คณบดีเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดลหวังปูพรมตรวจเชิงรุกโควิด-19 ช่วยค้นพบผู้ติดเชื้อที่แท้จริงและแยกกักตัวแบบ Home Isolation
.........................
คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล คาดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แท้จริงน่าจะมากกว่าในปัจจุบัน ชี้ต้องเร่งตรวจปูพรมเชิงรุกค้นหาและแยกกักตัวในลักษณะ Home Isolation พร้อมจับมือ สปสช.และ สปคม. ตั้งเป้าระดมตรวจให้ได้วันละ 10,000 รายจนถึงปลายเดือน ก.ค.นี้
ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจโควิด-19 แอนติเจน เทสท์ คิท (Antigen Test Kit) ว่า จากอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า บวกกับข้อติดขัดที่ห้องแล็บหรือโรงพยาบาลไม่สามารถตรวจให้ประชาชนทั่วไปได้เพราะเตียงเต็ม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ว่าจำนวนการตรวจมีแนวโน้มลดลง สวนทางกับจำนวนการติดเชื้อที่มากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าถ้าตรวจกันเต็มศักยภาพจริงๆ น่าจะพบอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่านี้
ดังนั้น คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงร่วมกับ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และ สปสช. ทำแคมเปญตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจโควิด-19 แอนติเจน เทสท์ คิท (Antigen Test Kit) เพื่อให้สามารถตรวจคนหมู่มากได้
ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า ในส่วนของวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมาเป็นการเริ่มดำเนินการวันแรก ซึ่งที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ มีผู้เข้ารับการตรวจ 709 คน ทั้งจากคนที่ลงทะเบียนเข้ารับการตรวจออนไลน์และคนที่ walk in เข้ามา พบผลเป็นบวกหรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 53 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มไม่มีอาการ โดย สปสช.จะจับคู่กับคลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้านเพื่อดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชนต่อไป และในวันที่ 13 ก.ค. ได้เพิ่มการตรวจเป็นประมาณ 1,500 ราย และทางคณะฯ ก็พยายามจะเพิ่มจำนวนการตรวจให้ได้มากขึ้นอีกในวันต่อๆไป เพราะขณะนี้ก็มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้ามาแล้วกว่า 10,000 คน โดย สปสช.จะจัดสรรโควต้าในแต่ละวัน แล้วแจ้งผู้ที่เข้ามาตรวจว่าต้องมาวันไหน เวลาไหน
ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า แคมเปญนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือถึงประมาณปลายเดือน ก.ค.นี้ อย่างไรก็ดี ทั้ง สปคม. และ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ร่วมปูพรมตรวจเชิงรุกแก่ประชาชน ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ตรวจในลักษณะนี้ด้วย ซึ่งก็คาดหวังว่าถ้าสามารถตรวจได้เป็นแสนๆรายต่อวัน ก็น่าจะค้นพบผู้ติดเชื้อและแยกกักตัวในลักษณะ Home Isolation เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล ส่วนผู้ที่อาการปานกลางหรือรุนแรงก็จะมี 1330 ช่วยจัดหาโรงพยาบาลให้ และน่าจะช่วยให้การระบาดมีแนวโน้มที่ลดลง