“...เด็กๆ จำเป็นต้องกลับไปเรียนรู้ประสบการณ์การเรียนในโรงเรียนแบบปกติเหมือนตอนก่อนเกิดการระบาดใหญ่ แม้จะเผชิญความสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็ตาม เรากำลังพยายามให้เด็กๆ สามารถกลับไปเรียนรู้ประสบการณ์ในห้องเรียนตามปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...”
-------------------------------------------------------------------
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงอยู่ และยังไม่มีวี่แววที่จะหายไป สิ่งที่ทุกคนทำได้ในขณะนี้ คือการปรับตัว และอยู่ร่วมกับโรคระบาดนี้อย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับการศึกษา ที่มีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้มีความปลอดภัยทั้งสำหรับครูและนักเรียน เป็นการเรียนในรูปแบบออนไลน์ ที่ไม่มีการรวมตัวหรือพบปะกัน
การปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ ยังพบปัญหาในด้านต่างๆ มากมาย เช่น ความไม่พร้อมของอุปกรณ์ของนักเรียน อีกทั้งเด็กบางช่วงวัยก็ไม่เหมาะสมกับการเรียนผ่านหน้าจอนานๆ และส่งผลต่อด้านพัฒนาการของเด็กเป็นหลัก อาจจะส่งผลให้พัฒนาการด้านการเรียนรู้ทดถอยได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนจากการเรียนออนไลน์ และมองเห็นถึงความสำคัญในการเรียนที่โรงเรียนมากขึ้น เช่น เด็กจะมีทักษะทางสังคม พัฒนาการด้านอารมณ์ จึงได้มีมาตรการและแนวทางต่างๆ ที่จะทำให้กลับมาเปิดเรียนที่โรงเรียนได้อีก แต่ทั้งนี้ จะต้องคำนึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้งสูงสุด เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิดสำหรับเด็กแพร่หลายมากนัก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รวบรวมข้อมูลสถานการณ์การเปิดใน 4 ประเทศแห่งสหราชอาณาจักร พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
อังกฤษเปิดเรียน ท่ามกลางความกังวลจากหลายฝ่าย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเรียนในสหราชอาณาจักรได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้ง หลังจากล็อกดาวน์ แต่การเริ่มต้นเปิดเรียนใหม่ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเป็นชนวนความเสี่ยงให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น
"เด็กๆ จำเป็นต้องกลับไปเรียนรู้ประสบการณ์การเรียนในโรงเรียนแบบปกติเหมือนตอนก่อนเกิดการระบาดใหญ่ แม้จะเผชิญความสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็ตาม เรากำลังพยายามให้เด็กๆ สามารถกลับไปเรียนรู้ประสบการณ์ในห้องเรียนตามปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เราก็ตระหนักเสมอว่า เรายังคงเผชิญกับการระบาดใหญ่ทั่วโลก" นายกาวิน วิลเลียมสัน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า
นายกาวิน กล่าวอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมทั้งวัคซีนกระตุ้นให้เด็กอายุ 12-15 ปี พร้อมกับการกำหนดใช้มาตกรป้องกันอื่นๆ หากจำเป็น พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลต้องการหลีกเลี่ยงการกลับไปใช้ระบบบับเบิล เป็นระบบที่กำหนดให้นักเรียนทั้งชั้นกักตัวที่บ้านหากพบการติดเชื้อ
ด้าน นพ.อีวอนน์ ดอยล์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า โรงเรียนไม่ใช่ปัจจัยและศูนย์กลางของการติดเชื้อ
ขณะที่สหภาพครูหลายแห่งออกมาแสดงความกังวล เนื่องจากมีการผ่อนปรนมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อควบคุมการระบาดใหญ่ในโรงเรียนมาตั้งแต่สิ้นสุดภาคเรียนก่อน
ด้าน กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ได้แสดงความกังวลว่า การกลับมาเปิดโรงเรียนร่วมกับการผ่อนปรนกฎระเบียบด้านสุขภาพและความปลอดภัย อาจนำไปสู่จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเดือน ก.ย.นี้
วัยรุ่นสกอตแลนด์ติดเชื้อเพิ่มหลังผ่อนปรน 2 สัปดาห์
ขณะที่ในสกอตแลนด์ จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เปิดโรงเรียน และมีการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยคณะผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีแนวโน้มสูง ที่จะเกิดการติดเชื้ออย่างเป็นวงกว้างในโรงเรียนทั่วประเทศ ภายในสิ้นเดือน ก.ย.
คณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) ซึ่งคอยให้คำแนะนำแก่รัฐบาลสหราชอาณาจักร ยังคงอยู่ระหว่างประเมินประโยชน์ของการฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 12-15 ปี ทั้งนี้ ตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นว่าสหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนโดสแรกให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มากกว่า 88% แล้ว และอีกเกือบ 79% ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว
ภาพจาก: abc
ต้องตรวจหาเชื้อทุก 3-5 วัน
แม้ว่าการกลับมาเปิดโรงเรียนครั้งนี้ ภาครัฐได้ยืนยันว่าต้องการหลีกเลี่ยงการกลับไปใช้ระบบบับเบิล เป็นระบบที่กำหนดให้นักเรียนทั้งชั้นกักตัวที่บ้าน หากตรวจพบการติดเชื้อ ถือได้ว่าการเปิดโรงเรียนครั้งนี้ เป็นการกำหนดมาตรการที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการเปิดโรงเรียนในปี 2563 ที่ผ่านมา แต่มาตรการที่ยังคงไว้ คือ การล้างมือและรักษาสุขอนามัย การระบายอากาศที่เพิ่มขึ้น และการทดสอบหาเชื้อ
การตรวจหาเชื้อในอังกฤษ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาทุกคน จะถูกขอให้ทำการทดสอบตรวจหาเชื้อผ่านทางโพรงจมูก 2 ครั้งที่โรงเรียน โดยระยะห่าง 3-5 วัน หากพบผลตรวจเป็นบวก จะต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 10 วัน โดยจะต้องให้แจ้งรายละเอียดผู้ติดต่อใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งทั้งชั้นเรียนกลับบ้าน
ส่วนในเวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์ นักเรียนและเจ้าหน้าที่ทางการศึกษาจะได้รับการสนับสนุนให้ทำการทดสอบที่บ้านหรือในชุมชน
ทั้งนี้ ทั่วสหราชอาณาจักร ได้มีมาตรการ ขอความร่วมมือ แนะนำให้นักเรียนทำการทดสอบหาเชื้อโดยสมัครใจ สัปดาห์ละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักเรียนี่เรียนเองบ้าน (Home School)
เว้นระยะห่าง ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของครู-ขนาดพื้นที่
สำหรับโรงเรียนในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้รับการผ่อนคลาย ในหลาย ๆ ด้าน ความรับผิดชอบได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่หรือครูเพื่อตัดสินใจว่าต้องใช้มาตรการอย่างไร แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงเรียน บางคนจะตัดสินใจเก็บระบบทางเดียวและมาตรการควบคุมฝูงชนบางส่วนไว้
แต่ในสกอตแลนด์ มีการรักษาข้อจำกัดเพิ่มเติมจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ โดยในบริเวณโรงเรียน ทุกคนต้องอรักษาระยะห่างจากกันอย่างน้อย 1 เมตร
อังกฤษ-เวลส์ งดใส่หน้ากากในโรงเรียน
แม้ว่าโรงเรียนในอังกฤษและเวลส์ จะไม่แนะนำให้ใช้ผ้ากากอนามัยในโรงเรียนอีกต่อไป แต่ก็ยังแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและแออัด เช่น รถโรงเรียน
แต่สำหรับสกอตแลนด์ ยังคงมาตรการใส่หน้ากากอนามัยจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ และในไอร์แลนด์เหนือ นักเรียนต้องเข้าเรียนในชั้นเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์แรกของภาคเรียน
ภาพจาก: ottawa.ctvnews.ca
รัฐบาลจัดทุนหนุนทำระบบระบายอากาศ
กระทรวงศึกษาธิการของอังกฤษ ได้ให้คำมั่นว่า จะจัดหาเครื่องตรวจวัดคาร์บอนไดออกไซด์ 300,000 เครื่องให้กับโรงเรียน ตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป เพื่อช่วยระบุการไหลเวียนของอากาศและลดการแพร่กระจายของไวรัส
ทางด้านรัฐบาลเวลส์ ได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการเพิ่มการไหลเวียนของอากาศและความบริสุทธิ์ จะมีการจัดเตรียมเซ็นเซอร์ CO2 30,000 ตัว และเครื่องฆ่าเชื้อโอโซน 1,800 เครื่อง รวมมูลค่า 6 ล้านปอนด์
ศ.แคทเธอรีน นอคส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อในอากาศ กล่าวว่า การช่วยหายใจสามารถลดความเสี่ยงในอากาศของไวรัสโควิดได้ถึง 70% แต่จะไม่หยุดการติดต่ออย่างใกล้ชิด เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้โรงเรียนทราบว่าพื้นที่ใดมีการระบายอากาศไม่ดี เพื่อให้ปรับปรุงการดำเนินการให้เหมาะสมได้
ทั้งนี้ หากพบว่ามีการระบาดเกิดขึ้นในโรงเรียน กรมสามัญศึกษาได้เผยแพร่รายการมาตรการที่โรงเรียนในอังกฤษพิจารณา คือ ปรับการเรียนให้จัดขึ้นภายนอกอาคาร ปรับปรุงการระบายอากาศในอาคาร นอกจากนี้ ยังอาจจำเป็นต้องใช้มาตการระบบ บับเบิล และบังคับสวมหน้ากากอนามัยชั่วคราวในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง
ภาพจาก: bbc.com
แนวการจัดสอบยุคโควิด
สำหรับการจัดสอบที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 นี้ ในอังกฤษ นักเรียนมักจะได้รับแจ้งหัวข้อก่อน ส่วนเวลส์ การสอบจะได้รับการแก้ไขโดยคำนึงถึงความท้าทายที่นักเรียนต้องเผชิญ และไอร์แลนด์เหนือ การสอบระดับชาติจะมีข้อมูลเนื้อหาที่น้อยลง
ส่วนสกอตแลนด์ รัฐบาลกล่าวว่า การสอบจะดำเนินต่อไปในปีหน้า โดยการสอบระดับชาติ 5 ระดับสูงและระดับพิเศษ จะจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2565 ตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอนุญาต และเนื้อหาหลักสูตรจะถูกปรับลดลง
ทั้งหมดคือสถานการณ์การเปิดเรียนที่โรงเรียนของต่างประเทศ ที่ประเทศไทยอาจนำมาเป็นแนวทาง เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสม เนื่องจากการเรียนรู้ของนักเรียน หรือการเจริญเติบโตของเด็กไม่เคยหยุดนิ่ง แม้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดก็ตาม
เรียบเรียงจาก:
- Back to school: How are pupils being kept Covid-safe?
- Back to school: what Covid measures will be in place in England?
- COVID-19: Children must return to 'normal pre-pandemic experience' in schools, education secretary says
ภาพประกอบจาก: bbc.com
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage