‘ออมสิน’ เปิดให้ประชาชนยื่นขอกู้เงิน ‘สินเชื่อช่วยประชาชนที่มีรายได้ประจำ’ เป็นรอบ 2 วันนี้ หลังจากเปิดรอบแรกไปแล้ว แต่ยังมีเงินสินเชื่อเหลืออยู่ คงดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ผ่านชำระ 3 ปี
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารออมสินได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านการให้สินเชื่อฉุกเฉิน หรือ ‘โครงการสินเชื่อพิเศษ’ สำหรับผู้มีรายได้ประจำ กรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นกู้จำนวนมากจนเต็มวงเงินในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อธนาคารได้รับเรื่องกู้และเร่งพิจารณาตามกระบวนการสินเชื่อแล้ว ปรากฏมีผู้ยื่นกู้ไม่ผ่านเกณฑ์หรือคุณสมบัติไม่ตรง และไม่มาติดต่อธนาคารตามที่ได้แจ้งข้อความผ่าน SMS จึงทำให้ยังมีวงเงินอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้น ธนาคารออมสินจึงเปิดให้บริการสินเชื่อนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดให้ยื่นเรื่องผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.63 เป็นต้นไป
สำหรับการปล่อยกู้ในโครงการสินเชื่อพิเศษดังกล่าว ธนาคารยังคงให้วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ให้ผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี
โดยคุณสมบัติผู้กู้ต้องเป็นผู้มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือธุรกิจบริการ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่ได้รับผลกระทบ อาทิ ตกงาน ถูกลดเงินเดือน ขาดรายได้ เป็นต้น โดยสามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอนสามารถติดต่อได้ มีเอกสารทางการเงินเป็นสลิปเงินเดือน 1 เดือนล่าสุดทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หรือใช้เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 3 เดือน
“การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย และส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ธนาคารออมสินจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการช่วยประชาชนด้วยสินเชื่อนี้จะเป็นการบรรเทาผลกระทบลงได้บ้างเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่เดือดร้อนของประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก โดยจะเปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.63” นายวิทัยกล่าว
อ่านประกอบ :
ออมสิน ขยายเวลาพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ถึง ธ.ค.ช่วย ลูกค้ากระทบโควิด 19
แพร่ประกาศ 'คลัง' ทำสัญญากู้เงิน 'ออมสิน' 3 หมื่นล. ตามกรอบ พ.ร.ก.สู้โควิด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage