงาน ห้ามเขียนหนังสือ รวมถึงห้ามขับรถ
สำหรับประเทศไทย ที่จะเปิดเรียนที่โรงเรียนในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้ รวมถึงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว อาจจะต้องศึกษากรณีประเทศอิสราเอลเป็นตัวอย่างสำหรับการรับมือ หากเกิดการระบาดขึ้น
เรียบเรียงจาก:
-
After Reopening Schools, Israel Orders Them To Shut If COVID-19 Cases Are Discovered
-
Israel Expands COVID Quarantine Exemption to All Schools, Preschools
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage