เมื่อกลุ่มประชากรได้รับการฉีดวัคซีนเข้มข้นมากขึ้น แน่นอนว่าจะมีการควบคุมไวรัสได้มากขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นก็คือว่าไวรัสนั้นอาจจะมีความแตกต่างไปในแต่ละปี ซึ่งสำหรับผมแล้วก็หวังว่าแบบคำนวณนั้นจะถูกต้อง แต่ทั้งนี้ มันก็มีเรื่องเซอร์ไพรซ์เกี่ยวกับไวรัสนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด ดังนั้นผมจึงไม่สามารถที่จะคาดการณ์อะไรได้เลย
สถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัส ณ เวลานี้นั้นเริ่มมีความเห็นจากหลายฝ่ายที่เริ่มพูดถึงคำว่าการใช้ชีวิตกับโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยในปี 2565 นั้นได้มีการประมาณว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้แบบปกติในหลายพื้นที่ทั่วโลกที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง
อย่างไรก็ตามก็มีความกังวลเกี่ยวกับคำว่าการใช้ชีวิตกับไวรัสโควิด-19 ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้วหรือยัง
ล่าสุดสำนักข่าว Healthline ซึ่งเป็นสำนักข่าวเกี่ยวกับด้านสุขภาพของสหรัฐอเมริกา ได้มีการจัดทำรายงานฉบับหนึ่งวิเคราะห์ว่าสถานการณ์เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นดีขึ้นแล้วหรือยัง โดยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายงานดังกล่าวมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
ในช่วงเวลา 2 ใกล้จะผ่านพ้นไปนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้มีการทำนายว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในช่วงปี 2565 โดย นพ.แอนโทนี่ เฟาซี ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าประเทศสหรัฐฯนั้นจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่นายสเตฟาน บ็องเซล ผู้บริหารของบริษัทโมเดอร์นา ก็ได้ออกมาคาดการณ์เช่นกันว่าภายในไม่เกิน 1 ปีนั้นวิกฤติโควิดน่าจะสิ้นสุดลง
และข้อมูลจากโมเดลการคำนวณด้วยคณิตศาสตร์ มีการประเมินว่าไวรัสโควิดเดลต้านั้นพุ่งขึ้นสู่จุดสุงสุดแล้ว และคาดว่าจะอยู่ในโค้งขาลงในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Healthline ได้มีการไปสัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญหลายคน เพื่อสอบถามความเห็นถึงการคาดการณ์สถานการณ์และสอบถามว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถึงจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปได้
@การมองโลกในแง่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่
ทางด้านของ พญ.วิดยา โมนี (Vidya Mony) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กที่ศูนย์การแพทย์ซานตาคลาราวัลเลย์ ในซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนียได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ไว้ว่า “ส่วนตัวแล้ว ณ จุดนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์อะไรได้เลย”
พญ.วิดยากล่าวต่อไปว่าความคิด ความเชื่อว่าที่โรคระบาดนั้นจะเข้าสู่จุดสิ้นสุดภายในหนึ่งปีนั้นถือว่าเป็นการมองโลกที่ค่อนข้างจะแง่ดี แต่ตามธรรมชาติแล้วการจะยุติโรคระบาดนั้นจะต้องอาศัยความพยายามในระดับโลกร่วมกัน
“ตามคำนิยามแล้ว นี่คือโรคติดเชื้อที่มีการกระจายไปทั่วโลก ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถที่จะฉีดวัคซีนให้กับคนทั่วโลกได้แล้ว มันก็เป็นไปได้ที่สูงมากที่เราจะมีสายพันธุ์ใหม่ๆ และก็มีการแพร่เชื้อต่อเนื่องไปอีก” พญ.โมนีกล่าว
ซึ่งจากคำพูดของ พญ.โมนี สหรัฐฯนั้นดูเหมือนว่าจะยกเลิกมาตรการป้องกันโรคเร็วเกินไป
“เรารู้ดีถึงไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าและผลกระทบอันเลวร้ายของมันที่ประเทศอินเดีย แต่ทว่าสหรัฐฯก็เริ่มกระบวนการเปิดประเทศในช่วงเดือน มิ.ย.ซึ่งเราก็รู้กันหมดว่านั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด” พญ.โมนีกล่าวต่อ
จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันในประเทศสหรัฐอเมริกาจากไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2564
@ผู้เชี่ยวชาญกล่าว่าภูมิคุ้มกันยังเป็นปัจจัยสำคัญ
จากข้อมูลของ นพ.ชาลส์ เบลีย์ ผู้อํานวยการทางการแพทย์ด้านการป้องกันการติดเชื้อที่โรงพยาบาลโพรวิเดนซ์มิชชั่นได้กล่าวว่ามีหลักฐานที่ว่าภูมิคุ้มกันทางธรรมชาตินั้นอย่างน้อยก็สามารถให้การปกป้องได้ดีเทียบเท่ากับภูมิคุ้มกันซึ่งได้รับจากการฉีดวัคซีน และการฉีดวัคซีนแม้กระทั่งแค่โดสเดียวก็สามารถจะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติได้
“ข้อเท็จจริงเหล่านี้นั้นควรจะเป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาเมื่อมีการพัฒนานโยบายด้านการฉีดวัคซีนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งการฉีดวัคซีนแค่วัคซีนบูสเตอร์ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่หายจากอาการป่วยแล้วนั้น สิ่งนี้จะทำให้อุปทานของวัคซีนที่มีอยู่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้วัคซีนนั้นมีจำนวนเพียงพอเพื่อที่จะนำไปฉีดให้กับผู้ที่ยังไม่ป่วย” นพ.เบลีส์กล่าว
@แบบจำลองว่าการเสียชีวิตจากไวรัสนั้นจะลดลงเป็นอย่างยิ่ง
ศูนย์กลางการสร้างแบบจําลองสถานการณ์โควิด-19 นั้นได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 รายวันนั้นจะลดต่ำกว่า 100 ราย ในช่วงเดือน มี.ค. 2565
นพ.หลุยส์ มอร์เลดจ์ อายุรแพทย์ที่โรงพยาบาลเลนอกซ์ ฮิลล์ ในนิวยอร์ก กล่าวว่าตัวเขานั้นคาดการณ์ว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่อาจจะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างไปอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่แน่ใจในเรื่องของความเป็นไปได้ แต่ถ้าหากเกิดกรณีเรื่องของซุปเปอร์สเปรดเดอร์ระบาดขึ้นมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม,ไม่ว่าจะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือไม่,หรือว่าจะมีกรณที่ภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนนั้นไม่สามารถจะปกป้องเราได้จากไวรัส ในกรณีนี้ทุกอย่างนั้นจะนำไปสู่สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง” นพ.มอร์เลดจ์กล่าว
อย่างไรก็ตามเขาเชื้อว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถจะตัดสินใจในเรื่องปัจจัยอันจะนำไปสู่การลดการเสียชีวิตได้
“สิ่งที่ผมเห็นเป็นส่วนใหญ่ก็คือผู้คนซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีรายงานเรื่องของการติดเชื้อแบบก้าวหน้าให้เป็นอยู่เป็นระยะ ซึ่งคนกลุ่มนี้นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มที่เป็นส่วนน้อยมากและดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงการดูแลสุขภาพในระดับสูง”นพ.มอร์เลดจ์กล่าวต่อ
นพ.มอร์เลดจ์กล่าวต่อไปว่าดังนั้นถ้าหากเราทำสิ่งที่เรียกกันว่าร่มวัคซีน คือการให้คนได้รับโดสวัคซีนมากที่สุด ก็คาดการว่าใน 6-12 เดือนหลังจากนี้ สถานการณ์ต่างๆก็น่าจะดีขึ้น
@ความลังเลด้านการฉีดวัคซีนที่ยังเป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของ นพ.เดวิด เฮิร์ชเวิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่มีสุขภาพนอร์ทเวลในแมนฮัสเซต นิวยอร์ก กล่าวว่าการฉีดวัคซีนนั้นอาจจะเป็นทางออกของโรคระบาดนี้ แต่ว่ากรณีทั้งความลังเลเรื่องการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการที่จะให้เด็กได้รับการฉีดวัคซีน เรื่องนี้นั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์การฉีดวัคซีนดังกล่าว
“เมื่อกลุ่มประชากรได้รับการฉีดวัคซีนเข้มข้นมากขึ้น แน่นอนว่าจะมีการควบคุมไวรัสได้มากขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นก็คือว่าไวรัสนั้นอาจจะมีความแตกต่างไปในแต่ละปี ซึ่งสำหรับผมแล้วก็หวังว่าแบบคำนวณนั้นจะถูกต้อง แต่ทั้งนี้ มันก็มีเรื่องเซอร์ไพรซ์เกี่ยวกับไวรัสนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด ดังนั้นผมจึงไม่สามารถที่จะคาดการณ์อะไรได้เลย” นพ.เฮิร์ชเวิร์กกล่าวและเน้นย้ำว่าความลังเลด้านการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นนั้นยังคงเป็นปัญหาใหญ่
รายงานข่าวผู้เสียชีวิตสะสมจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเกิน 700,000 ราย (อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส)
@ข้อสรุป
หน่วยงานด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญนั้นต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่างไรเสียสถานการณ์ด้านไวรัสก็ต้องมีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งขอปี 2565แต่ทว่าแม้การคาดการณ์ดังกล่าวจะมีความแม่นยำ แต่ปัจจัยต่างๆ อาทิ เช่นสหรัฐอเมริกาซึ่งเปิดประเทศเร็วเกินไป รวมไปถึงความลังเลด้านการฉีดวัคซีนนั้นก็อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าออกไปได้
เรียบเรียงจาก:https://www.healthline.com/health-news/will-the-pandemic-really-end-next-year-what-experts-think#The-bottom-line
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage