"...นายสมควร เคยรับราชการครูมาก่อน และยัง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ชื่อ เทพชุมทองก่อสร้าง โดยร่วมหุ้นกับน้อง ๆ ของนายสมควร และในปัจจุบันนายสมควร ก็ยังคงประกอบอาชีพรับเหมาอยู่อีก โดยมักจะมา รับงานก่อสร้างของเทศบาลตําบลสุคิริน แต่จะไม่ใช้ชื่อของตนเองหรือเทพชุมทอง เข้ามารับงาน มักจะขอยืมชื่อของห้างฯ หรือบุคคลธรรมดาอื่น ๆ มาทําสัญญากับ เทศบาลตําบลสุคิริน..."
...........................................
กรณี ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้ในคดี นายสมควร เกตุแก้ว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสุคิริน จ.นราธิวาส ถูกกล่าวหาว่า จ้างเอกชนก่อสร้างถนนวงเงิน 6.8 ล้านบาท แต่เอกชนรายดังกล่าวไม่ได้เข้าไปทำงานจริง และมีการแบ่งเงินค่าโครงการให้ 10%
โดยให้จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 อีกมาตราหนึ่ง การกระทําของจําเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 จําคุก 3 ปี ทางนําสืบของจําเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจําคุก 2 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำพฤติการณ์การกระทำความผิด ของ นายสมควร เกตุแก้ว มานำเสนอไปแล้วว่า ขณะเกิดเหตุ นายสมควร เกตุแก้ว ในฐานะจำเลย ดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีสุคิริน อําเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ต่อมากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เงินอุดหนุนสําหรับก่อสร้าง/ปรับปรุงซ่อมแซมถนนทางหลวงท้องถิ่น 6,904,100 บาท ให้เทศบาลตําบลสุคิริน ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กชุมชนกลันตัน ซอย 4 หมู่ที่ 4 ตําบลสุคิริน อําเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส กว้าง 6 เมตร ยาว 1,530 เมตร หนา 0.15 เมตร หรือมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 9,180 ตารางเมตร
นายสมควร มีความประสงค์จะรับจ้างก่อสร้าง ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 ดังกล่าว แต่เนื่องจากจําเลยดํารงตําแหน่ง นายกเทศมนตรีตําบลสุคิรินไม่สามารถเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับ เทศบาลตําบลสุคิรินได้ นายสมควร จึงมอบหมายให้ นาย น. ไปเจรจากับนาย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ว่า ประสงค์จะรับจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 ดังกล่าว แต่ต้องการใช้ชื่อของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา เป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลสุคิริน
โดยจะดําเนินการก่อสร้างเองทั้งหมดและเสนอเงื่อนไขว่า จะชําระค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลประจําปีของรายได้จากการก่อสร้างถนนให้ และจะซื้อวัสดุก่อสร้างที่ใช้ในการก่อสร้างจากห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา แต่นาย ส. ต้องออกเงินค่าประกันสัญญาไปก่อน เมื่อส่งมอบงานงวดที่ 1 และได้เงินแล้ว จึงให้นาย ส. หักค่าประกันสัญญาคืน ก่อนที่งานโครงการจะมีปัญหาในภายหลัง ทำให้เรื่องนี้ถูกร้องเรียนให้มีการสอบสวนในเวลาต่อมา
ข้อมูลสำคัญในคดีนี้อีกชุดหนึ่ง ที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการ คือ ข้อมูลธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ นายสมควร คำให้การพยานปากสำคัญ และคำเบิกความแก้ต่างของ นายสมควร
@ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสุคิริน
ข้อเท็จจริงเบื้องต้นในคดีนี้ มีการระบุว่า นายสมควร เคยรับราชการครู และทํางานรับเหมาก่อสร้างด้วย
โดยเป็นผู้ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง จดทะเบียนนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 มีนายสมควร เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีสํานักงานอยู่เลขที่ 2/2 หมู่ที่ 9 ตําบลเกียร์ อําเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ต่อมาวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 นายสมควร ได้รับเลือกตั้งตําแหน่งนายกเทศมนตรี ตําบลสุคิริน จึงออกจากการเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง
ขณะที่ นาย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ให้การเป็นพยานเบิกความว่า คนทั่วไปมักจะเรียกพยานว่า "เถ้าแก่ อ." เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กชุมชนกลันตัน ซอย 4 ของเทศบาล ตําบลสุคิรินนั้น นาย น. ซึ่งเป็นช่างผู้ควบคุมงานและเป็นคนสนิทของนายสมควร ได้เข้ามาติดต่อว่าจะขอยืมชื่อและทะเบียนของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ไปทําสัญญา ในฐานะผู้รับจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กดังกล่าวกับเทศบาลตําบลสุคิริน
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของคนในอําเภอสุคิรินว่า นาย น. เป็นลูกน้องของนายสมควร มีหน้าที่คอยควบคุมงานรับเหมาก่อสร้างให้ เพราะนายสมควรเป็นนายกเทศมนตรีตําบลสุคิรินแล้วยังประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างอีกด้วย
ในการขอยืมชื่อห้างหุ้นส่วนจํากัดธนาการโยธา ไปทําสัญญาในฐานะผู้รับจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กดังกล่าวนั้น นาย น. ได้เสนอผลตอบแทนว่า จะชําระค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลประจําปีที่เกี่ยวกับกิจการนี้ให้ และจะซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านของพยาน
แต่มีข้อแม้ว่าพยานจะต้องออกเงินค่าประกันการทําสัญญาไปก่อน เมื่อส่งมอบงานงวดที่ 1 แล้ว จะชําระค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
ในส่วนของขั้นตอนการดําเนินการก่อสร้างนั้น นาย น. จะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด พยานตกลงตามข้อเสนอของนาย น.
ในเวลาไม่นานนักก็มีจดหมายเชิญจากเทศบาลตําบลสุคิรินให้เข้า ไปทําการเสนอราคาและทําการเจรจาต่อรองราคาเพื่อก่อสร้างถนนในโครงการนี้
พยานได้ทําการต่อรองราคาและทําสัญญาตามระเบียบราชการ โดยในการทําสัญญาพยานวางเงินประกันสัญญาตามที่ได้ตกลง 345,205 บาท
โดยเงินประกันในส่วนนี้ พยานได้รับคืนมาแล้วหลังจากมีการส่งมอบงานในงวดที่ 1 หลังจากทําสัญญาแล้ว พยานและห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ไม่ได้ส่งคนงานไปทําการก่อสร้างหรือดําเนินการก่อสร้างงานแต่อย่างใด
เนื่องจากในส่วนของการก่อสร้างนั้น นาย น. เป็น คนดําเนินการก่อสร้างโดยได้นําคนงานและวัสดุก่อสร้างไปทําการก่อสร้างถนนสายดังกล่าวแทนตามที่ได้ตกลงกันไว้
@ เตรียมเอกสารชี้แจง ป.ป.ช.
ประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2561 นายสมควร ได้ติดต่อพยานทางโทรศัพท์ โดยแจ้งว่าถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 จึงขอให้พยานจัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธาไว้ และจะนําเอกสารบางส่วนมาให้พยานลงชื่อรับรอง หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน
เมื่อพยานเข้ามาที่ร้านพบว่ามีเอกสารและภาพถ่ายของร้านวางอยู่บนโต๊ะ จึงเข้าใจว่าเป็นเอกสารที่นายสมควร ขอให้ลงชื่อรับรอง จึงได้ลงชื่อรับรองและแจ้งให้นายสมควร มารับเอกสารไป หนังสือรับรองที่ลงนามไปนั้นเป็นเอกสารที่นายสมควร จัดทําขึ้น ได้อ่านแล้วเข้าใจว่าเป็นหนังสือที่รับรองว่า ห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา เป็นผู้ทําสัญญากับเทศบาล ในการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กชุมชนกลันตัน ซอย 4 จริง และเป็นการยืนยันว่าห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา มีศักยภาพที่จะดําเนินงานก่อสร้างกับหน่วยงานของรัฐได้ อีกทั้งนาย น. ยังค้างค่าวัสดุก่อสร้างกับห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา อยู่อีกจํานวนหนึ่ง
พยานจึงจําต้องลงนามรับรองไปและเกรงว่าหากไม่ให้ความร่วมมือกับนายสมควร ในการลงชื่อในเอกสารจะตกเป็นที่สงสัยว่า ทําไมจึงไม่ยอมให้ความร่วมมือ ดังนั้น พยานจึงจําใจต้องยอมลงชื่อในเอกสาร และยอมให้เอกสารไป
@ คำเบิกความลูกน้องคนสนิท
ขณะที่ นาย น. ให้การเป็นพยานเบิกความว่า พยาน รู้จักนายสมควร มานานแล้ว ตั้งแต่พยานอายุ 30 ปีเศษ ขณะนั้นนายสมควร รับราชการครูและมีอาชีพเสริมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง พยานทํางานให้นายสมควร ตั้งแต่ก่อนนายสมควร ตั้งห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ปกติพยานทําสวน หากนายสมควร มีงาน จะเรียกให้พยานไปช่วยควบคุมงาน
ปัจจุบันพยานประกอบอาชีพรับจ้างเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ทําหน้าที่เป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้าง และควบคุมการก่อสร้างได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 700 บาท พยานเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง มาแล้วประมาณ 5 ปี ก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกจ้างของนายสมควร โดยเป็นลูกจ้างของจําเลยตั้งแต่จําเลยรับราชการครู และประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างในนามห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง
ต่อมาเมื่อนายสมควร เกษียณอายุได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกเทศมนตรีตําบลสุคิริน ก็ได้มอบหมายให้ บุตรสะใภ้เป็นผู้ดูแลกิจการแทน
เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 ของเทศบาลตําบลสุคิรินนั้น นายสมควร ได้แจ้งพยานว่า เทศบาลตําบลสุคิรินจะดําเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชุมชนกลันตัน ซอย 4 จึงให้พยานเข้าไปติดต่อพูดคุยกับนาย ส. เจ้าของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ว่า นายสมควร จะขอยืมชื่อของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา มาเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลสุคิรินในการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว พยานจึงได้เข้าไปติดต่อกับนาย ส. ตามที่ นายสมควร ได้สั่งการมา
เมื่อเข้าไปพบนาย ส. ก็ได้แจ้งว่านายสมควร จะขอยืมชื่อห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ไปทําสัญญากับเทศบาลตําบลสุคิริน โดยในส่วนของการก่อสร้างนั้น นายสมควร จะเป็นผู้ลงมือทําการก่อสร้างเองทั้งหมดและจะซื้อวัสดุก่อสร้างจากห้างของนาย ส. ทั้งหมดเช่นกัน
ในการพูดคุยนาย ส. ได้ขอส่วนแบ่งจากการให้ยืมชื่อของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ไปทําสัญญาในครั้งนี้ คิดเป็นจํานวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้างก่อสร้างที่ระบุในสัญญา ซึ่งโครงการนี้ตามสัญญาได้ระบุค่าจ้างไว้ที่ 6,904,100 บาท
จากนั้นพยานได้แจ้งให้นายสมควร ทราบว่านาย ส. ยินดีให้ใช้ชื่อของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา มาเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลสุคิริน หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ นายสมควร ได้แจ้งพยานให้นําคนงานก่อสร้างเข้าไปทําการเคลียร์พื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างถนน และให้ลงมือ
ทําการก่อสร้างถนนได้ทันที
โครงการนี้นายสมควร เป็นผู้ดําเนินการก่อสร้างเองทั้งหมด โดยคนงานก่อสร้างเป็นคนที่พยานจัดหามา ส่วนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างซื้อจากห้างของนาย ส. และในส่วนของเครื่องจักร เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุก 10 ล้อ รถโม่ปูน รถไถ จะเป็นของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ทั้งหมด
ห้างหุ้นส่วนจํากัดธนาการโยธา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างถนนสายนี้เลย วัสดุก่อสร้าง เช่น หิน ทราย ปูน จะเก็บไว้ที่บ้านของนายสมควร เพราะจะทําการผสมปูนที่บ้านของนายสมควร
แต่ถ้าสอบถามคนในอําเภอสุคิรินว่าห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง เป็นของใคร คนในอําเภอสุคิรินจะรู้กันว่าเป็นของจําเลย เพราะรถบรรทุกต่าง ๆ จอดอยู่ที่บ้าน ของ นายสมควร
@ พยานอ้างโครงการอื่น ๆ ก็มีด้วย
ทั้งนี้ การไต่สวนคดีนี้ ยังมีการสอบปากคำพยาน ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ในฐานะช่วงผู้ควบคุมงานด้วย เบิกคำให้การว่า นายสมควร เคยรับราชการครูมาก่อน และยัง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ชื่อ เทพชุมทองก่อสร้าง โดยร่วมหุ้นกับน้อง ๆ ของนายสมควร และในปัจจุบันนายสมควร ก็ยังคงประกอบอาชีพรับเหมาอยู่อีก โดยมักจะมา รับงานก่อสร้างของเทศบาลตําบลสุคิริน แต่จะไม่ใช้ชื่อของตนเองหรือเทพชุมทอง เข้ามารับงาน มักจะขอยืมชื่อของห้างฯ หรือบุคคลธรรมดาอื่น ๆ มาทําสัญญากับ เทศบาลตําบลสุคิริน
เหตุที่ทราบว่านายสมควร มักจะรับงานก่อสร้างของเทศบาลตําบลสุคิริน ไปทําเอง เพราะพยานเป็นช่างผู้ควบคุมงานของเทศบาลมีหน้าที่ดูแลการก่อสร้างซึ่งเป็น โครงการของเทศบาลตําบลสุคิรินทุกโครงการและจะพบเจอนายสมควร ไปกํากับดูแล การก่อสร้างในโครงการที่นายสมควร ได้รับงานมา
@ เปิดคำให้การลูกสะใภ้
ส่วน นาง ส. บุตรสะใภ้นายสมควร เบิกความเป็นพยานว่า พยานเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง เมื่อประมาณปี 2557
เหตุที่ได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเนื่องจากนายสมควร ซึ่งมีฐานะเป็นพ่อสามี เป็นผู้ดําเนินการให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เดิมนายสมควร เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เทพชุมทองก่อสร้าง มาก่อน แต่เมื่อนายสมควรชนะการเลือกตั้งและได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีของเทศบาลสุคิรินแล้ว จึงลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และให้พยานเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทน
สําหรับงานที่พยานรับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง คือ มีหน้าที่ติดต่อกับลูกค้า ที่มาซื้อของ ไม่ว่าจะมาซื้อที่ร้านเองหรือติดต่อขอซื้อทางโทรศัพท์ แต่ในส่วนของการสั่งซื้อวัสดุต่าง ๆ เพื่อนํามาขายที่ร้าน เช่น หิน ปูน ทรายนั้น นายสมควร จะเป็นผู้ติดต่อไปยังแหล่งผลิตเอง
โดยงานในส่วนนี้นายสมควร ยังไม่ได้มอบหมาย โดยบอกว่าให้พยานเรียนรู้งานเรื่องการขายของไปก่อน และจะค่อย ๆ สอนพยานเรียนรู้งานไปเรื่อย ๆ
กิจการของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง แม้จะมีชื่อของพยานเป็น หุ้นส่วนผู้จัดการ แต่อํานาจการตัดสินใจและการดําเนินกิจการต่าง ๆ ก็ยังต้องขอความเห็นจาก นายสมควร ที่ทําการของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ที่ 9 ตําบลเกียร์ อําเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยของนายสมควร
@ คำแก้ต่าง โดนกลุ่มคนเสียประโยชน์ใส่ร้าย
ด้าน นายสมควร เบิกความแก้ต่างว่า โครงการจ้างเหมาก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กชุมชนกลันตัน ซอย 4 ตําบลสุคิริน อําเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาสที่เทศบาลตําบลสุคิริน เป็นคู่สัญญานั้น นายสมควร ยืนยันว่ามีการอนุมัติไปตามขั้นตอน
ในการดําเนินงานการจัดจ้างก็ได้กระทําไปตามอํานาจหน้าที่ ตามระเบียบที่กําหนดไว้ตามขั้นตอนทุกประการ และทําในรูปของคณะกรรมการจัดจ้าง มิได้เลือกปฏิบัติและเจาะจงให้ห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ได้รับการว่าจ้างไปในโครงการก่อสร้างถนนดังกล่าว
