"...เช็คแต่ฉบับได้ระบุจำนวนเงินในต้นขั้วเช็คกับในเช็คไม่ตรงกัน ซึ่งในต้นขั้วเช็คระบุจำนวนเงินตามที่ ผู้มีสิทธิ์ได้รับจริง แต่ในเช็ค จำนวน 33 ฉบับ ได้ระบุจำนวนเงินโบนัสที่มีการหักไว้แล้ว จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ และในเช็ค 1 ฉบับ ได้สั่งจ่ายโดยระบุจำนวนเงินเกินกว่าสิทธิ์ที่ได้รับ เป็นเงิน 108,124 บาทหลังจากนั้น มีการนำเช็คไปขึ้นเงินและนำเงินสดที่ได้จากการหัก 10 เปอร์เซ็นต์ ไปมอบให้แก่นายอำนวย พรหมคล้าย..."
....................................
นายอำนวย พรหมคล้าย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง และนางสาวจิราพรรณ์ แสนพันตรี ปลัด อบต.ละมอ
เป็นผู้บริการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 2 ราย ล่าสุดที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดีหักเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ของพนักงานส่วนตำบล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของ อบต.ละมอ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดตรัง ได้เผยแพร่ข่าวชี้มูล ความผิด นายอำนวย พรหมคล้าย และ นางสาวจิราพรรณ์ แสนพันตรี เป็นทางการ
ระบุว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียน กล่าวหานายอำนวย พรหมคล้าย นายก อบต.ละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรังและนางสาวจิราพรรณ์ แสนพันตรี ปลัด อบต.ละมอ ว่าหักเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ของพนักงานส่วนตำบล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของ อบต.ละมอ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียงเห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น กรณีกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งแนวทางการเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) อันมีลักษณะเป็นเงินรางวัลประจำปีแก่พนักงาน ส่วนท้องถิ่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลละมอจึงเข้าไปพูดคุยกับนายอำนวย พรหมคล้าย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละมอ เพื่อขอให้อนุมัติเบิกจ่ายเงินโบนัสดังกล่าว และตกลงว่าจะหักเงินโบนัสให้แก่นายอำนวย พรหมคล้าย จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ นายอำนวย พรหมคล้าย จึงลงนามอนุมัติให้จ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ของปีงบประมาณ 2555 และปีงบประมาณ 2556 ให้แก่พนักงานส่วนตำบล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลละมอ จำนวน 34 ราย รวมเป็นเงิน 1,160,540 บาท โดยมีการเขียนเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินโบนัส จำนวน 34 ฉบับ
ซึ่งปรากฏว่าเช็คแต่ฉบับได้ระบุจำนวนเงินในต้นขั้วเช็คกับในเช็คไม่ตรงกัน ซึ่งในต้นขั้วเช็คระบุจำนวนเงินตามที่ ผู้มีสิทธิ์ได้รับจริง แต่ในเช็ค จำนวน 33 ฉบับ ได้ระบุจำนวนเงินโบนัสที่มีการหักไว้แล้ว จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ และในเช็ค 1 ฉบับ ได้สั่งจ่ายโดยระบุจำนวนเงินเกินกว่าสิทธิ์ที่ได้รับ เป็นเงิน 108,124 บาท
หลังจากนั้น มีการนำเช็คไปขึ้นเงินและนำเงินสดที่ได้จากการหัก 10 เปอร์เซ็นต์ ไปมอบให้แก่นายอำนวย พรหมคล้าย
การกระทำของนายอำนวย พรหมคล้าย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็น เจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือ จูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 มาตรา 149 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิด ฐานกระทําการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
การกระทำของนางสาวจิราพรรณ์ แสนพันตรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตรัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 5 วรรคหนึ่ง และข้อ 6 วรรคหนึ่ง
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายอำนวย พรหมคล้าย และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางสาวจิราพรรณ์ แสนพันตรี
พร้อมส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายอำนวย พรหมคล้าย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนนายอำนวย พรหมคล้าย พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก
หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0804.3/ว 711 ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
อย่างไรก็ดี การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/