ปธ.กสม. เผย ยุติเรื่องศิริราช จัดแสดงศพ “ซีอุย-มนุษย์กินคน” ชี้แม้ละเมิดสิทธิในชื่อเสียงเกียรติยศจริง แต่แก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมแล้ว เสนอ “ศิริราช-ราชทัณฑ์” จัดการศพตามกฎหมาย เหตุไร้ญาติแสดงตัว
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2563 นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประชุมกสม. ด้านคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน วานนี้ (5ก.พ.)ได้มีการพิจารณาเรื่องที่ตัวแทนชาวบ้านอ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ร้องขอให้ตรวจสอบกรณีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลนำร่างของนายซีอุย แซ่อึ้ง ผู้ได้รับโทษประหารชีวิตไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน ตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งอาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วเห็นว่า นายซีอุยหรือลีอุย แซ่อึ้ง ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษประหารชีวิต ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฯ และเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2502 เรือนจำกลางบางขวางได้ดำเนินการประหารชีวิตนายซีอุย ซึ่งระเบียบการประหารชีวิตนักโทษในขณะนั้นกำหนดว่า ถ้ามีญาติมาติดต่อขอรับศพไป เรือนจำจะอนุญาตให้ก็ได้ หากไม่มีญาติก็ให้รีบจัดการฝังได้ แต่ไม่ปรากฏว่ามีญาติพี่น้องของนายซีอุยมาขอรับศพไป และไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีการมอบศพของนายซีอุยแก่ผู้ถูกร้อง มีเพียงข้อมูลที่ปรากฏในมรณบัตรของนายซีอุยซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งการตายต่อสำนักทะเบียนเทศบาลเมืองนนทบุรีเท่านั้นว่า “ศพให้เก็บที่โรงพยาบาลศิริราช” จากนั้นมาศพของนายซีอุยจึงถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์สงกรานต์ นิยมเสน เพื่อเป็นวิทยาทานให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านนิติเวชศาสตร์ แต่รูปแบบการจัดแสดงศพของนายซีอุย มีการปิดป้ายให้ข้อมูลการจัดแสดงบริเวณด้านบนของตู้บรรจุศพว่า “Si Quey ซีอุย แซ่อึ้ง (มนุษย์กินคน)” ซึ่งกสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าว ประกอบ มาตรา 32 รัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับศพ อันมีบทบัญญัติที่รับรองและคุ้มครองศพ ชื่อเสียงและเกียรติยศของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย จึงเห็นว่า แม้ว่าการจัดแสดงศพของนายซีอุยจะมีประโยชน์ในอันที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้แก่สาธารณชนทางด้านนิติเวชศาสตร์ แต่ถือเป็นหน้าที่ของผู้ถูกร้องที่จะต้องปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ชื่อสกุล ประวัติ อาชีพ ครอบครัว ของผู้เสียชีวิต เพื่อมิให้เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือละเมิดสิทธิของผู้เสียชีวิต ญาติและครอบครัว ดังนั้น รูปแบบและวิธีการจัดแสดงของผู้ถูกร้อง เป็นการเปิดเผยชื่อ ชื่อสกุล และใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะไม่เหมาะสม จึงถือเป็นการละเมิดสิทธิในชื่อเสียงเกียรติยศของนายซีอุย
แต่ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2562 ผู้ถูกร้องได้ปรับปรุงข้อความในป้ายจัดแสดง และเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2562 ผู้ถูกร้องได้ประกาศติดตามหาญาติของนายซีอุย เพื่อเปิดโอกาสให้ญาติได้ร่วมหารือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับศพของนายซีอุยให้เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อครบกำหนดในวันที่ 4 ส.ค. 2562 แล้ว ไม่มีบุคคลใดที่สามารถแสดงตัวได้ว่าเป็นทายาทหรือญาติของนายซีอุย ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2562 ผู้ถูกร้องจึงได้แถลงต่อสาธารณะว่าได้นำศพของนายซีอุยออกจากพิพิธภัณฑ์ฯ แล้ว การดำเนินการของผู้ถูกร้องในส่วนนี้จึงถือได้ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมแล้ว กสม. จึงมีมติให้ยุติเรื่อง
ส่วนกรณีที่ตัวแทนชาวบ้านอ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขอนำศพของนายซีอุยไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้น กสม. เห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า มีญาติของนายซีอุยมาติดต่อขอรับศพ และแม้ระยะเวลาจะผ่านพ้นมาเนิ่นนานกว่า 60 ปี แต่สถานะทางกฎหมายของศพนายซีอุยยังคงถือเป็นศพนักโทษชายเด็ดขาดโดยไม่เปลี่ยนแปลง ในชั้นนี้ กสม. จึงเห็นว่า เรือนจำกลางบางขวางซึ่งเป็นเรือนจำแห่งท้องที่ที่ทำการประหารชีวิตนายซีอุย สามารถเป็นผู้ดำเนินการเผาหรือฝังศพนายซีอุยตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ. 2546 ข้อ 18 ได้ จึงมีข้อสังเกตในส่วนนี้ไปยังผู้ถูกร้องและกรมราชทัณฑ์ เพื่อประสานความร่วมมือกันในการจัดการศพนายซีอุยให้เป็นไปอย่างเหมาะสมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว