ศบค. เคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2 เดือนถึง 30 พ.ย.64 ลดเวลาเคอร์ฟิว 22.00 - 04.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์ 15 วัน พร้อมผ่อนคลาย 9 กิจกรรม อาทิ โรงหนัง นวด สปา เล่นดนตรีในร้านอาหาร แต่ยังไม่อนุญาตให้เปิดศูนย์ประชุม-ศูนย์แสดงสินค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 14 ตั้งแต่ 1 ต.ค. – 30 พ.ย.2564 ส่วนการบังคับใช้ พ.ร.ก.โรคติดต่อฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมการในช่วงเปลี่ยนผ่าน และการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่จะรับช่วงต่อจาก ศบค.ต่อไป
นอกจากนั้นยังเห็นชอบให้คงพื้นที่สถานการณ์ไว้ตามเดิม คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และ พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด
ผ่อนคลาย 9 กิจกรรม โรงหนัง-เล่นดนตรีในร้านอาหาร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ผ่อนคลายกิจกรรม 10 ประเภทในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด โดยให้เปิดกิจการ 9 ประเภท ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting ยกเว้น ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ที่ยังไม่อนุญาตให้เปิด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน เปิดกิจการได้แต่ต้องผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือ กทม. โดยให้กรมอนามัยทำแนวปฏิบัติต่อไป
2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ เปิดได้โดยจำกัดจำนวน 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร หรือให้เข้าชมได้ไม่เกิน 75% สวมหน้ากากตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
3.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน แหล่งประวัติศาตร์หรือโบราณสถาน เปิดได้โดยจำกัดจำนวน 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร หรือให้เข้าชมได้ไม่เกิน 75% สวมหน้ากากตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
4.ศูนย์การเรียนรู้ หรือ ศูนย์การวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศษสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์วัฒนธรรมหรือหอศิลป์ เปิดได้โดยจำกัดจำนวน 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร หรือให้เข้าชมได้ไม่เกิน 75% สวมหน้ากากตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร และปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
5.ร้านทำเล็บ เปิดดำเนินการได้ โดยนัดหมายล่วงหน้า
6.ร้านสัก เปิดดำเนินการโดยนัดหมายล่วงหน้า ลูกค้าได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือ มี ATK หรือ RT-PCR ผลเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
7.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ นวด สปา เปิดดำเนินการได้ โดยนัดหมายล่วงหน้า จำกัดเวลาบริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อคน และสามารถเปิดบริการที่ใช้น้ำเพื่อสุขภาพในกิจการสปาภายใต้ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 โดยลูกค้าต้องมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังไม่เปิดบริการอบไอน้ำ
8.ธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือฉายภาพยนตร์ เปิดดำเนินการได้ถึง 21.00 น. ลดจำนวนเหลือ 50% และการนั่งที่เว้นที่ แต่ถ้ามาด้วยกันนั่งด้วยกันได้ สวมหน้ากากตลอดเวลา และไม่ให้รับประทานอาหาร
9.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร เปิดดำเนินการได้ จำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 5 คน สวมหน้ากากตลอดเวลา ส่วนนักร้องถอดหน้ากากเฉพาะเวลาร้องเพลง ห้ามสัมผัสคลุกคลีกันระหว่างนักร้องนักดนตรีและลูกค้า
10.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ยังไม่เปิดดำเนินการ และให้มีการติดตามสถานการณ์ 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากทำให้มีการเดินทางเข้าร่วมอบรมสัมมนาจากหลายพื้นที่ และมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก
ลดเวลาเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น. ห้าง-ตลาดเปิดได้ถึง 3 ทุ่ม
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ศบค.ให้ปรับเงื่อนไขมาตรการอื่นๆ โดย ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 22.00-04.00 น. โดยให้ดำเนินการอย่างน้อย 15 วันแล้วจะประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง
ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ถึง 21.00 น. และอนุญาตให้เปิดสถาบันกวดวิชาได้ โดยความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือ กทม. ทั้งนี้ให้เปิดโรงภาพยนตร์ สปา ห้องออกกำลังกาย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ได้ตามแนวทางที่กำหนด และยังไม่เปิดดำเนินการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ และห้องประชุมหรือจัดเลี้ยง
ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด เฉพาะจำหน่ายอุปโภคบริโภค ให้เปิดได้ถึง 21.00 น.
