แจ้งความ สน.หัวหมาก เอาผิดคลินิกเสริมความงามย่านรามคำแหง ดูดไขมัน ‘แม่’ อดีตรองผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช เสียชีวิต อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงพื้นที่สอบแล้ว
...............................
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 ที่ สน.หัวหมาก น.ส.อัยมิญห์ อิทธีรนันท์ แจ้งความกับ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับแพทย์พยาบาลและผู้เกี่ยวข้องที่ทำการรักษา นางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ ผู้เป็นแม่ น้องสาวของนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปดูดไขมันที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งใน ซ.รามคำแหง 24 เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุให้ เสียชีวิตที่คลินิกเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา
น.ส.อัยมิญห์ กล่าวว่า แม่ตั้งใจที่จะดูดไขมันที่ช่วงหลังออก หลังออกกำลังกายมาแล้วไม่สามารถกำจัดไขมันที่หลังได้ ก่อนที่แม่จะตัดสินใจดูดไขมันกับคลินิกแห่งนี้ แม่ได้ปรึกษาโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกอื่น ๆ มาหลายที่แล้ว แพทย์ของคลีนิกแห่งนี้ได้การันตีถึงผลการรักษา จนแม่เชื่อใจและตกลงค่าใช้จ่ายพร้อมนัดวันดูดไขมันในวันที่ 20 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา โดยแม่แจ้งให้ตนมารับกลับบ้านในช่วงเวลา 14.00 น แต่ช่วง 13.06 น.คลินิกดังกล่าวติดต่อหาตนผ่านทางไลน์ทั้งส่งข้อความและการโทร แต่ตนกับคลินิกยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันในไลน์ จึงติดต่อไม่ได้ คลินิกจึงเปลี่ยนไปติดต่อน้องชายว่าแม่เริ่มมีอาการผิดปกติ น้องชายจึงแจ้งให้คลินิกนำแม่ไปส่งโรงพยาบาล
น.ส.อัยมิญห์ กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงที่คลินิก เข้าไปหาแม่ซึ่งขณะนั้น ร่างกายของแม่เย็นและตัวไม่นิ่มแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าก่อนที่คลินิกจะติดต่อหาญาติ ทำไมจึงไม่นำแม่ไปส่งโรงพยาบาล ทั้งที่คลินิกเองอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง อีกทั้งในตัวคลินิกมีสถานที่ที่ดูไม่ได้มาตรฐาน ตั้งอยู่ในตึกแถว อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ทำ ศัลยกรรมและกู้ชีพดูผิดมาตรฐาน รวมถึงถังขยะภายในห้อง เจอหลอดฉีดยาที่ภายในบรรจุ น้ำสีขุ่นคล้ายจะเป็นยาสลบ จากการพูดคุยระหว่างแม่กับคลินิก ระบุว่าจะใช้เพียงยานอนหลับเท่านั้น
น.ส.อัยมิญห์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังต้องรอผลการตรวจสอบจากนิติเวชว่าแม่ตนเสียชีวิตเพราะรับยาเกินขนาดหรือไม่ ยืนยันว่าแม่ของตนไม่เคยแพ้ยา แพ้อาหารใด ๆ ที่ผ่านมามีสุขภาพแข็งแรงมาก เพราะดูแลตัวเองอย่างดีและออกกำลังกายมาสม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้แม่เคยดูดไขมันมาแล้วซึ่งไม่เคยมีปัญหาหรืออาการแทรกซ้อนทั้งตอนทำและหลังทำ โดยวันนี้ตำรวจต้องการสอบปากคำครอบครัวผู้เสียหายเพิ่มเติม หลังจากที่ได้สอบปากคำบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 6 รายของคลินิกไปแล้ว พร้อมกันนี้ ตนก็จะแจ้งความร้องทุกข์กับคลินิกดังกล่าว
ด้าน นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกเสริมความงามแห่งนี้ โดย นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า จากการตรวจคลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการประเภทไม่รับผู้ป่วยค้างขึ้น อาคารของคลินิกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 3 เป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ชั้น 2 เป็นชั้นที่ให้บริการเรื่องความงาม และเก็บอุปกรณ์ยา เบื้องต้นพบว่า ถูกมาตรฐานตามที่ขออนุญาต และได้ขอจัดทำห้องผ่าตัดขนาดเล็กด้วย ภายในห้องผ่าตัดที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอาอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพ และเครื่องฟื้นคืนชีพไปเป็นพยานหลักฐานทางคดี แต่สิ่งที่ผิดกฎหมาย คือ คลินิกขอใบอนุญาตดำเนินให้การรักษาช่วงเวลา 17.00-20.00 น. แต่กลับให้บริการผู้เสียชีวิต เวลา 12.00-14.00 น.
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า สบส.จึงต้องไปแจ้งความข้อหาดำเนินการประกอบกิจการสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนกรณีของผู้ป่วยเสียชีวิต สบส.จะทำหนังสือเชิญหมอที่ทำหัตถการกับผู้เสียชีวิตไปให้ข้อมูลกับแพทย์สภา เพื่อพิจารณาว่าดำเนินการไปตามมาตรฐานวิชีพหรือไม่ แต่เบื้องต้นทราบว่าหมอที่ทำหัตถการ พยายามช่วยฟื้นคืนชีพแต่ไม่สำเร็จ ส่วนที่ลูกของผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดทางคลินิกถึงไม่ส่งผู้ตายไป รพ.อย่างเร่งด่วนนั้น คลินิกชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนระหว่างการส่งต่อ ซึ่งอาการของผู้เสียชีวิตในขณะนั้นไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายเอง
นายแพทย์ธเรศ กล่าวอีกว่า การผ่าตัด และการดูดไขมันเป็นหัตถการรักษาที่มีความเสี่ยง ซึ่งเสี่ยงตั้งแต่การใช้ยา เพื่อทำให้คนไข้ลดความเจ็บปวด เพราะยาบางชนิดอาจทำให้ความดันตก หรือ เกิดจากการใช้เครื่องมือสอดเข้าไป หากดูดไขมันออกในปริมานที่มากและรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายช็อกได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่สั่งให้ปิดสถานประกอบการ เพราะยังไม่ใช่ข้อหาร้ายแรง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/