สปสช.ประชุมจัดเครือข่ายหน่วยบริการในกลุ่มเขต กทม. เร่งดูแลสุขภาพชาว กทม. อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจัดประชากรลงหน่วยบริการปฐมภูมิ และ รพ.รับส่งต่อแล้ว โดย สปสช.เร่งหาโรงพยาบาลรองรับดูแลผู้ป่วยเพิ่มเติม
................................
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 ในการประชุมจัดเครือข่ายหน่วยบริการในกลุ่มเขตของพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ในฐานะประธาน และ พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ประธานร่วมคณะทำงานทุติยภูมิ ตติยภูมิพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้แทนจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้แทนจากศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. ทั้ง 69 แห่ง และผู้บริหาร สปสช. เข้าร่วม
นพ.สุขสันต์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อจัดสรรดูแลประชากรสิทธิบัตรทองในเขต กทม. ลงหน่วยบริการ เพื่อให้ได้รับการดูแลต่อเนื่อง ทั้งในส่วนหน่วยบริการปฐมภูมิและหน่วยบริการรับส่งต่อ โดยเป็นการปรับระบบบริการใหม่ทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีหลักการสำคัญคือ “ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ในการจัดสรรหน่วยบริการให้ประชาชน และใช้ข้อมูลบริการปี 2563 ในการอ้างอิง การประชุมครั้งนี้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็นการจัดเครือข่ายในกลุ่มเขตทั้งระดับปฐมภูมิและระดับทุติยภูมิในกลุ่มเขต ประกอบด้วยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง และในส่วนของหน่วยบริการรับส่งต่อที่มีผู้แทนโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกันดูแลจำนวนประชากรในกรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นต้องย้ำว่าการแบ่งประชากรลงหน่วยบริการนี้เป็นเพียงการจัดสรรเบื้องต้น โดยในกรณีที่ประชาชนไม่สะดวกในการเข้ารับบริการที่ทาง สปสช. ได้จัดสรรใหม่นี้ยังสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการปีละ 4 ครั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่ สปสช.กำหนด
“สถานการณ์ภาพรวมของโรงพยาบาลรับส่งต่อ ต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลแต่ละแห่งขณะนี้ได้รับดูแลประชากรที่เกินจำนวนโรงพยาบาลรองรับได้ ต้องขอบคุณโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้ช่วยกันเกลี่ยพื้นที่และรับประชากรมาดูแลเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในการเข้ารับบริการด้วยการรองรับประชากรที่เกินศักยภาพอาจส่งผลต่อการบริการผู้ป่วยในระยะนี้ได้ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งหลังจากนี้ สปสช.จะได้เร่งหาหน่วยบริการมาสนับสนุนเพิ่มเติม” ประธานคณะทำงานทุติยภูมิ ตติยภูมิพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการจัดสรรประชากรเพื่องลงหน่วยบริการนี้ ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนกับคลินิกหรือศูนย์บริการสาธารณสุข ในกรณีที่ป่วยหนักหรือพบว่าเป็นโรคที่ซับซ้อนจะมีโรงพยาบาลเครือข่ายหลายแห่งในพื้นที่รองรับการส่งต่อรักษา ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลทุติยภูมิและตติยภูมิ ซึ่งช่วยให้การประสานส่งต่อง่ายและสะดวกขึ้น เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในการปรับระบบบริการใหม่นี้
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหน่วยบริการโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งที่ร่วมจัดบริการให้ประชาชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผลจากการจัดสรรประชากรลงหน่วยบริการทั้งในส่วนหน่วยบริการปฐมภูมิและหน่วยบริการรับส่งต่อ รวมทั้งข้อเสนอที่ให้ สปสช.เร่งประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้โรงพยาบาลจตุรทิศเข้ามาช่วยดูแลประชากรเพิ่มเติม รวมถึงการเชิญชวนโรงพยาบาลเอกชนเข้ามาในระบบเพิ่มเติมนั้น จะนำเข้าสู่ที่ประชุม อปสข. ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 นี้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณความร่วมมือศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. โรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ที่ได้ร่วมดูแลประชากรสิทธิบัตรทองให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้