ซึ่งก่อนที่จะอนุมัติโครงการก่อสร้างให้ห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ทางเทศบาลตําบลสุคิริน ก็ได้กระทําการประกาศและประชาสัมพันธ์หาผู้ร่วมยื่นซองเข้าประมูลมาก่อน เพื่อรักษาประโยชน์ของโครงการและงบประมาณ และเพื่อให้ได้ผู้รับเหมาที่ดีที่สุดและเสนอราคาที่เห็นว่าเหมาะสมและสามารถดําเนินงานก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามโครงการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของงานให้ได้มากที่สุด
แต่พื้นที่ของโครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ไม่มีผู้ใดสนใจเข้ายื่นซองประมูลประมูลการก่อสร้างได้ คณะกรรมการจัดจ้างดําเนินการไปโดยเห็นว่า ห้างหุ้นส่วนจํากัดธนาการโยธา มีศักยภาพสามารถทําการก่อสร้างถนนดังกล่าวได้ และเป็นห้างในพื้นที่ ซึ่งก่อนนี้เคยมีประวัติดีและก่อสร้างงานให้กับเทศบาลตําบลสุคิรินมาก่อน ไม่เคยมีปัญหาแต่ประการใด
นายสมควร ในฐานะนายกเทศมนตรีตําบลสุคิริน จึงเห็นชอบด้วยและอนุมัติให้ตามที่คณะกรรมการเสนอ ให้ห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา เป็นผู้รับจ้าง
คำเบิกความยังระบุว่า ก่อนที่ นายสมควร เข้ามารับตําแหน่งนายกเทศมนตรีเห็นว่าการจ่ายงบประมาณไม่คุ้มค่าสิ้นเปลือง เช่น การใช้น้ำมัน การใช้รถยนต์ของราชการ ในแต่ละเดือนใช้น้ำมันไม่น้อยกว่าเดือนละ 70,000 บาท การใช้รถยนต์ไม่เป็นระบบ ต่างคนต่างใช้ มีการเอารถยนต์ไปใช้ส่วนตัว เปลี่ยนยางซ่อมรถราคาเกินความเป็นจริง เอางบประมาณไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ต่างประเทศ
เมื่อนายสมควร เข้ามารับตําแหน่งค่าน้ำมันเหลือ 30,000-40,000 บาท ในแต่ละเดือน วางระบบการใช้รถยนต์ให้ใช้ในส่วนที่จําเป็นเท่านั้นไม่ให้ใช้ส่วนตัว ซ่อมรถราคาตามความเป็นจริง ตัดงบประมาณการศึกษาดูงานการไปต่างประเทศ งดโบนัส การพิจารณาความดีความชอบให้ตามความเป็นจริง
จึงเห็นได้ว่าการบริหารงานของนายสมควร ทําให้มีคนเสียประโยชน์ในเทศบาล โดยคิดวางแผนใส่ความร้องเรียนหลายประการ จากการเสียประโยชน์ของคนในเทศบาลโดยเฉพาะพยานโจทก์หลายปาก จึงเกิดการร้องเรียน พยายามให้เห็นว่าจําเลยมีส่วนได้เสียกับโครงการก่อสร้างถนนดังกล่าว ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่สุจริตของคณะกรรมการตรวจการจ้างด้วยการไม่ยอมตรวจรับมอบงานก่อสร้างของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธาพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อที่จะให้ได้ย้ายไปช่วยราชการ ที่จะไม่ต้องเบิกเงินงานก่อสร้างงวดที่ 2 ถึงงวดที่ 4
การพิจารณาความดีความชอบ พยานบางปากได้โควตาจากอําเภอระแงะจํานวน 2 โควตา มาให้จําเลยรับรอง แต่จําเลยไม่รับรองเนื่องจากเป็นโควตาต่างอําเภอ และไม่สมควรได้รับ เนื่องจากไม่ปฏิบัติงานราชการเต็มความสามารถ กระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ไม่สนองนโยบายผู้บริหารไม่ร่วมกิจกรรมที่เทศบาลจัดขึ้น ไม่เข้าร่วมกิจกรรมระดับอําเภอ ไม่เข้าประชุมสภาไม่ยอมรับการเป็นเลขาสภา เหมือนว่าสภาไม่มีความสําคัญ จึงเป็นสาเหตุของการร้องเรียนว่า จําเลยมีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนดังกล่าว
ก่อนดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีจําเลยรับราชการมาก่อน และได้ลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพส่วนตัว โดยจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง โดยขายวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างเป็นการทําธุรกิจเล็ก ๆ ในครัวเรือน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 ได้สมัครและได้รับเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีจึงหยุดรับจ้างแต่ยังคงขายวัสดุก่อสร้าง จําเลยลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้โอนกิจการทั้งหมดให้กับนาง ส.
