กลุ่มบางจากฯ และกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น ร่วมหนุน “บีบีจีไอ” เสริมแกร่งธุรกิจผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต จับมือพันธมิตรระดับโลก ชู SynBio นวัตกรรมสีเขียวล้ำยุค รุกผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง
‘กลุ่มบางจากฯ’ และ ‘กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น’ เสริมความแกร่งหนุน ‘บมจ.บีบีจีไอ (BBGI)’ รุกธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ต่อยอดองค์ความรู้เทคโนโลยีชีวภาพจากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของไทย สู่การผนึกพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ นำเทคโนโลยี SynBio สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง สร้างความมั่นคงให้กับโลกในอนาคตด้วยนวัตกรรมสีเขียว พลิกโฉมธุรกิจสร้าง New S-Curve ให้แก่ BBGI เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดรับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของภาครัฐ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม กลุ่มบางจากฯ ดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายในการสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงสร้างธุรกิจหลัก 5 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ทำให้เกิดความร่วมมือกับกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น) ผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมน้ำตาลรายใหญ่ของไทยขึ้น เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Value Bio-based Products) ผ่านการควบรวมบริษัท (Amalgamation) เพื่อตั้งบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI)
บีบีจีไอฯ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Holding Company เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอล ไบโอดีเซล ซึ่งสนับสนุนให้ BBGI เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศไทย และต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่ผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง โดยนำเอาเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology: SynBio) มาใช้ เพื่อผลักดันให้ BBGI เป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง สอดรับกับโมเดล Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG ของภาครัฐ และมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตน้ำตาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมผ่านการวิจัยและพัฒนา เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำตาลอย่างครบวงจร โดยนำผลพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทฯ จึงร่วมมือกับกลุ่มบางจากฯ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง โดยนำจุดแข็งของกลุ่มน้ำตาลขอนแก่นที่เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ มาช่วยสร้างความมั่นคงทางวัตถุดิบให้แก่ BBGI จากฐานการผลิตของโรงงานน้ำตาลรวม 5 แห่ง ซึ่งมีอัตราการหีบอ้อยรวม 131,500 ตันอ้อยต่อวัน โดยมีคาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 2565 อยู่ที่ 6.14 ล้านตันอ้อย
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากการที่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มบางจากฯ และกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำของผลิตภัณฑ์เอทานอลและไบโอดีเซล รวมกับการนำความรู้และประสบการณ์กว่า 17 ปีด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ BBGI เอง มาต่อยอดโดยใช้เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ในอนาคตอันใกล้นี้ BBGI มีเป้าหมายที่จะเริ่มโครงการโรงงานพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (Contract Development and Manufacturing Organization (CDMO)) ซึ่งสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงต่างๆ เช่น เอนไซม์, คอลลาเจน, เวย์โปรตีนจากนม, โปรตีนจากไข่ ตลอดจนผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก โดยโรงงาน CDMO นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ และลดต้นทุนได้ดีกว่าการผลิตแบบดั้งเดิม
นายกิตติพงศ์ กล่าวเสริมว่า “BBGI มีรายได้ที่มั่นคงและเติบโตมาโดยตลอดหลายปี แม้ว่าต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 – 2563 มีกำไรสุทธิจำนวน 152 ล้านบาท 387 ล้านบาท และ 845 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่า 100% ต่อปี ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 903 ล้านบาท เติบโต 59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ BBGI มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต”
ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า BBGI ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีความแข็งแกร่งด้านองค์ความรู้และประสบการณ์เทคโนโลยีชีวภาพมาอย่างยาวนาน เป็นบริษัทที่มีส่วนผสมทั้งธุรกิจที่มั่นคงและมีรายได้ที่แข็งแกร่งอย่างเช่นธุรกิจ Biofuel ที่ถือได้ว่าเป็น Cash cow ของกลุ่มบริษัทฯ และธุรกิจ High Value Bio-Based Products ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างดี และยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก ทำให้ BBGI เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีความโดดเด่น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด มีความมั่นใจว่า BBGI จะเป็นหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมอีกตัวหนี่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