สสส.มอบชุดเครื่องมือดูแลตนเอง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก และอีก 10 จังหวัดนำร่อง หนุนด่านหน้า อสม. ทำงานป้องกันชุมชนให้ปลอดจากโควิด-19 พร้อมยื่นมือช่วยเหลือฟื้นฟูหลังวิกฤต
นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวในการลงพื้นที่ส่งมอบต้นแบบชุดเครื่องมือดูแลตนเอง "สู้! โควิด-19 ไปด้วยกัน" แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก จำนวน 1,500 ชุด และน้ำยาแอลกอฮอล์ 70% จำนวน 100 แกลลอน ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า ขณะนี้ ชุดเครื่องมือฯ ที่ สสส. โดยแผนสร้างเสริมความเข้าใจสุขภาวะ และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพัฒนาต้นแบบสนับสนุนข้อมูลการเฝ้าระวังควบคุมโรคระบาดในพื้นที่ ประกอบไปด้วย คู่มือการดูแลตนเองฉบับประชาชน ปรอทวัดไข้ หน้ากากผ้ามัสลิน สเปรย์แอลกอฮอล์ 70% สบู่ ยาสีฟัน ซึ่งมอบให้แก่จังหวัดนำร่องทั้ง 10 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ศรีสะเกษ นครนายก นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ทุกจังหวัดได้รับชุดเครื่องมือฯ แล้ว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดทำหน้าที่ส่งมอบไปยังทุกอำเภอ และทุกอำเภอกระจายต่อพื้นที่ที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งในระดับชุมชน และตำบล เพื่อนำชุดเครื่องมือฯ นี้ เป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานควบคุมการระบาดของโควิด-19
“การลงพื้นที่วันนี้เป็นการให้กำลังใจท่านผู้ว่าฯ นครนายก ซึ่ง จ.นครนายกเป็นหนึ่งในเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ มีการพูดคุยถึงมาตรการในการช่วยเหลือฟื้นฟู โดย สสส. ยินดีที่จะให้การสนับสนุนภายใต้โครงการสนับสนุนวิชาการเพื่อการจัดการเครือข่ายพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก โดยเฉพาะมาตรการฟื้นฟูเยียวยา เนื่องจากชาวบ้านถูกเลิกจ้าง จะทำอย่างไรให้มีการจ้างงาน จึงแนะนำให้จับมือเครือข่ายฯ ร่วมกันพัฒนาโครงการในพื้นที่ เพื่อพัฒนาให้เกิดเครือข่ายอาชีพ เช่น การปลูกผักลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ โดยยึดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” นางสาวดวงพร กล่าว
นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดการระบาดของโควิด-19 ของจังหวัดนครนายกขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ และมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม จำนวน 2 ราย แต่ทุกวันจะมีคนกลับจากพื้นที่เสี่ยงเพิ่ม 5% หรือ 100-200 คน ในส่วนนี้ระดับพื้นที่ชุมชน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นพลังสำคัญถือเป็นด่านหน้าที่ทำงานหนักในการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและไม่แสดงอาการ โดยขอความร่วมมือชาวบ้านกักตัวอย่างน้อย 14 วัน ดังนั้น ถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย และชุดเครื่องมือฯ ของ สสส. โดยเฉพาะปรอทวัดไข้ ที่ก่อนหน้านี้หาได้ยากมาก เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย มีความจำเป็น เมื่อ อสม. ไปเยี่ยมหรือขอความร่วมมือให้กักตัวอยู่บ้าน สิ่งของเหล่านี้ช่วยสนับสนุนการทำงานของ อสม.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ในถุงชุดเครื่องมือฯ มีประโยชน์มาก ชื่นชมวิธีคิดของสสส. ทั้งการมอบคู่มือคำแนะนำการดูแลสังเกตอาการ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากผ้า โดยเฉพาะปรอทวัดไข้ที่เป็นของส่วนตัวทำให้ผู้ถูกกักตัวสบายใจ เท่ากับสิ่งที่ภาครัฐต้องการขอความร่วมมือไม่กลายเป็นภาระของเขา ทำให้ชาวบ้านเต็มใจร่วมมือ เกิดการมีส่วนร่วมกับชุมชน เพราะถ้าเราดูแลกันอย่างดี ออกนอกบ้านก็สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ก็ทำให้ไม่มีคนติดเชื้อเพิ่ม สำหรับ จ.นครนายกถือเป็นพื้นที่ไข่แดง ที่จังหวัดโดยรอบเป็นพื้นที่มีผู้ติดเชื้อ ถ้าไม่วางมาตรการเข้มงวดจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-19 แน่นอน เพราะประชากรในพื้นที่เกินร้อยละ20 เป็นผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงหากรับเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้” นายณัฐพงศ์ กล่าว