ประเภทกีฬากลางแจ้ง ให้เปิดดำเนินการได้ทุกประเภทกีฬาไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม กีฬาในร่มจัดแข่งได้โดยไม่มีผู้ชม ส่วนประเภทกลางแจ้งจัดแข่งได้โดยมีผู้ชมไม่เกิน 25% ของความจุสนาม และต้องได้รับวัคซีนหรือมีผลตรวจเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
ลดเวลากักตัวคนเดินทางเข้าไทย-กางไทม์ไลน์เปิดประเทศ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร กรณีมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ให้ลดเวลากักตัวเหลือ 7 วัน ส่วนกรณีที่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน กรณีทางอากาศและทางน้ำ ให้กักตัวอย่างน้อย 10 วัน และกรณีทางบกให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน ทั้งนี้ทุกกรณีต้องตรวจหาเชื้อด้วย RT-PCR 2 ครั้ง
นพ.ทวีศิลป์กล่าด้วยว่า เห็นชอบจังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในแต่ละระยะ ดังนี้
ระยะนำร่องวันที่ 1–31 ต.ค.2564 ดำเนินการในพื้นที่นำร่องเดิม 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต , สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) , พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) , กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)
ระยะที่ 1 วันที่ 1-30 พ.ย.2564 เปิดเพิ่มอีก 10 จังหวัด ซึ่งเป้นเมืองหลักที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้การท่องเที่ยวทั้งหมด ประกอบด้วย กทม. , กระบี่ , พังงา , ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หัวหิน หนองแก) , เพชรบุรี (เทศบางเมืองชะอำ) , ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) , ระนอง (เกาะพยาม) , เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) , เลย (เชียงคาน) , บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
ระยะที่ 2 วันที่ 1-31 ธ.ค.2564 เปิดเพิ่ม 20 จังหวัด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส
ระยะที่ 3 วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป คือ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี สตูล
รับทราบแผนหาวัคซีน 178.2 ล้านโดสในปี 64
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีน โดยตลอดทั้งปีจะมีทั้งหมด 178.2 ล้านโดส มาจาก ซิโนแวค 31.5 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 63.2 ล้านโดส ไฟเซอร์ 31.5 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 50 ล้านโดส และโมเดอร์นา 2 ล้านโดส
ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบให้ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ ตามที่ กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ประเทศในสหภาพยุโรคมีวัคซีนพร้อมขายต่อ ดังนี้
สเปน มีแอสตร้าเซนเนก้า 165,000 โดส ราคาโดสละ 2.9 ยูโร และไฟเซอร์ 2,788,110 โดส ราคาโดสละ 15.5 ยูโร
ฮังการี มีแอสตร้าเซนเนก้า 400,000 โดส ราคาโดสละ 1.78 ยูโร โดยมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าบรรจุภัณฑ์ และที่ควบคุมอุณหภูมิ ค่าขนส่ง ค่าภาษีศลกากรขาออก-ขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าประกันความเสียหาย
สำหรับเป้าหมายปี 2564 ประชากร 70 ล้านคนจะได้รับวัคซีนทั้งหมด 62 ล้านคน หรือ 90% โดยจะฉีดเข็ม 1 ให้ได้ 80% ภายใน ธ.ค.2564 และฉีดเข็ม 2 ให้ได้ 70% ภายใน ธ.ค.2564
สำหรับแผนจัดหาวัคซีนปี 2565 ตั้งเป้าจัดหาให้ได้ 120 ล้านโดส เป็นแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส ไฟเซอร์ 30-50 ล้านโดส และวัคซีนตัวอื่นๆ 10-30 ล้านโดส
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/