ห้างหุ้นส่วนจํากัดเทพชุมทองก่อสร้าง ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับทางราชการเป็นเวลานาน แต่ยังคงรับจ้างทํางานของชาวบ้านและขายวัสดุก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน โดยเน้นขายปูนผสม เหล็กทุกชนิด หิน ดิน ทราย รับจ้างทั่วไป จึงทําให้มีคนรู้จักในอําเภอ
ขณะเกิดเหตุจําเลยดํารงตําแหน่ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตําบลสุคิรินได้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามหนังสือสั่งการ ตามระเบียบทุกอย่าง ไม่ได้ดําเนินการโดยพลการ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนที่อ้างว่าระหว่างวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 จําเลยได้มอบให้นาย น. เป็นลูกน้องคนสนิทไปติดต่อเจรจากับนาย ส. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา ว่าจําเลยขอยืมชื่อ ห้างหุ้นส่วนจํากัด ธนาการโยธา มาเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลสุคิรินนั้นหามีมูลความจริงแต่ประการใด
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่มีการจัดสร้างขึ้นมาจากผู้กล่าวหาที่เสียประโยชน์ร่วมกันจัดทํา
จําเลยไม่เคยมอบหมายและไม่จําเป็นต้องให้นาย น. ไปติดต่อกับนาย ส. เพราะนาย น. ไม่ได้เป็นลูกน้องคนสนิทของจําเลย เป็นเพียงคนงานของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ที่มีการจ้างเหมางานให้ไปทําช่วงเป็นครั้งคราวในช่วงเวลาที่จําเลยยังไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรี
เมื่อจําเลยได้รับการเลือกตั้ง นาย น. จึงไม่เกี่ยวข้องกับจําเลย แต่ยังคงรับงานจากห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง
นาย น. มีอาชีพทําสวน เป็นคนรู้จักกันภายในอําเภอ และนาย น. ก็มีความคุ้นเคยรู้จักกับนาย ส. เป็นอย่างดี มีการซื้อวัสดุก่อสร้างกับห้างหุ้นส่วนของนาย ส. ป็นประจํา
จําเลยกับนาย ส. รู้จักกันดี เพราะนาย ส. เคยเป็นคู่สัญญากับเทศบาล นาย น. เป็นเพียงลูกค้าและคนงานชั่วคราวของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้างเท่านั้น เมื่อนาย น. มีงานก่อสร้างก็จะมาว่าจ้างให้ห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง ส่งของให้ส่งวัสดุก่อสร้างให้ และขอเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรจากห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้าง
ซึ่งในขณะที่มีการทําสัญญาจ้างก่อสร้างในคดีนี้จําเลยไม่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจํากัด เทพชุมทองก่อสร้างแล้วตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้งประกอบกับจําเลยและนาย ส. ก็มีความคุ้นเคยกันดี หากจะมีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหา จําเลยย่อมไปเจรจาด้วยตนเองหาจําต้องมอบหมายให้นาย น. ไปเป็นตัวแทนแต่อย่างใด
** ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่จบ ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฯ ที่จะขอนำมาเสนอในตอนต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage