"…การฉีดวัคซีนแม้ปกป้องได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ 100% ความเสี่ยงสามารถสะสมได้ ยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงยิ่งมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นเท่านั้น การท่องเที่ยว พบปะผู้อื่น จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือกินอาหารนอกบ้านจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย เมื่ออยู่ในสภาแวดล้อมความเสี่ยงต่ำ และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากได้ฉีดวัคซีนครบถ้วน…"
………………………………………
สถานการณ์การระบาดภายในประเทศไทยขณะนี้ จากข้อมูลในเว็บไซต์ ourworldindata แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับไวรัสสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) เป็นส่วนใหญ่ในประเทศถึง 80% เหมือนกับสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงถึง 98%
นอกจากสหรัฐอเมริกา จะมีสถานการณ์การระบาดที่คล้ายคลึงกับไทยแล้วนั้น ยังเป็นประเทศนึงที่มีประชาชนได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก ขณะที่ประเทศไทยเองก็เริ่มมีผู้ได้รับวัคซีนจำนวนมากขึ้น โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เปิดเผยข้อมูล ณ วันทีี่ 31 ส.ค.2564 ว่า สถานการณ์การรับวัคซีนในประเทศไทย ตอนนี้มีผู้ได้รับแล้วกว่า 31,771,819 โดส โดยเฉพาะ กทม. ได้รับวัคซีนสะสมแล้วกว่า 8,704,025 โดส คิดเป็นเข็มแรก 90.68% และเข็มที่สอง คิดเป็น 22.37%
ภาพ: แสดงสัดส่วนการแพร่ระบาดของแต่ละสายพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย
ดังนั้นแล้วพฤติกรรมใดที่ควรทำหรือไม่ควรทำ แม้จะได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รวบรวมข้อมูลจากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่กล่าวถึงคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่ถอดบทเรียนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกา มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ระบุว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (The U.S. Centers for Disease Control and Prevention: CDC) แนะนำให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย แม้จะเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรือแม้จะมีผลการศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโควิด จะช่วยลดอาการป่วยหนักได้
มีคนจำนวนมากที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว และต้องการเป็นสมาชิกที่รับผิดชอบต่อสังคม หลายคนจึงมีคำถามว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงอยู่ จะสามารถทำอะไรได้บ้างและควรทำอย่างไรต่อไป ยกตัวอย่างเช่น การพบปะสังสรรค์กับเพื่อน การทานอาหารภายในบ้าน หรือไปสถานที่ออกกำลังกายสามารถทำได้หรือไม่ และผู้สูงวัยยังสามารถอยู่กับหลานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนได้ไหม
ซึ่งสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้พูดคุยกับ ดร.ลีอาน่า เหวิน นักวิเคราะห์ทางการแพทย์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็นแพทย์ฉุกเฉินและศาสตราจารย์รับเชิญด้านนโยบายและการจัดการด้านสุขภาพที่โรงเรียนสาธารณสุขสถาบันมิลเกนแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน และยังเป็นผู้แต่งหนังสือเล่มใหม่เรื่อง Lifelines: A Doctor’s Journey in the Fight for Publi Health กล่าวถึง CDC ของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยสถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาว่ากำลังพบการแพร่ระบาดของโควิดจำนวนมาก
โดย ดร.ลีอาน่า เหวิน ได้พูดถึงแนวทางป้องกันการติดเชื้อที่ดี คือ ‘วัคซีน’ ซึ่งหากเปรียบเทียบวัคซีนเป็นเสื้อกันฝน ถ้าข้างนอกมีฝนตกปรอยๆ (ระดับการติดเชื้อไม่สูง) วัคซีนจะป้องกันได้ดีมาก แต่หากเป็นพายุฝนฟ้าคะนองสม่ำเสมอ จะมีโอกาสเปียกมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนจะมีความเสี่ยงสูงเมื่อรายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่อาจติดเชื้อโควิด
อย่างไรก็ตามท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อ กิจกรรมเกือบทั้งหมดต่างมีความเสี่ยง ดังนั้นการจะออกไปทำกิจกรรมใดๆ จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจระหว่าง 1.สถานการณ์ด้านสุขภาพของครอบครัว และ 2. คุณค่าของกิจกรรม หากทุกคนในครอบครัวได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ผู้อ่านอาจมีความเสี่ยงต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิตต่ำ ทำให้หลายคนยอมรับความเสี่ยงการติดเชื้อและออกไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ แต่หากครัวเรือนไหนมีเด็กเล็กหรือสมาชิกที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ครัวเรือนดังกล่าวจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะการแพร่กระจายของโควิดส่วนใหญ่ เกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น
@ เช็คความเสี่ยงกินอาหารนอกบ้าน ดูที่ความแออัด-การฉีดวัคซีน
สำหรับการกินอาหารในร้านอาหาร ดร.ลีอาน่า เหวิน กล่าวถึงความเสี่ยงของการกินอาหารนอกบ้านว่า ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ประกอบด้วย ความแออัด สถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะมีความเสี่ยงสูงต่อการกระจายของเชื้อโควิดมากกว่าสถานที่ที่มีพื้นที่สำหรับการเว้นระยะห่างระหว่างผู้กินอาหารรายอื่นๆ
นอกจากนั้นยังมีอีกปัจจัย คือ บุคคลที่ร่วมกินข้าว หากรู้ว่าทุกคนได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว และบุคคลเหล่านี้เป็นเพียงคนเดียวที่จะอยู่ใกล้กับเรา ถือเป็นสถานการณ์ที่ปลอดภัยกว่า กรณีที่สมาชิกภายในโต๊ะอาหารยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามขอให้ดูอัตราการแพร่เชื้อโควิดในชุมชนด้วย หากมีอัตราที่ต่ำกว่า อาจปลอดภัยมากกว่าเช่นเดียวกัน
@ แนะเลือกสถานออกกำลังกายไม่หนาแน่น-อยู่กลางแจ้ง
ส่วนการไปสถานออกกำลังกาย ดร.ลีอาน่า เหวิน กล่าวถึงความเสี่ยงของการเดินทางออกไปออกกำลังกายว่า ความเสี่ยงของการติดเชื้อขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากเรากำลังใช้เครื่องออกกำลังกายหรืออุปกรณ์สำหรับเวทเทรนนิ่ง และไม่มีใครอยู่ใกล้คุณ ถือว่าปลอดภัยดี หรือหากเรากำลังเข้าชั้นเรียนยิมกลางแจ้ง ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกัน
แต่หากเรากำลังจะไปคลาสออกกำลังกายที่มีความหนาแน่น ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากหายใจแรงๆ อยู่ใกล้ๆกัน และคุณไม่รู้ว่ากลุ่มดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ความเสี่ยงก็สูงขึ้นอย่างมาก
@ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในกลุ่มที่ฉีดวัคซีน มีความเสี่ยงต่ำ
ดร.ลีอาน่า เหวิน กล่าวอีกว่า กรณีมีเพื่อนอยากนัดรวมกลุ่มสังสรรค์ และเพื่อนทุกคนฉีดวัคซีนครบทั้งหมดแล้ว จะสามารถจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำและงานสังสรรค์ในร่มอื่นๆ ได้หรือไม่ มีผลการศึกษาของ CDC สหรัฐฯ ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะมีโอกาสติดเชื้อโควิดมากกว่า 5 เท่า และมีโอกาสสูงที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึง 29 เท่า
อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว มักจะรู้สึกสบายใจกับระดับความเสี่ยงในสถานการณ์นี้ ขอย้ำว่าความเสี่ยงไม่ใช่ 0 แต่ค่อนข้างต่ำ โดยเพาะคนในงานเลี้ยงสังสรรค์ได้รับการฉีดวัคซีนและไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการไปสถานบันเทิงและร้านอาหารที่แออัด
ส่วนการจัดงานแต่งงานนั้น จะปลอดภัยหรือไม่ ขอให้ดูที่ผู้มาร่วมงาน หากมาจากส่วนต่างๆ ของประเทศ หรือทั่วโลก ย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นหากผู้ที่มาร่วมงานทุกคนได้รับวัคซีนครบทุกคนแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงได้ ย่ำว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับวัคซีนหลายเท่า และการจัดพิธีกลางแจ้ง จะช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน
@ นัดเจอครอบครัวอื่น ให้ดู ‘ความระมัดระวังครอบครัวอื่น’ ก่อน
แม้ว่าในช่วงฤดูร่วงและฤดูหนาวที่แล้ว การรวมตัวกันของผู้คนทำให้เกิดโรคระบาด ดังนั้นแล้วการอยู่รวมกันสามารถทำได้หรือไม่ ดร.ลีอาน่า เหวิน กล่าวตอบว่า สำหรับบางคนที่ตัดสินใจจะพบปะบุคคลในครอบครัวอื่น ตนเองแนะนำให้พิจารณาระดับความระมัดระวังที่ครัวเรือนอื่นมี ก่อนตัดสินใจพบปะกันภายในบ้านของเขา แต่หากมีข้อสงสัย ให้พบปะกันในพื้นที่กลางแจ้งเท่านั้น
@ งดพบปะผู้อื่น-ตรวจหาเชื้อ ก่อนผู้สูงวัยเจอลูกหลาน
สำหรับผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนแล้ว สามารถอยู่ร่วมกับหลานได้ ขอให้คลายความกังวลการแพร่เชื้อโควิดไปยังหลานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยอาจเลือกลดความเสี่ยงของตนเองได้ คือ ให้งดการพบปะสังสรรค์ร่วมกับบุคคลอื่นๆ 3-5 วันก่อนพบหลาน แต่หากต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษ ดร.ลีอาน่า เหวิน แนะนำให้ผู้สูงอายุตรวจหาเชื้อก่อน
ขณะเดียวกันสำหรับหลานที่มีปู่ย่าร่างกายไม่แข็งแรง หลานสามารถพบปะได้ โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยภายในบ้านตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ก่อนมาพบปู่ย่า 3-5 วัน จากนั้นให้ตรวจหาเชื้อก่อนนัดพบปู่ย่า
หากหลักเกณฑ์ทั้งหมดนี้มากเกินไป ให้พิจารณาพบกันในพื้นที่กลางแจ้งเท่านั้น กลางแจ้งยังคงปลอดภัยกว่าสถานที่ในร่มมาก และแน่นอนหากมีบุคคลที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน กลุ่มวัยดังกล่าวควรปฏิบัติตามโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องคนที่พวกเขารักและคนอื่นๆ รอบตัวพวกเขา
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น
@ ท่องเที่ยว ความเสี่ยงด้านสุขภาพ
เมื่อการอยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง ไม่แออัด ช่วยลดความเสี่ยง แล้วการท่องเที่ยวสามารถทำได้หรือไม่ ดร.ลีอาน่า เหวิน กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ความเสี่ยงในการเดินทางทางอากาศค่อนข้างต่ำและสามารถลดลงได้อีก หากสวมใส่หน้ากากอนามัยคุณภาพสูง เช่น N95 หรือ KN95 ส่วนในเด็กนั้น ระหว่างการเดินทางควรใส่หน้ากากอนามัยอย่างน้อย 3 ชั้น แต่หากไม่สามารถสวมใส่หน้ากากอนามัยได้ตลอดการเดินทาง ขอให้เดินทางไปเฉพาะพื้นที่ที่จำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้การเดินทางทางอากาศจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ความน่ากังวลที่ใหญ่กว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คือ เมื่อไปถึงจุดหมาย
โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดว่าควรเดินทาง เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกแผนการเดินทาง คือ ความเสี่ยงด้านสุขภาพในครอบครัว หากทุกคนได้รับวัคซีนครบหมดแล้ว ทุกคนย่อมได้รับการป้องกันอาการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด อาจตัดสินใจเดินทางตามแผนการท่องเที่ยวเดิมได้ แต่หากบุคคลภายในบ้านยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจตัดสินใจแตกต่างกันออกไป
โดยอาจเลือการเดินทางที่มีความเสี่ยงต่ำมาก เช่น การขับรถแล้วไปตั้งแคมป์หรือเดินป่ากับครอบครัว แต่ถ้าการเดินทางนั้นต้องเกี่ยวข้องกับการใช้เวลากับคนที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยและไม่ได้รับวัคซีน แนะนำว่าผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางไม่ควรไปเที่ยว แต่หากสมาชิกบางคนกำลังจะไป พวกเขาสามารถกักตัวเอง 2-3 วัน เมื่อกลับมา จากนั้นจึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อก่อนที่จะรวมตัวในบ้านกับสมาชิกในครอบครัว
สำหรับสถานที่ที่ควรเลือกไป หากเลือกไปอุทยานแห่งชาติเพื่อไปเดินป่ากลางแจ้ง แม้ว่าชุมชนโดยรอบสวนจะมีการแพร่ระบาดของโควิดหรือไม่ สามารถไปได้ สถานที่นี้มีความเสี่ยงต่ำมากหากไม่ได้วางแผนนัดพบปะกับชุมชนโดยรอบ แต่หากกำลังวางแผนไปชมพิพิธภัณฑ์ ดูคอนเสริต์ ไปโรงละคร และกินอาหารภายในร้าน หากกิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นในประเทศที่มีการแพร่กระจายของไวรัสเป็นจำนวนมาก แสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับโควิดอย่างต่อเนื่อง วัคซีนปกป้องได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ 100% ความเสี่ยงนั้นสะสม และยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง รายล้อมไปด้วยผู้ที่อาจเป็นพาหะของไวรัส ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศนั้น สามารถไปได้ โดยขอพิจารณาในหลักการข้างต้นเช่นเดียวกัน
ส่วนการเข้าพักในโรงแรมนั้น ดร.ลีอาน่า เหวิน แนะนำว่าควรสวมหน้ากากเมื่อไปเข้าห้องน้ำ สั่งอาหารกลับบ้าน เพื่อไปรับประทานในห้องพักของตนเองโดยตรง และอย่าออกไปเที่ยวในล็อบบี้และบาร์ที่มีคนพลุกพล่าน แต่หากมีการเช่าที่พักร่วมกัน สถานการณ์ที่ปลอดภัยที่สุด คือ ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว หากยังมีคนไม่ได้รับวัคซีน ทุกคนที่ต้องการพักร่วมกันสามารถกักตัวเป็นเวลา 3-5 วัน แล้วเข้ารับการตรวจหาเชื้อก่อน
ทั้งหมดนี้ต่างเป็นข้อแนะนำว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควร แม้เราจะได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว เพราะการฉีดวัคซีนแม้ปกป้องได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ 100% ความเสี่ยงสามารถสะสมได้ ยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงยิ่งมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นเท่านั้น การท่องเที่ยว พบปะผู้อื่น จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือกินอาหารนอกบ้านจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย เมื่ออยู่ในสภาแวดล้อมความเสี่ยงต่ำ และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากได้ฉีดวัคซีน
เรียบเรียงจาก:
Should you cancel travel plans? A medical expert weighs in
What's the risk of indoor dining if you're fully vaccinated? Here's what one expert says
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage